พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1129/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเสนอคดีต่อศาลต้องมีข้อพิพาททางกฎหมาย หากมีคดีมีข้อพิพาทแล้ว ศาลฎีกาสามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงได้
การเสนอคดีต่อศาลนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 บัญญัติว่าต้องมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของบุคคลใดตามกฎหมาย หรือบุคคลใดจะใช้สิทธิในทางศาล ซึ่งต้องมีกฎหมายสนับสนุน ไม่ใช่ว่ามีความปรารถนาหรือข้องใจอย่างใดเกิดขึ้นก็มาร้องขอให้ศาลชี้ขาดได้
ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่จำต้องมาร้องต่อศาล ซึ่งศาลย่อมจะต้องยกคำร้องเสียนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องเช่นว่านั้นไว้แล้ว และมีผู้ร้องคัดค้านเข้ามาจนศาลชั้นต้นสั่ง และดำเนินการพิจารณาเป็นคดีมีข้อพิพาทนั้น เรื่องสิทธิเสนอคดีต่อศาลดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นอันผ่านไป
ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยข้อกฎหมาย ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้น เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะฟังข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาคดีไปทีเดียวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงใหม่อีก
ในกรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทแม้จะเป็นเรื่องที่ไม่จำต้องมาร้องต่อศาล ซึ่งศาลย่อมจะต้องยกคำร้องเสียนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องเช่นว่านั้นไว้แล้ว และมีผู้ร้องคัดค้านเข้ามาจนศาลชั้นต้นสั่ง และดำเนินการพิจารณาเป็นคดีมีข้อพิพาทนั้น เรื่องสิทธิเสนอคดีต่อศาลดังกล่าวข้างต้น ก็เป็นอันผ่านไป
ในคดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยข้อกฎหมาย ยังมิได้วินิจฉัยข้อเท็จจริงนั้น เมื่อคดีขึ้นมาสู่ศาลฎีกาศาลฎีกาย่อมมีอำนาจที่จะฟังข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาคดีไปทีเดียวได้ โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงใหม่อีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1018/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนำไม้เคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ต้องมีใบเบิกทางเฉพาะไม้ที่ทำตามกฎหมายเท่านั้น ไม้ผิดกฎหมายไม่ต้องขอใบเบิกทาง
ความผิดฐานนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ไม่มีใบเบิกทางกำกับตาม พระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 มาตรา 39 นั้น มุ่งหมายถึงไม้ที่ทำออกได้โดยรับอนุญาตจากเจ้าพนักงานภายหลังที่นำไปถึงที่อันระบุไว้ในใบอนุญาตแล้วประการหนึ่ง กับไม้ที่ทำออกโดยไม่ต้องรับอนุญาต ภายหลังที่นำไปถึงด่านป่าไม้ด่านแรกแล้ว อีกประการหนึ่ง เท่านั้น ถ้าหากนำไม้ที่ทำออกโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือนำไม้ที่มีไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตเคลื่อนล่วงด่านป่าไม้แล้วย่อมไม่อยู่ในบังคับแห่งบทมาตรานี้ (อ้างฎีกาที่ 38/2496)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 763-766/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความ ‘ตั้งบ้านเรือน’ ในกฎหมายเทศบาล: ที่อยู่ถาวรในเขตเทศบาลคือหลักเกณฑ์
คำว่า ตั้งบ้านเรือนตามความหมายของ พระราชบัญญัติเทศบาล 2486หรือ พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2492 นั้นต้องตีความว่า มีความหมายตลอดไปถึงบุคคลที่อยู่ในเคหสถานบ้านเรือนของผู้อื่นด้วยจะหมายเฉพาะแต่ผู้เป็นเจ้าของบ้านของตนเองเท่านั้นหาได้ไม่ฉะนั้นการตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลตามกฎหมายเกี่ยวกับการเทศบาลจึงมีความหมายถึงการที่บุคคลมีที่อยู่เป็นปรกติในเคหสถานใดๆ ในเขตเทศบาลนั่นเองซึ่งย่อมตรงกับคำว่าเจ้าบ้านและผู้อยู่ในบ้าน ตาม พระราชบัญญัติ การทะเบียนราษฎรในเขตเทศบาล พ.ศ.2479
