พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการขับรถประมาท ศาลแบ่งความรับผิดจำเลยได้ แม้ไม่ใช่ลูกหนี้ร่วม
จำเลยทั้งสองต่างขับรถยนต์โดยประมาทเลินเล่อทำให้โจทก์ซึ่ง นั่งมาในรถจำเลยที่ 1 เสียหาย ไม่ใช่เป็นลูกหนี้ร่วมตาม มาตรา 432 แต่ศาลแบ่งความรับผิดให้เป็นส่วนของจำเลยแต่ละคนได้ตาม มาตรา 438
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การแบ่งความรับผิดหลายฝ่าย และขอบเขตความรับผิดของนายจ้าง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ค่าเสียหายของโจทก์รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 1,980,000 บาท แต่โจทก์มิได้เรียกร้องเอาเต็มจำนวนดังกล่าว คงติดใจขอเพียง 700,000 บาท กับดอกเบี้ยอีก 45,125 บาท รวม 748,125 บาท ดังนี้ การคิดค่าขึ้นศาลต้องคิดจากจำนวนเงิน 748,125 บาท ตามทุนทรัพย์ที่เรียกร้อง
ในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ต. ฐานขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ เป็นเหตุให้สามีโจทก์ซึ่งโดยสารมากับรถคันนั้นถึงแก่ความตาย และศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ต. คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ร่วมรับผิดในมูลละเมิดที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนกับรถ ต. เป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตายเป็นคดีแพ่ง ดังนี้ ในคดีอาญาดังกล่าวมีประเด็นเพียงว่า ต.ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังหรือไม่เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำเลยในคดีแพ่งนี้ซึ่งมิใช่คู่ความในคดีเดิม โจทก์จึงนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้
ในกรณีที่จำเลยกับผู้อื่นต่างคนต่างทำละเมิด มิใช่ร่วมกันทำละเมิดนั้น ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้จำเลย รับผิดตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งความผิดของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องจำเลยร่วมกับ ต.ทำละเมิด แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นว่าขอให้แบ่งส่วนความรับผิด แต่เรื่องค่าเสียหายนั้นศาลชอบที่จะกำหนดให้ชำระตามสมควรได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ว่าเป็นนายจ้าง ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาก็ตาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลงศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลตลอดถึงจำเลยที่ 1 ด้วยได้
ในคดีอาญาที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ต. ฐานขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ เป็นเหตุให้สามีโจทก์ซึ่งโดยสารมากับรถคันนั้นถึงแก่ความตาย และศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ต. คดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ร่วมรับผิดในมูลละเมิดที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ชนกับรถ ต. เป็นเหตุให้สามีโจทก์ถึงแก่ความตายเป็นคดีแพ่ง ดังนี้ ในคดีอาญาดังกล่าวมีประเด็นเพียงว่า ต.ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังหรือไม่เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับจำเลยในคดีแพ่งนี้ซึ่งมิใช่คู่ความในคดีเดิม โจทก์จึงนำสืบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ได้
ในกรณีที่จำเลยกับผู้อื่นต่างคนต่างทำละเมิด มิใช่ร่วมกันทำละเมิดนั้น ศาลมีอำนาจกำหนดค่าเสียหายให้จำเลย รับผิดตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งความผิดของจำเลยได้
โจทก์ฟ้องจำเลยร่วมกับ ต.ทำละเมิด แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้นว่าขอให้แบ่งส่วนความรับผิด แต่เรื่องค่าเสียหายนั้นศาลชอบที่จะกำหนดให้ชำระตามสมควรได้
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ว่าเป็นนายจ้าง ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้าง กรณีจึงเป็นเรื่องเกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ แม้จำเลยที่ 1 จะมิได้ฎีกาก็ตาม เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยที่ 2 รับผิดน้อยลงศาลฎีกาก็พิพากษาให้มีผลตลอดถึงจำเลยที่ 1 ด้วยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความการฟ้องละเมิด: การรู้ถึงความเสียหายและตัวผู้รับผิดชอบเป็นจุดเริ่มต้นนับอายุความ
จำเลยที่ 1 เป็นพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ จำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกันความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นกับโจทก์ จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยทำให้สินค้าสูญหายและไม่ส่งคืนเครื่องมือประจำรถบรรทุกซึ่งเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดเกินกว่า 1 ปีแล้ว เมื่อโจทก์มิได้ใช้สิทธิฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายภายใน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 วรรคต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1518/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องขับไล่, การครอบครองก่อนโอนกรรมสิทธิ์, และการฟ้องละเมิด
