พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องคดีละเมิด: วันหยุดราชการขยายเวลาฟ้องได้
โจทก์กล่าวในฟ้องว่า จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 2 มีนาคม2516 ฉะนั้นอายุความเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดแก่มูลละเมิดซึ่งมี 1 ปีนับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์นั้น จึงครบกำหนดในวันที่ 2 มีนาคม2517 แต่ปรากฏว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 ตรงกับวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ โจทก์มีสิทธิฟ้องคดีในวันที่ 4 มีนาคม 2517 ซึ่งเป็นวันเริ่มทำงานใหม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 161 และข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่ 2 และวันที่ 3 มีนาคม 2517 เป็นวันเสาร์และวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันทั่วไป ศาลรู้ได้เองและหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ คู่ความไม่จำเป็นต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1946/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนกับรถไฟ: การปฏิบัติตามกฎหมายรถไฟและการพิจารณาความสำคัญของทางตัด
มาตรา 72 และ 73 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวงพระพุทธศักราช 2464 ให้อำนาจการรถไฟฯ เป็นผู้พิจารณาว่าทางรถไฟผ่านเข้ามถนนสายใดสำคัญหรือไม่ ถ้าเป็นทางสายสำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 72 ถ้าเป็นทางสายไม่สู้สำคัญก็ให้ปฏิบัติตามมาตรา 73 หาได้บังคับให้การรถไฟฯ จำต้องทำประตูหรือขึงโซ่หรือทำราวกั้นขวางถนนบรรดาที่ตัดผ่านทางรถไฟทุกสายไม่
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟ มีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
ก่อนถึงทางรถไฟตรงที่เกิเหตุมีป้ายบอกว่าระวังรถไฟ มีป้ายใช้ความเร็ว 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตอนจะถึงทางรถไฟมีเลข 20 แล้วมีเสาแผงสัญญาณไฟ ขณะนั้นสัญญาณไฟวาบและระฆังทำงานได้ตามปกติ แสดงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามมาตรา 73 แล้ว ไม่เป็นการประมาทเพราะฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1942/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างไม่ต้องรับผิดต่อละเมิดลูกจ้าง หากการกระทำมิได้อยู่ในขอบเขตหน้าที่และวัตถุประสงค์ของนายจ้าง
จำเลยที่ 4 เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการเดินรถโดยสารประจำทาง จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นพนักงานเก็บเงินค่าโดยสาร จำเลยที่ 3 เป็นผู้ควบคุมรถได้ความว่าพนักงานขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 4 ขับรถเลี้ยวด้วยความเร็ว ทำให้โจทก์และผู้โดยสารอื่นตกจากม้านั่ง การที่โจทก์ต่อว่าพนักงานขับรถเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ไม่พอใจ และร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์จนได้รับอันตรายแก่กายนั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนอกวัตถุประสงค์ของจำเลยที่ 4 ผู้เป็นนายจ้าง และมิใช่กิจการในหน้าที่ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ได้รับมอบหมาย การกระทำดังกล่าวอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงมิใช่เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 4
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดเครื่องหมายการค้า: ความคล้ายคลึงจนทำให้เกิดความสับสน
เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปว่าวจุฬาเอียงขวา มีคำว่า "ตราว่าว" ของจำเลยเป็นรูปว่าวจุฬาเอียงขวา แต่ไม่มีป่านว่าว มีคำว่า "ตราซุปเปอร์แมน" รูปแบบสีสรรการวางตัวหนังสือคล้ายของโจทก์ อาจทำให้หลงตามความรู้สึกของวิญญูชนโดยทั่วๆ ไป จำเลยต้องเลิกใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่ปฏิบัติงานในทางการจ้าง แม้ไม่มีการขออนุญาตใช้รถ
รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถสำหรับใช้ในราชการของกองสำรวจ กรมชลประทานมิใช่รถประจำตำแหน่งหัวหน้ากองสำรวจแต่ผู้เดียว วันเกิดเหตุตอนเช้า ส.ลูกจ้างกรมชลประทานจำเลยได้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งหัวหน้ากองสำรวจที่ปากเกร็ด แล้วจอดรออยู่ พอตกบ่าย ส.ได้ขับรถคันดังกล่าวจากกองสำรวจปากเกร็ดจะมาที่กรมชลประทาน มีผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นพนักงานกองสำรวจโดยสารมาในรถด้วย ส.ขับรถประมาทเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำ ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เมื่อได้ความว่าในเวลาปฏิบัติราชการหัวหน้ากองได้มอบกุญแจให้อยู่ในความครอบครองของ ส.ตลอดเวลา การที่ ส.ขับรถคันดังกล่าวออกมาจะโดยเป็นความประสงค์ของ ส.เอง หรือของพนักงานกรมชลประทานคนใดก็ตาม ส.ก็ไม่ต้องขออนุญาตจากหัวหน้ากอง ย่อมถือได้โดยปริยายว่า กรมชลประทานจำเลยได้อนุญาตให้ ส.กระทำเช่นนั้นได้ ทั้งเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นปรากฏว่าได้เกิดในระหว่าง ส.ปฏิบัติงานให้นายจ้าง การกระทำของ ส. เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลย จำเลยในฐานะนายจ้างต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 159/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงาน แม้จะไม่มีการขออนุญาตใช้รถ