การที่มีชื่อผู้ใดเป็นผู้อยู่ในบ้านตามทะเบียนราษฎรในเขตเทศบาลนั้นย่อมเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้นั้นได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลนั้นฉะนั้นเพียงแต่ได้ความว่าผู้นั้นไปได้ภรรยาที่ตำบลอื่นหรือไปมีบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลอื่นโดยมิได้ความว่าผู้นั้นได้ละทิ้งที่อยู่เดิมในเขตเทศบาลตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร เป็นที่อยู่ต่อไปแล้ว ก็จะฟังเป็นข้อพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วไม่ได้จึงต้องฟังว่าผู้นั้นยังมีที่อยู่ในเขตเทศบาลอยู่
การที่มีชื่อผู้ใดเป็นผู้อยู่ในบ้านตามทะเบียนราษฎรในเขตเทศบาลนั้นย่อมเป็นข้อสันนิษฐานเบื้องต้นว่า ผู้นั้นได้ตั้งบ้านเรือนอยู่ในเขตเทศบาลนั้นฉะนั้นเพียงแต่ได้ความว่าผู้นั้นไปได้ภรรยาที่ตำบลอื่นหรือไปมีบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลอื่นโดยมิได้ความว่าผู้นั้นได้ละทิ้งที่อยู่เดิมในเขตเทศบาลตามที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร เป็นที่อยู่ต่อไปแล้ว ก็จะฟังเป็นข้อพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานแห่งกฎหมายดังกล่าวแล้วไม่ได้จึงต้องฟังว่าผู้นั้นยังมีที่อยู่ในเขตเทศบาลอยู่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ระยะเวลาการวางค่าธรรมเนียมอุทธรณ์และการนับวันตามกฎหมาย
ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2493 ว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถา ให้ยกคำร้อง ถ้าประสงค์จะอุทธรณ์ ก็ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมมาวางภายใน 3 วันนับแต่วันนี้ ดังนี้จำเลยย่อมมีสิทธินำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลในวันที่ 1 กรกฎาคม 2493 ได้ เพราะ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 158 มิให้นับวันแรกแห่งระยะเวลา รวมคำนวณเข้าด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองไม้หวงห้ามที่ยังไม่ได้แปรรูป จำเลยต้องพิสูจน์ที่มาโดยชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยมีไม้เต็งรัง ไม้เหียง ไม้พลวง ไม้มะค่าแต้ และไม้แดง อันเป็นไม้แระเภทหวงห้าม ไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงประทับ รวม 97896 ท่อน เป็นไม้ติดเปลือกยาว 120 เซ็นติเมตรถึง 300 เซ็นติเมตร โต-วัดโดยรอบประมาณ 20 - 30 เซ็นติเมตร ดังนี้ เป็นแต่ไม้ที่ตัดออกเป็นท่อนยังไม่ถึงขนาดเป็นไม้แปรรูป จึงเป็นหน้าที่จำเลยที่แสดงให้เห็นว่า ได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายตามความหมายใน พ.ร.บ.ป่าไม้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 241/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์สินโดยไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ก่อให้เกิดละเมิดและต้องชดใช้ค่าเสียหาย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งเจ้าหน้าที่ - ฝ่ายทหารเข้ายึดทรัพย์สินและกิจการของบริษัทฯหนึ่ง โดยอาศัยอำนาจกฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 12 แล้วให้กองทัพบกจัดการเกณฑ์ทรัยพ์สินของบริษัทนี้ให้มาเป็น - กรรมสิทธิของทางราชการทหารตามพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 10 ข้อ 2 ประกอบด้วยพ.ร.บ.เกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ. 2469 กระทรวงกลาโหมหาได้ดำเนินการเณฑ์ตามพ.ร.บ.เกณฑ์พลเมืองอุดหนุนราชการทหาร พ.ศ. 2464 ไม่ คงยึดแต่ทรัพย์สินของบริษัทไว้เป็นเวลาถึงเกือบ 3 ปี แล้วจึงคืนให้บริษัท ดังนี้ ย่อมเป็นการยึดโดยมิได้มีอำนาจอันชอบด้วยกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.กฎอัยการศึก พ.ศ. 2457 มาตรา 12 ให้อำนาจที่จะทำการยึดไว้ชั่วคราวเท่านั้น ฉะนั้นเมื่อทางกระทรวงกลาโหมไม่ดำเนินการให้ถูกดต้องดังกล่าวแล้ว ก็ย่อมเป็นการละเมิดสทิธิของบริษัทที่ถูกยึด ตามป.ม.แพ่งฯมาตรา 420 , 421 กระทรวงกลาโหมจึงต้องรับผิดใช่ค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1593-1594/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานเพิ่มเติมในเอกสารที่ไม่ใช่พยานเอกสารตามกฎหมาย
ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 94 ห้ามมิให้มีการสืบเพิ่มเติมตัดทอนหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร แต่เฉพาะในกรณีที่มีกฎหมายบังคับให้ต้องมีพยานเอกสารมาแสดง
ผู้อยู่ในบ้านเช่า ทำหนังสือไว้แก่ผู้เช่าบ้านนั้นว่า ตนรับเฝ้าบ้านเช่าให้แก่ผู้เช่า ไม่ใช่เช่าช่วงและไม่ได้เสียเงินให้ผู้เช่า ดังนี้ หนังสือดังกล่าวไม่ใช่พยานเอกสารชนิดที่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องนำแสดง ฉะนั้น การสืบเพิ่มเติมหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง เช่นสืบว่าตนเช่าช่วงบ้านนั้นจากผู้เช่า ดังนี้ ย่อมสืบได้ไม่ต้องห้าม
ผู้อยู่ในบ้านเช่า ทำหนังสือไว้แก่ผู้เช่าบ้านนั้นว่า ตนรับเฝ้าบ้านเช่าให้แก่ผู้เช่า ไม่ใช่เช่าช่วงและไม่ได้เสียเงินให้ผู้เช่า ดังนี้ หนังสือดังกล่าวไม่ใช่พยานเอกสารชนิดที่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องนำแสดง ฉะนั้น การสืบเพิ่มเติมหรือแก้ไขเปลี่ยนแปลง เช่นสืบว่าตนเช่าช่วงบ้านนั้นจากผู้เช่า ดังนี้ ย่อมสืบได้ไม่ต้องห้าม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521-1522/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลบังคับของประกาศหวงห้ามไม้: ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการติดประกาศตามกฎหมาย
พระราชกฤษฎีกา หรือ ประกาศรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดขึ้นตามบทแห่ง พ.ร.บ.ป่าไม้นั้นต้องตัดสำเนาประกาศไว้ ณ ที่ว่าการอำเภอและที่ทำการกำนันหรือที่สาธารณะสถานในท้องที่ซึ่งเกี่ยวข้อง จึงจะมีผลบังคับได้ ถ้ามิได้มีการปฏิบัติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ดังกล่าวก็ไม่มีผลบังคับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1160/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือหย่าที่ทำขึ้นสองฉบับโดยต่างฝ่ายลงนาม มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
สามีภริยาตกลงหย่ากันโดยทำหนังสือหย่าขึ้น 2 ฉะบับ ต่างยึดถือไว้คนละฉะบับ มีข้อความอย่างเดียวกัน และมีผู้รู้เห็นเป็นพยานเกินกว่า 2 คน ต่างกันแต่ว่าฉะบับที่สามียึดไว้ภริยาเป็นผู้ลงนาม ฉะบับที่ภริยายึดไว้สามีเป็นผู้ลงนาม หาได้ลงนามทั้งสามีภริยาในเอกสารฉะบับเดียวกันไม่ ดังนี้
วินิจฉัยว่า หนังสือหย่าเช่นนี้สมมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1498
วินิจฉัยว่า หนังสือหย่าเช่นนี้สมมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว ไม่ขัดต่อ ป.ม.แพ่งฯมาตรา 1498
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1085/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บัตรเลือกตั้งไม่เสียหากเครื่องหมายเคลื่อนไหวได้ ไม่มีร่องรอยแป้ง/กาว เพราะกฎหมายไม่ได้กำหนด
ไม่มีบทบัญญัติในการเลือกตั้งกล่าวไว้ว่า การลงเครื่องหมายต้องใช้ทาด้วยแป้งหรือกาว แล้วปิดเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งลงในบัตรเลือกตั้งให้แน่นสนิทมิให้หลุดเคลื่อนไปมาได้ มิฉะนั้นให้ถือว่าเป็นบัตรเสีย ดังนี้เลย ฉะนั้นการที่มีบัตรที่มีเครื่องหมายอยู่ภายในเคลื่อนไหวไปมาได้ โดยไม่มีรอยแป้งปิด ในหีบบัตรนั้น จึงไม่ทำให้บัตรดังกล่าวเป็นบัตรเสีย