พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1453-1454/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษปรับในคดีฝิ่น: ศาลมีอำนาจยกเว้นโทษปรับหลังลงโทษจำคุกแล้ว
ความผิดฐานมีฝิ่น มูลฝิ่น เสพย์ฝิ่นนอกร้าน ตาม พระราชบัญญัติฝิ่นที่บัญญัติให้ลงโทษผู้กระทำผิด จำคุกและปรับนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยแล้ว จะยกโทษปรับเสียก็ได้ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 23
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1184/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลเมื่อรับอุทธรณ์: การดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์และการร้องต่อศาลอุทธรณ์
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของคู่ความแล้ว กระบวนพิจารณาต่อจากนั้นมาย่อมถือได้ว่า เป็นกระบวนพิจารณาของศาลอุทธรณ์โดยศาลชั้นต้นเป็นผู้ดำเนินแทน ฉะนั้นเมื่อคู่ความไม่พอใจคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งในฐานะดำเนินการแทนศาลอุทธรณ์นี้อย่างใดแล้ว ก้จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อศาลอุทธรณ์ไม่ได้ แต่ชอบที่จะรอจนกว่าศาลชั้นต้นาจะได้ส่งสำนวนขึ้นไปยังศาลอุทธรณ์ แล้งไปร้องต่อศาลอุทธรณ์ซึ่งถ้าศาลอุทธรณ์ไม่พิใจในคำสั่งของศาลชั้นต้นก็ชอบที่าจะสั่งใหม่ได้ตามอำนาจของศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1079-1080/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลสั่งประมูลการเช่าที่พิพาทในคดีกรรมสิทธิที่ดิน: ต้องอาศัยความยินยอมของจำเลย
โจทก์จำเลยเป็นความพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิที่ดินระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งโจทก์จำเลยมาประมูลการเช่าที่พิพาทเอาเงินมาวางศาลไว้ ดังนี้ ศาลจะสั่งให้มีการประมูลการเช่าที่พิพาทได้ ในเมื่อจำเลยตกลงยินยอมประมูลแล้ว ศาลไม่มีอำนาจจะสั่งบังคับให้จำเลยจำต้องประมูล
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลและฟ้องซ้ำ: คดีเลิกหุ้นส่วนที่ไม่เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องขอเลิกหุ้นส่วนและตั้งผู้ชำระบัญชี ไม่ใช่เป็นเรื่องเรียกร้องทรัพย์สิน หรือส่วนแบ่งอย่างใด จึงเป็นคดีมีคำขอปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรืออีกนัยหนึ่งเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ เพราะโจทก์ไม่ได้เรียกร้องทรัพย์สิน และคดีก็ไม่ได้พิพาทกันว่าทรัพย์สินในหุ้นส่วนนี้มีอะไรบ้างคดีอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144เป็นเรื่องห้ามมิให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีเดิมที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดแล้วใหม่อีก ส่วนมาตรา148 ห้ามมิให้คู่ความมาฟ้องซ้ำ
โจทก์ฟ้องคดีต่อศาลแขวง ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่าเป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวง โจทก์มิได้อุทธรณ์คงนำคดีนั้นไปฟ้องยังศาลแพ่งศาลแพ่งพิพากษายกฟ้องอีกโดยวินิจฉัยว่า เป็นคดีอยู่ในอำนาจศาลแขวงโจทก์จึงมายื่นฟ้องต่อศาลแขวงอีกครั้งหนึ่งดังนี้ เป็นเรื่องโจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่กรณีไม่ใช่มาตรา 144 และไม่ต้องห้ามตามมาตรา 148 เพราะศาลยังมิได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องอันเป็นมูลฟ้องนั้นศาลแขวงต้องรับฟ้องโจทก์ไว้ดำเนินคดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานทำร้ายร่างกาย แม้ฟ้องพยายามฆ่า
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายมีบาดแผลถึงบาดเจ็บ โดยจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ลูกปืนที่ใช้ยิงมีแรงระเบิกไม่แรงพอ ผู้เสียหายจึงไม่ตาย ขอให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าคนตายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 249,60 ดังนี้ เมื่อศาลพิจารณาเห็นว่าจำเลยมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายตามมาตรา 254 ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยฐานทำร้าย่างกายตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 254 ได้ ไม่เป็นการเกินคำขอ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 718/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลอุทธรณ์วินิจฉัยพยานหลักฐานต่างจากศาลชั้นต้น และการไม่แก้ไขคำพิพากษาเมื่อไม่อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว แม้ศาลจะไม่เชื่อคำพยานโจทก์ตอนหนึ่ง และโจทก์ไม่อุทธรณ์หรือแก้อุทธรณ์ จำเลยฝ่ายเดียวอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยเชื่อคำพยานโจทก์ตอนนั้นได้
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยรวมกันฐานมีฝิ่นผิด พระราชบัญญัติเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้ไข
ศาลชั้นต้นปรับจำเลยรวมกันฐานมีฝิ่นผิด พระราชบัญญัติเมื่อโจทก์ไม่อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาไม่แก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 66/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการปรับตาม พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกฯ และข้อโต้แย้งเรื่องเลขที่ใบขน
จำเลยกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากรและ พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่างซึ่งศาลให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ฉบับหลังเป็นบทหนักนั้น ตามมาตรา 3 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งออกไปฯลฯ ( ฉบับที่ 3 ) 2490 ศาลย่อมมีอำนาจปรับจำเลยเป็นรายตัวคนละ 5 เท่าของราคาสินค้าได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร: คดีอาญาที่มีผู้ร่วมกระทำผิดที่ไม่เป็นทหาร
ฟ้องพลทหารประจำการหาว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลทหารเมื่อทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้อื่นกระทำผิดร่วมกับจำเลยด้วย และผู้ที่ร่วมมือกระทำผิดด้วยนี้ไม่ปรากฎว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารคดีจึงขึ้นศาลทหารไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2494
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลทหาร: การดำเนินคดีอาญาเมื่อมีผู้ร่วมกระทำผิดไม่อยู่ในอำนาจศาล
ฟ้องพลทหารประจำการหาว่ากระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรต่อศาลทหาร เมื่อทางพิจารณาได้ความว่ามีผู้อื่นกระทำผิดร่วมกับจำเลยด้วยและผู้ที่ร่วมมือกระทำผิดด้วยนี้ไม่ปรากฏว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารคดีจึงขึ้นศาลทหารไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีภาษีเงินได้ที่เกี่ยวข้องกับการชำระภาษีแล้ว ศาลพิจารณาว่ามีทุนทรัพย์เกินอำนาจศาลแขวง
โจทก์ฟ้องประกอบด้วยคำขอท้ายฟ้อง แสดงให้เห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินภาษีเงินได้ประเมินภาษีเงินได้ให้โจทก์ชำระเงิน 71936.10 บาทเป็นการไม่ถูกต้อง จึงขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่เจ้าพนักงานประเมินภาษีได้ประเมินให้โจทก์ชำระภาษี 71936.10 บาท ซึ่งโจทก์ได้นำเงินไปชำระแล้วนั้นเสีย ดังนี้ ผลของคำพิพากษาในเมื่อโจทก์ชนะคดีก็คือ โจทก์ย่อมได้รับเงินที่ชำระไว้แล้วคืน จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 150 เกินอำนาจศาลแขวงจะพิจารณาพิพากษาได้