รถคันที่เกิดเหตุเป็นรถสำหรับใช้ในราชการของกองสำรวจกรมชลประทาน มิใช่รถประจำตำแหน่งหัวหน้ากองสำรวจแต่ผู้เดียววันเกิดเหตุตอนเช้า ส. ลูกจ้างกรมชลประทานจำเลยได้ขับรถคันดังกล่าวไปส่งหัวหน้ากองสำรวจที่ปากเกร็ด แล้วจอดรออยู่พอตกบ่าย ส. ได้ขับรถคันดังกล่าวจากกองสำรวจปากเกร็ดจะมาที่กรมชลประทาน มีผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นพนักงานกองสำรวจโดยสารมาในรถด้วย ส. ขับรถประมาทเป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำผู้ตายถึงแก่ความตายดังนี้ เมื่อได้ความว่าในเวลาปฏิบัติราชการหัวหน้ากองได้มอบกุญแจให้อยู่ในความครอบครองของ ส. ตลอดเวลาการที่ ส. ขับรถคันดังกล่าวออกมาจะโดยเป็นความประสงค์ของ ส. เอง หรือของพนักงานกรมชลประทานคนใดก็ตาม ส. ก็ไม่ต้องขออนุญาตจากหัวหน้ากองย่อมถือได้โดยปริยายว่า กรมชลประทานจำเลยได้อนุญาตให้ ส. กระทำเช่นนั้นได้ ทั้งเหตุละเมิดที่เกิดขึ้นก็ปรากฏว่าได้เกิดในระหว่าง ส. ปฏิบัติงานให้นายจ้าง การกระทำของ ส. เป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยจำเลยในฐานะนายจ้างต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นบิดาผู้ตาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการละเมิดของพนักงาน: เริ่มนับเมื่อใด
บิลเก็บเงินค่าน้ำของโจทก์ขาดบัญชีไป และโจทก์รู้ว่า ก. และ ว. เป็นผู้ทำละเมิดจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2515 โจทก์ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. คนใดบ้านที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของบุคคลทั้งสอง และได้ทราบผลของการสอบสวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 ว่าจำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้บังคับชาของ ก. และ ว. จะต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบผลของการสอบสวนจากคระกรรมการสอบสวน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 ภายใน 1 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยทั้ง 4 จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องค่าเสียหายจากละเมิด: เริ่มนับเมื่อใด? ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเริ่มนับเมื่อทราบตัวผู้ต้องรับผิดชอบ
บิลเก็บเงินค่าน้ำของโจทก์ขาดบัญชีไป และโจทก์รู้ว่า ก. และ ว. เป็นผู้ทำละเมิดจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2515 โจทก์ได้ตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงว่ามีผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. คนใดบ้างที่จะต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของบุคคลทั้งสองและได้ทราบผลของการสอบสวนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 ว่าจำเลยทั้งสี่ในฐานะผู้บังคับบัญชาของ ก. และ ว. จะต้องร่วมรับผิดด้วย โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 เช่นนี้ต้องถือว่าโจทก์รู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2516 อันเป็นวันที่โจทก์ทราบผลของการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวน โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2517 ภายใน 1 ปี คดีโจทก์สำหรับจำเลยทั้ง 4 นี้จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1553-1555/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ค่าเสียหายจากการละเมิด: การประเมินค่าใช้จ่ายทำศพและค่าขาดไร้อุปการะ
กรณีละเมิดทำให้ถึงตาย โจทก์นำสืบค่าใช้จ่ายในการทำศพได้ไม่แน่นอน ศาลกำหนดให้ได้ตามสมควร ส่วนค่าขาดไร้อุปการะนั้นเป็นสิทธิที่จะได้รับเป็นค่าเสียหาย ไม่ต้องคำนึงถึงว่าโจทก์ยากไร้อย่างการเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูโดยตรง
คดีซึ่งโจทก์เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1420,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2,3 204,000 บาท แก่โจทก์ที่ 4 ผู้รับประกันภัยที่ได้รับช่วงสิทธิ 48,375 บาทกับดอกเบี้ยนั้น เฉพาะโจทก์ที่ 4 ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คดีซึ่งโจทก์เรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 1420,000 บาท แก่โจทก์ที่ 2,3 204,000 บาท แก่โจทก์ที่ 4 ผู้รับประกันภัยที่ได้รับช่วงสิทธิ 48,375 บาทกับดอกเบี้ยนั้น เฉพาะโจทก์ที่ 4 ทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความละเมิด: โจทก์ฟ้องล่าช้าเกิน 1 ปี นับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้รับผิด คดีขาดอายุความ
จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้คำประกันความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อนขึ้นกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยทำให้สินค้าสูญหาย และไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคต้น