ผู้ให้เช่าอนุญาตให้ผู้เช่าที่ดินฟ้องขับไล่ผู้ที่อยู่ในที่ดินมาก่อนการเช่าแทนผู้ให้เช่าได้ และมอบอำนาจให้ผู้อื่นเป็นโจทก์ต่อไปก็ได้ ผู้เช่าต้องรับผิดตามสัญญาต่อผู้ให้เช่า ถ้าผู้เช่าไม่สามารถก่อสร้างตามสัญญาเช่าได้ผู้ให้เช่าจึงถูกเรียกเข้ามาในคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(3) ได้
ผู้ครอบครองที่ดินอ้างการครอบครองยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองมาก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ จะนับเวลายันผู้รับโอนไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิอันเป็นละเมิด ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนก็ฟ้องได้
ผู้ครอบครองที่ดินอ้างการครอบครองยันผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินได้ตั้งแต่วันที่โอนกรรมสิทธิ์ การครอบครองมาก่อนวันโอนกรรมสิทธิ์ จะนับเวลายันผู้รับโอนไม่ได้
ฟ้องขับไล่ผู้อยู่ในที่ดินโดยไม่มีสิทธิอันเป็นละเมิด ไม่จำต้องบอกกล่าวก่อนก็ฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวแทนเจ้าของเรือต่างประเทศไม่ต้องรับผิดละเมิดของลูกจ้างที่ทำตามหน้าที่
เจ้าของเรือที่นายเรือทำละเมิดอยู่ต่างประเทศ จำเลยเป็นตัวแทนเจ้าของเรือในประเทศไทย ไม่ต้องรับผิดในละเมิดที่ลูกจ้างของตัวการได้ทำตามหน้าที่ด้วย จะตีความคำว่าทำสัญญาใน มาตรา 824หมายความถึงทำละเมิด ฝืนถ้อยคำที่บัญญัติไว้ชัดแจ้งแล้วไม่ได้ โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ได้เป็นปัญหากฎหมายเรื่องอำนาจฟ้องซึ่งเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความค่าเสียหายจากละเมิด: การรู้ถึงการละเมิดและตัวผู้กระทำผิดของนิติบุคคล
ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 218 ข้อ 32วรรคสองว่า"กรมมีอธิบดีเป็นผู้ปกครองบังคับบัญชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของกรม ฯลฯ" ดังนั้นการที่จะถือว่ากรมตำรวจโจทก์ได้รู้ถึงเรื่องการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนก็ต่อเมื่ออธิบดีกรมตำรวจโจทก์หรือผู้ทำการแทนรู้เรื่องการละเมิด และรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน จะถือว่าเมื่อประธานกรรมการสอบสวนรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนต้องถือว่าโจทก์รู้ด้วยหาได้ไม่ เพราะตามระเบียบราชการนั้นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงจะต้องพิจารณาก่อนว่าเรื่องราวและความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เสนอไปนั้นถูกต้องหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1351/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาผูกพันคดีแพ่ง: การชำระหนี้หุ้นและข้อพิพาทการละเมิด
คดีแพ่งมีประเด็นว่า จำเลยทั้งสองทำละเมิดต่อโจทก์โดยจ่ายเงินค่าหุ้นให้ ซ. ทั้งที่รู้ว่า ซ. ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์และร่วมกันทำหลักฐานการรับเงินเท็จทำให้โจกท์เสียหายหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้หลังจากที่โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งแล้ว โจทก์ยังได้ฟ้อง ช.กับ จำเลยทั้งสองเป็นคดีอาญาข้อหาว่าปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม แจ้งความเท็จ และแสดงหลักฐานเท็จในการพิจารณาคดี ศาลอาญาฟังข้อเท็จจริงว่า ซ.ได้รับชำระค่าหุ้นจาก ช.แล้ว บันทึกการรับเงินทำขึ้นตามความเป็นจริง มีการชำระเงินตามวันเวลาที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นจริง พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้ว การพิจารณาคดีส่วนแพ่งจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 คือต้องฟังว่าจำเลยมิได้กระทำการดังที่โจทก์ฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดาต่อละเมิดของผู้เยาว์จากการสนับสนุนให้ขับขี่
บิดาของผู้เยาว์อายุ 18 ปี สนับสนุนให้ผู้เยาว์ขี่จักรยานยนต์ไปกิจธุระ ต้องรับผิดในละเมิดที่ผู้เยาว์ขับรถจักรยานยนต์ชนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1275/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ละเมิดจากรับของโจร: ความเสียหายต้องเป็นผลโดยตรงจากการครอบครอง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่า รถจักรยานยนต์ของโจทก์ได้ถูกคนร้ายลักไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับรถจักรยานยนต์ดังกล่าวได้จากจำเลย โดยจำเลยรับรถจักรยานยนต์นั้นไว้ และศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยฐารับของโจรแล้ว ดังนี้ ถ้าหากได้ความจริงว่าความเสียหายตามที่โจทก์ฟ้องเป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการที่จำเลยรับไว้และครอบครองรถจักรยานยนต์ของโจทก์ กล่าวคือถ้าจำเลยไม่รับและครอบครองรถจักรยานยนต์ของโจทก์ไว้ ความเสียหายนั้นก็จะไม่เกิดขึ้นแล้วก็ได้ชื่อว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์ ต้องชดใช้ค่าเสียหายนั้นแก่โจทก์