พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษจำเลยในคดีอาญาที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการรับรองจากจำเลย หรือการนำสืบพยานหลักฐานยืนยันความถูกต้อง
เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จ โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่าจำเลยเป็นคนๆ เดียวกับจำเลยในคดีอีกคดีหนึ่ง และขอให้นับโทษจำเลยต่อศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยไม่ปรากฏว่ามีการสอบถามจำเลยว่าจะเป็นความจริงตามคำร้องของโจทก์หรือไม่ ที่จำเลยให้การเป็นพยานไว้ จำเลยก็ให้การว่าในคดีที่โจทก์ฟ้องเพิ่มเติมนี้ จำเลยไม่ทราบเรื่องแสดงว่าจำเลยปฏิเสธคำร้องของโจทก์ โจทก์มิได้สืบให้ปรากฏตามคำร้องขอของโจทก์เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา และโจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์แล้ว โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์อีกว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในคดีนั้นแล้วถ้าหากศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยคดีนี้ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีนั้นด้วย จำเลยรับสำเนาคำร้องของโจทก์แล้ว ก็มิได้แถลงในเรื่องนี้ว่าอย่างไร คดีจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้รับตามคำร้องของโจทก์ในข้อนี้ จึงนับโทษจำเลยต่อจากคดีที่โจทก์ขอไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 439/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประมาทในการขับรถ การกินทาง และการสืบพยานหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยประมาทโดยแซงรถจักรยานและจักรยานยนต์ข้างหน้าเป็นเหตุให้ต้องวิ่งรถเลยกึ่งกลางถนนมาแล้วเกิดชนกันขึ้นข้อเท็จจริงอันเป็นสารสำคัญของฟ้องว่าประมาท และเป็นต้นเหตุใกล้ชิดของการที่รถชนกันขึ้นอยู่ที่ขับรถกินทางไปทางขวาจนเกินทางของตนมิใช่การแซงรถ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยขับรถกินทางไปทางขวาเกินกว่ากึ่งกลางถนนไปชนรถที่จำเลยอีกคนหนึ่งขับสวนมา แม้จะไม่มีการแซงรถก็ตรงกับฟ้องและความประสงค์ให้ลงโทษแล้ว ไม่ถือว่าโจทก์สืบไม่สมฟ้อง และข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณาไม่ใช่เป็นเรื่องโจทก์ไม่ประสงค์ให้ลงโทษ
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจ้างบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกของส่วนบุคคลไม่ใช่รถยนต์สาธารณะจำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด
รถยนต์บรรทุกของ ถ้าไม่รับจ้างบรรทุกก็เป็นรถบรรทุกของส่วนบุคคลไม่ใช่รถยนต์สาธารณะจำเลยมีใบอนุญาตขับรถส่วนบุคคลจึงขับรถดังกล่าวนี้ได้ ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางอาญาต่างกันของจำเลยร่วม กรณีพยานหลักฐานแยกรับฟังได้
จำเลยสองคนถูกหาว่าชิงทรัพย์และฆ่าคน. เมื่อข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยแต่ละคนสามารถแยกรับฟังได้. กรณีจึงมิใช่เป็นเหตุในลักษณะคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่พอฟังลงโทษจำเลย คดีไม้หวงห้าม แม้จำเลยมิได้ฎีกา ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องได้
คดีโจทก์มีประจักษ์พยานเพียง 2 ปาก แต่ประจักษ์พยานทั้ง 2 ปาก ให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลจนเป็นที่เชื่อถือไม่ได้ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงพอจะลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดี แม้จำเลยบางคนจะมิได้ฎีกาขึ้นมาศาลก็พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องแม้จำเลยมิได้ฎีกา
คดีโจทก์มีประจักษ์พยานเพียง 2 ปากแต่ประจักษ์พยานทั้ง 2 ปากให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลจนเป็นที่เชื่อถือไม่ได้ ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงพอจะลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดีแม้จำเลยบางคนจะมิได้ฎีกาขึ้นมา ศาลก็พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 328/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้ง ไม่น่าเชื่อถือ ศาลยกฟ้องจำเลย แม้ไม่ได้ฎีกา
คดีโจทก์มีประจักษ์พยานเพียง 2 ปาก. แต่ประจักษ์พยานทั้ง 2 ปาก ให้การขัดแย้งกันและไม่สมเหตุผลจนเป็นที่เชื่อถือไม่ได้. ทำให้พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงพอจะลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์. การที่พยานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้เช่นนี้เป็นเหตุลักษณะคดี.แม้จำเลยบางคนจะมิได้ฎีกาขึ้นมา. ศาลก็พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่มิได้ฎีกาขึ้นมาได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจรอการลงโทษโดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่ดีของผู้ต้องหา และการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ
ใบรับรองของโรงเรียนที่จำเลยส่งพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ แม้จะไม่มีพยานบุคคลรับรองความถูกต้องแท้จริงแต่โจทก์ก็มิได้แก้อุทธรณ์หรือคัดค้านในชั้นนั้น และแม้จะเป็นการอ้างพยานเอกสารโดยผิดระเบียบแต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นนี้ได้ในเมื่อจำเป็นต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
การที่จำเลยกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ นับว่ากำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เมื่อเปรียบเทียบการให้จำคุกจำเลยไปทีเดียว การรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นนั้นจะเป็นผลดีแก่จำเลยในทางกลับตัวได้ยิ่งกว่า การรอการลงโทษจำเลยไว้จึงเป็นการสมควร
การที่จำเลยกำลังศึกษาเล่าเรียนอยู่ นับว่ากำลังอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เมื่อเปรียบเทียบการให้จำคุกจำเลยไปทีเดียว การรอการลงโทษเพื่อให้โอกาสจำเลยกลับไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นนั้นจะเป็นผลดีแก่จำเลยในทางกลับตัวได้ยิ่งกว่า การรอการลงโทษจำเลยไว้จึงเป็นการสมควร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 201/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษอาญาต้องอาศัยหลักฐานยืนยันความผิด แม้จำเลยรับสารภาพในชั้นสอบสวนก็ใช้ลงโทษไม่ได้หากไม่มีพยานหลักฐานสนับสนุน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 แม้จำเลยให้การรับสารภาพต่อศาล โจทก์ก็ยังมีหน้าที่นำสืบให้เป็นที่เชื่อได้ว่าจำเลยกระทำผิดจริง ศาลจึงจะลงโทษได้ จะฟังเอาคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนมาเป็นเหตุลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับพยานหลักฐานทางอ้อมและการเพิ่มโทษอาชญากรจากประวัติอาชญากรรม
แม้จำเลยจะมิได้ให้การรับในข้อต้องโทษ และพ้นโทษในวันที่ศาลสอบคำให้การจำเลย แต่ก็ได้ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยซึ่งได้อ้างตัวเองเป็นพยานต่อศาลว่าจำเลยเคยต้องโทษตามฟ้องจริง คำว่า ตามฟ้อง นั้นต้องหมายความถึงวันพ้นโทษของจำเลยด้วย เพราะโจทก์ได้บรรยายมาในฟ้องแล้วว่า จำเลยพ้นโทษมา และยังได้ท้าวถึงประวัติอาชญากรซึ่งโจทก์ส่งมาเป็นส่วนหนึ่งของฟ้องอีก ฉะนั้น เมื่อจำเลยรับว่าเคยต้องโทษต้องฟ้องจริง ก็เท่ากับจำเลยรับให้ข้อพ้นโทษในคดีก่อนด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1813/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเรียกเอกสารพยานหลักฐาน และหน้าที่ของผู้ครอบครองเอกสารในการส่งตามคำสั่งศาล
สำนวนการสอบสวนคดีอาญาซึ่งอยู่ในความครอบครองของพนักงานอัยการ. เมื่อศาลมีคำสั่งเรียกมาเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีแพ่ง. พนักงานอัยการจะไม่ยอมส่ง.โดยอ้างว่าผู้ต้องหาหลบหนียังอยู่ในระหว่างหมายจับ ถ้าจับได้มา.จะไม่มีสำนวนดำเนินคดีนั้น.ไม่เป็นเหตุตามกฎหมายที่จะปฏิเสธคำสั่งของศาลได้.ทั้งทางแก้ก็มีอยู่แล้วโดยการคัดสำเนาส่งศาลแทน.
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน. ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา. พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ. ย่อมฟังไม่ขึ้น.
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมาย.ผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า.ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ.ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่.
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง.กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้. ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้.
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น.เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้.
พนักงานอัยการเคยนำส่งสำนวนการสอบสวนมาศาลครั้งหนึ่งแล้วในวันพิจารณาและขอรับคืนไปเมื่อเสร็จการพิจารณาเฉพาะวัน. ครั้นภายหลังศาลมีคำสั่งเรียกให้ส่งมาเพื่อใช้พิจารณาประกอบการพิพากษา. พนักงานอัยการจะปฏิเสธไม่ยอมส่งโดยอ้างว่าเป็นความลับในราชการ. ย่อมฟังไม่ขึ้น.
การอนุญาตให้คู่ความอ้างเอกสารใดเป็นพยาน และจะมีคำสั่งเรียกมาหรือไม่เป็นอำนาจของศาลที่จะสั่งได้ตามกฎหมาย.ผู้ครอบครองเอกสารจะโต้แย้งว่า.ศาลไม่ควรอนุญาตหรือ.ไม่ควรเรียกมาหาได้ไม่.
คำสั่งของศาลที่เรียกเอกสารจากผู้ครอบครอง.กฎหมายมิได้กำหนดแบบไว้. ศาลจะมีคำสั่งในรูปหนังสือราชการก็อาจทำได้.
การหมายเรียกบุคคลที่ปฏิเสธไม่ยอมส่งเอกสารมาศาลเพื่อให้ชี้แจงเหตุผลนั้น.เมื่อศาลมีคำสั่งยืนยันให้ส่งเอกสารก็แสดงอยู่ในตัวว่าการปฏิเสธนั้นไม่มีเหตุผลฟังได้.