คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลอุทธรณ์ในการพิจารณาคำร้องขอทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์ คำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
กรณีที่พิพาทกันในชั้นขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ซึ่งจำเลยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์นั้น อำนาจในการสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตเป็นอำนาจเฉพาะของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้รวมตลอดถึงเรื่องการพิจารณาหลักประกันด้วย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุดคู่ความจะฎีกาโต้แย้งคำสั่งของศาลอุทธรณ์มิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3938/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กระบวนการรับฎีกา: ศาลชั้นต้นทำหน้าที่แทนศาลฎีกา การอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกาโดยตรง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยก คำร้อง ของจำเลยในกระบวนพิจารณาชั้นรับฎีกา เป็นกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นทำแทนศาลฎีกา หากจำเลยไม่พอใจก็ชอบที่จะร้องอุทธรณ์คำสั่ง ดังกล่าวต่อศาลฎีกาโดยตรงที่จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้นได้ส่งอุทธรณ์ของจำเลยตรงมายังศาลฎีกานั้น พอถือได้ว่าจำเลยได้อุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาที่จำเลยอุทธรณ์มานั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฎีกาผู้ขอประกัน: ผลของกฎหมายที่ใช้บังคับ ณ วันยื่นฎีกาและการสิ้นสุดสิทธิอุทธรณ์
สิทธิในการฎีกาของผู้ขอประกันต้องพิจารณาตามบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้ในขณะที่ยื่นฎีกา ผู้ขอประกันยื่นฎีกาเมื่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ที่แก้ไขใหม่มีผลใช้บังคับแล้ว ซึ่งบัญญัติให้ผู้ขอประกันมีอำนาจอุทธรณ์คำสั่งศาลในกรณีผิดสัญญาประกันได้ และคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุดดังนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้น กรณีจึงเป็นที่สุดผู้ขอประกันไม่มีสิทธิฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3914/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: จำเลยฎีกาประเด็นข้อเท็จจริงที่เคยให้การรับสารภาพแล้ว และมิได้ยกขึ้นอุทธรณ์
จำเลยให้การรับสารภาพว่าได้เล่นการพนันสลากกินรวบ โดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ตามฟ้องโจทก์จริง เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษา โจทก์ฝ่ายเดียวอุทธรณ์ขอไม่ให้รอการลงโทษแก่จำเลยโดยจำเลยมิได้อุทธรณ์ ดังนั้นการที่จำเลยฎีกาว่ามิได้กระทำผิดฐานเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงที่ยุติแล้ว และเป็นปัญหาที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3755/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการรับค่าจ้างและโบนัสของลูกจ้าง, การผิดนัดชำระค่าจ้าง, และขอบเขตการอุทธรณ์ในคดีแรงงาน
โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยหลีกเลี่ยงให้โจทก์เป็นลูกจ้างรายวันและหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ให้ค่าจ้างโจทก์ในวันที่โจทก์มาลงชื่อเพื่อปฏิบัติงานในวันต่อไป เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการอุทธรณ์นอกเหนือไปจากที่โจทก์กล่าวอ้างในฟ้อง จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลแรงงานกลาง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 235 วรรคแรก ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์และจำเลยทำข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างว่าจำเลยจะจ่ายเงินโบนัสให้แก่พนักงานของจำเลยทุกคนในวันที่ 28 สิงหาคม 2533 โดยไม่มีข้อความว่าจะจ่ายให้แก่พนักงานที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานก่อนวันดังกล่าว ย่อมมีความหมายว่าการจ่ายเงินโบนัสของจำเลยในวันดังกล่าว นอกจากพนักงานผู้มีสิทธิได้รับเงินโบนัสต้องมีอายุการทำงานครบ 1 ปี นับแต่มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างแล้ว ยังต้องมีตัวอยู่ในวันที่มีการจ่ายเงินโบนัสด้วย เมื่อโจทก์ถูกเลิกจ้างก่อนวันที่จำเลยจะจ่ายเงินโบนัส โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินโบนัส
จำเลยจ่ายค่าจ้างต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามกฎหมายเป็นการผิดนัดในการจ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังจ่ายให้ไม่ครบตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ จำเลยต้องจ่ายดอกเบี้ยแก่โจทก์ระหว่างผิดนัดอัตราร้อยละสิบห้าต่อปี ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 31 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3752/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์การบังคับคดี การงดการขายทอดตลาดเพื่อรอผลการพิจารณาอุทธรณ์
ในชั้นบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดเพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการสั่งขายทอดตลาดตาม ป.วิ.พ. มาตรา 307 ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น พร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ไม่ควรมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวโดยที่ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย เพราะการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวนั้นมีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยต่อไปได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยได้เสร็จแล้ว หากศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีความเห็นว่าควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ตามคำร้อง กรณีก็จะไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3752/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์การแต่งตั้งผู้จัดการทรัพย์สินในคดีบังคับคดี
ในชั้นบังคับคดีจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของจำเลยที่เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดเพื่อหารายได้ชำระหนี้โจทก์แทนการสั่งขายทอดตลาดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 307 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นพร้อมกับยื่นคำร้องขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวโดยขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยไว้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอคุ้มครองประโยชน์ชั่วคราวในกรณีเช่นนี้มีผลเท่ากับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยต่อไปได้ ซึ่งถ้าหากเจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยเสร็จแล้วหากศาลอุทธรณ์พิจารณาอุทธรณ์ของจำเลยแล้วมีความเห็นว่าควรตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ตามคำร้อง กรณีก็จะไม่อาจบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้ จึงไม่ชอบที่ศาลอุทธรณ์จะสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3535/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เหตุป่วยของทนายความไม่ใช่เหตุสุดวิสัยในการขยายเวลาอุทธรณ์
ความเจ็บป่วยของทนายความไม่ใช่เป็นกรณีมีเหตุสุดวิสัยเพื่อขอขยายระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ดังนี้ศาลไม่อาจขยายกำหนดระยะเวลาซึ่งสิ้นกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้วได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3515/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาอุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคำร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย: การพิจารณาประเภทคำสั่งและระยะเวลาที่ถูกต้อง
คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้จำหน่ายคดีชั้นร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาของจำเลยเพราะจำเลยทิ้งคำร้องมิใช่เป็นการสั่งในเนื้อหาของคำร้องและมิใช่เป็นคำสั่งให้ยกคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาซึ่งจะต้องอุทธรณ์ภายใน 7 วัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 156 วรรคท้าย แต่มีสิทธิอุทธรณ์ได้ภายในกำหนด 1 เดือนนับแต่วันที่จำเลยทราบคำสั่งจำหน่ายคำร้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ประกอบมาตรา 229

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์เกินกำหนด & คำสั่งยืนยันเดิม - ไม่อุทธรณ์ได้
การอุทธรณ์นั้นต้องทำเป็นหนังสือยื่นต่อศาลชั้นต้นซึ่งมีคำพิพากษาหรือคำสั่งภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น เมื่อจำเลยยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดเวลาดังกล่าวอุทธรณ์ของจำเลยจึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้กลับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งในครั้งหลัง เมื่อคำสั่งในครั้งหลังเพียงแต่ยืนยันว่าคำสั่งเดิมชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นการยืนยันตามคำสั่งเดิม เมื่อคำสั่งเดิมจำเลยไม่อุทธรณ์ขอให้เพิกถอนได้ เพราะเหตุอื่นเกินกำหนดระยะเวลาอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์ของจำเลยในส่วนที่โต้เถียงคำสั่งในครั้งหลัง จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย
of 349