พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าผู้ตายก่อนเสียชีวิตเป็นพยานหลักฐานสำคัญ ระบุตัวผู้กระทำผิดได้ เชื่อถือได้หากปราศจากความสับสน
ในกรณีที่ผู้ตายคิดว่าตนจะไม่ตาย ได้บอกกำนันระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้ายที่ยิงตน โดยไม่ปรากฏว่า ขณะนั้นผู้ตายมีสติฟั่นเฟือนเพราะความเจ็บปวด หรือสำคัญผิดในตัวคนร้ายหรือคาดคะเนคนร้ายโดยพลการแต่ประการใด คำบอกเล่าเช่นนี้รับฟังได้ในฐานะที่เป็นคำระบุบอกกล่าวในเวลาใกล้ชิดกับเหตุอันไม่มีโอกาสที่ผู้บอกกล่าวจะคิดใส่ความได้ทันเป็นพฤติการณ์ประกอบพยานหลักฐานโจทก์อันนำไปสู่การติดตามรู้ถึงตัวผู้กระทำผิด และได้พยานหลักฐานอื่นในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 308/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำบอกเล่าของผู้ถูกยิงก่อนตายเป็นพยานหลักฐานสำคัญบ่งชี้ตัวผู้กระทำผิดได้ หากปราศจากความสับสนหรือสำคัญผิด
ในกรณีที่ผู้ตายคิดว่าตนจะไม่ตาย ได้บอกกำนันระบุชื่อจำเลยว่าเป็นคนร้ายที่ยิงตน โดยไม่ปรากฏว่า ขณะนั้นผู้ตายมีสติฟั่นเฟือนเพราะความเจ็บปวด หรือสำคัญผิดในตัวคนร้ายหรือคาดคะเนคนร้ายโดยพลการแต่ประการใด คำบอกเล่าเช่นนี้รับฟังได้ในฐานะที่เป็นคำระบุบอกกล่าวในเวลาใกล้ชิดกับเหตุ อันไม่มีโอกาสที่ผู้บอกกล่าวจะคิดใส่ความได้ทัน เป็นพฤติการณ์ประกอบพยานหลักฐานโจทก์ อันนำไปสู่การติดตามรู้ถึงตัวผู้กระทำผิด และได้พยานหลักฐานอื่นในคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐาน
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อนทนายจำเลยไปศาล ส่วนโจทก์ ตัวโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่มีไปศาลทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนของทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายป่วย ตามหนังสือรับรองของแพทย์ไม่สามารถมาว่าความได้ทนายจำเลยแถลงไม่ค้านและว่าสุดแต่ศาลจะพิจารณา ดังนี้ การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดี ก็โดยที่ทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าความได้ซึ่งการป่วยย่อมเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และเป็นการขอเลื่อนครั้งแรกทนายจำเลยก็ไม่คัดค้าน การที่โจทก์และพยานโจทก์ไม่มีไปศาลอาจเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่าทนายโจทก์ป่วยและขอเลื่อนคดีแล้วคดีคงจะเลื่อนไป โจทก์จึงไม่มาศาลก็ได้ และพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานหมายนั้นปรากฏว่ามีคนเดียวโจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานไปแล้ว แต่พยานไม่มา พยานอาจมีเหตุขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ก็ได้กรณีเช่นนี้ยังไม่พอ จะฟังว่าโจทก์ประวิงคดีคำขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์จึงมีเหตุจำเป็น ที่สมควรจะให้เลื่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1322-1324/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจหน้าที่สถานีขนส่ง: ความขัดแย้งระหว่าง พ.ร.บ.จราจรทางบก กับ พ.ร.บ.การขนส่ง และการรับฟังพยานหลักฐาน
คดีอาญา จำเลยอ้างพยานเอกสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยและโจทก์ไม่รับรองความถูกต้อง เมื่อจำเลยไม่สืบพยานประกอบ พยานเอกสารนั้นก็รับฟังไม่ได้แต่ถ้าพยานเอกสารนั้นเป็นหนังสือราชการ ซึ่งต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการและที่จำเลยอ้างส่งต่อศาลเป็นสำเนาซึ่งเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (3) รับรองถูกต้อง ก็รับฟังได้ ไม่ต้องสืบพยานประกอบ
ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่ง และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นั้นเป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 69 และอธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่งตามมาตรา 50 (1) แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่ง ผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จอดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงได้เอง โดยไม่ให้ขัดขวางต่อการจราจร
เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 แต่ถ้าสถานที่จอดพักรถนั้นอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนเป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ก็ไม่เป็นสถานที่จอดพักรถตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นสถานีขอส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดสถานทีที่ใช้เป็นสถานีขนส่ง เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด
ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่ง และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นั้นเป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 69 และอธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่งตามมาตรา 50 (1) แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่ง ผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จอดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงได้เอง โดยไม่ให้ขัดขวางต่อการจราจร
เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 แต่ถ้าสถานที่จอดพักรถนั้นอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนเป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ก็ไม่เป็นสถานที่จอดพักรถตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นสถานีขอส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดสถานทีที่ใช้เป็นสถานีขนส่ง เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อกล่าวหาจากปล้นทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานปล้นทรัพย์
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายพวกเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บด้วย เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยปล้นทรัพย์ แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1288/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงข้อหาจากปล้นทรัพย์เป็นทำร้ายร่างกาย แม้มีเจตนาปล้นทรัพย์แต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยได้ใช้ไม้ตีทำร้ายร่างกายพวกเจ้าทรัพย์ถึงบาดเจ็บด้วย เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยปล้นทรัพย์แต่ฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันทำร้ายผู้เสียหาย ดังนี้ ศาลย่อมลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารเท็จที่ยื่นต่อศาลไม่ถือเป็นพยานหลักฐานสำคัญ หากข้อความในเอกสารนั้นไม่กระทบต่อการเรียกร้องค่าจ้าง
แต่เดิมจำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์เป็นทนายฟ้องเรียกมรดก ต่อมาจำเลยได้ทำสัญญายอมกับอีกฝ่ายหนึ่ง แล้วจ่ายค่าจ้างว่าความไม่ครบตามสัญญา โจทก์จึงฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าจ้างว่าความ จำเลยได้นำเอกสารใบมอบอำนาจซึ่งจำเลยมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นตัวแทนในการว่าจ้างว่าความ หากไม่ได้รับความยินยอมจากตัวแทนก็ไม่ผูกมัดจำเลยแสดงต่อศาล ศาลพิพากษาว่าทรัพย์มรดกที่ฟ้องเรียกนั้นมีราคาเพียง 1 ล้าน โจทก์ได้ปฏิบัติงานไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยได้รับมรดกเพียง 2 แสนบาท ได้จ่ายค่าจ้างทนายเป็นเงิน 27,000 บาท พอสมควรแก่การปฏิบัติงานแล้ว โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีอาญาในคดีนี้ว่าจำเลยแสดงพยานหลักฐานเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 ศาลฎีกาเห็นว่าใบมอบอำนาจนั้นยังถือไม่ได้ว่าเป็นพยานหลักฐานในข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยได้ หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนความสมัครใจและเป็นความจริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบฟังได้ว่าจำเลยให้การับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด และมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่า จำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วย นอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียด และมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่า จำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วย นอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยได้ หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนความสมัครใจและเป็นความจริง
คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนอาจใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาลโจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียดและมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่าจำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วยนอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คดีอาญาเรื่องฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำเลยให้การปฏิเสธชั้นศาลโจทก์ไม่มีประจักษ์พยาน แต่มีคำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนรับว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย โดยกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ร่วมกระทำความผิด พฤติการณ์ในการกระทำความผิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยละเอียดและมีผู้กำกับการตำรวจกับพนักงานสอบสวนมาเบิกความรับรองว่าจำเลยได้ให้การโดยสมัครใจ ได้พาไปชี้ที่เกิดเหตุและถ่ายภาพไว้ด้วยนอกจากจะบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้เป็นหนังสือแล้วยังได้บันทึกเสียงคำรับสารภาพของจำเลยไว้มาเปิดให้ศาลฟังด้วยนอกจากนี้โจทก์ยังมีพยานบุคคลประกอบอีกว่า ได้พบเห็นจำเลยในเวลาก่อนเกิดเหตุ และภายหลังเกิดเหตุ ณ บริเวณใกล้เคียงกับสถานที่เกิดเหตุ ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยประกอบกับพยานแวดล้อมเหล่านั้นลงโทษจำเลยได้ แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานที่มิได้ยื่นต่อศาลในชั้นอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย และหนังสือรับรองหนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสัญญาค้ำประกัน
เอกสารของคู่ความที่แนบท้ายคำแถลงการณ์ซึ่งยื่นในชั้นอุทธรณ์ มิใช่พยานหลักฐานที่ได้อ้างและยื่นต่อศาลโดยถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
ลูกหนี้ทำหนังสือรับรองต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้ภายในกำหนด 1 เดือนดังนี้ เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นฝ่ายเดียวให้แก่เจ้าหนี้เพื่อเป็นหลักฐานการรับสภาพหนี้ของลูกหนี้ ไม่ใช่ลูกหนี้และเจ้าหน้ตกลงกันใหม่ที่จะให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน
ลูกหนี้ทำหนังสือรับรองต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้ภายในกำหนด 1 เดือนดังนี้ เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นฝ่ายเดียวให้แก่เจ้าหนี้เพื่อเป็นหลักฐานการรับสภาพหนี้ของลูกหนี้ ไม่ใช่ลูกหนี้และเจ้าหน้ตกลงกันใหม่ที่จะให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน