คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2501/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปลดลูกจ้างที่เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานเข้าข่ายเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมตาม พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
การที่บริษัทนายจ้างปลดลูกจ้างทั้งสองออกจากงานโดยข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าลูกจ้างทั้งสองทุจริตต่อหน้าที่ และมิได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของบริษัทนายจ้างดังที่บริษัทนายจ้างอ้าง และลูกจ้างทั้งสองเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานมีตำแหน่งประธานและเลขาธิการ ซึ่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทนายจ้างต้องการให้ยุบสหภาพนั้น แต่ลูกจ้างทั้งสองไม่ยินยอม นอกจากนี้ลูกจ้างทั้งสองยังได้ทำหนังสือร้องเรียนหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินให้ปรับปรุงบริษัทนายจ้างโดยอ้างว่ามีการทุจริต ทั้งยังได้นำพนักงานของบริษัทนายจ้างเรียกร้องผลประโยชน์อีกหลายเรื่อง พฤติการณ์ดังนี้น่าเชื่อว่าลูกจ้างทั้งสองถูกปลดออกจากงานเพราะเหตุเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงานอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 121

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 271/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โกงเจ้าหนี้: เจตนาโกงสำคัญกว่าสิทธิบังคับคดี แม้กระทำต่อเจ้าหนี้ของผู้อื่นก็ผิดได้
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้น ไม่จำต้องกระทำต่อเจ้าหนี้ของตนเท่านั้น แม้กระทำต่อเจ้าหนี้ของบุคคลอื่นก็มีความผิดฐานนี้ได้ และการที่จำเลยที่ 1 โอนที่ดินที่ได้รับโอนจากบิดามารดาของตนซึ่งโจทก์จะขอเพิกถอนการโอนเพื่อบังคับชำระหนี้ต่อไปให้กับจำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสองไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์ก็อยู่ในความหมายแห่งความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ด้วย แม้ว่าการโอนที่ดินดังกล่าวไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้หมดไปก็ตามก็เป็นความผิดฐานนี้ได้หากฟังได้ว่าจำเลยกระทำเพื่อมิให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งเจ้าหนี้ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ กล่าวคือ กฎหมายมุ่งถึงเจตนาของจำเลยที่จะโกงเจ้าหนี้ โดยไม่คำนึงว่าสิทธิการบังคับชำระหนี้ของโจทก์ที่มีต่อลูกหนี้ ของตนจะยังมีอยู่หรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องคุ้มครองสิทธิชั่วคราวต้องตรงกับการกระทำที่ถูกฟ้อง และไม่กระทบสิทธิบุคคลภายนอก
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทำหนังสือมอบอำนาจให้แก่โจทก์เพื่อให้โจทก์มีสิทธิและอำนาจดำเนินการขุดแร่หรือโอนขายประทานบัตรและอื่นๆ ได้ทั้งสิ้นตามสัญญาขายสิทธิการทำเหมืองแร่ เช่น ดังที่จำเลยได้เคยทำหนังสือมอบอำนาจให้โจทก์ไว้แต่เดิมและขอให้เพิกถอนหนังสือมอบอำนาจที่จำเลยมอบอำนาจไห้ว.มาเปิดทำการขุดหาแร่ในที่ประทานบัตรที่ขายให้โจทก์ อันเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวนเป็นราคาเงินได้ แล้วโจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลย และ ว.เข้าทำเหมืองแร่ ดังนี้คำฟ้องของโจทก์มิใช่เรื่องขอให้บังคับเอาแก่ตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ที่โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์เลย และโจทก์มิได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมาด้วย เหมืองแร่ที่ ว. เข้าไปทำจึงมิใช่ตัวทรัพย์ที่พิพาทในคดีนี้ การที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ดังกล่าว จึงไม่ตรงกับการกระทำที่จำเลยถูกฟ้อง ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวทรัพย์หรือเหมืองแร่ หากการกระทำของ ว. และจำเลยอาจเกิดความเสียหายแก่โจทก์ในเวลาต่อมา ก็เป็นเรื่องนอกคำขอท้ายฟ้องคดีนี้ และศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองสิทธิของโจทก์ให้กระทบกระเทือนถึง ว. ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกและไม่มีโอกาสต่อสู้คดีหาได้ไม่ ศาลจึงไม่จำต้องรับคำร้องของโจทก์ไว้พิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2584/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามฆ่าและการทำร้ายร่างกาย: การกระทำที่ไม่มีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่ถึงขั้นทำร้าย
จำเลยทั้งสองไม่พอใจโจทก์เพราะเข้าใจว่าโจทก์บีบแตรไล่รถยนต์ของจำเลย และโจทก์พูดว่าจำเลยที่ 1 เกเร แม้จำเลยที่ 1 พยายามแก้แค้นด้วยการขับรถปาดหน้ารถยนต์ของโจทก์หลายครั้ง เพื่อให้รถยนต์ของโจทก์ชนรถยนต์ของจำเลยโจทก์ก็หลบหลีกและหยุดทันทุกครั้ง จำเลยทั้งสองจึงเกิดโทสะ และจำเลยที่ 1 เอาปืนที่มีอยู่ในรถยนต์ก่อนแล้วยิงโจทก์ตามที่จำเลยที่ 2 ยุ ถือไม่ได้ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการพยายามฆ่าโจทก์โดยไตร่ตรองไว้ก่อน
การที่จำเลยที่ 1 เพียงแต่จับแขนโจทก์ซึ่งวางที่ประตูรถยนต์มิได้ดึงกระชาก ไม่เป็นการใช้กำลังทำร้ายโจทก์โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 391

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหลีกเลี่ยงภาษีโดยการแสดงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริง แม้ผู้กระทำจะเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีหรือไม่
ประมวลรัษฎากร มาตรา 37 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ.2502 มาตรา 14 หาได้บัญญัติว่า ผู้ที่จะมีความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีที่มีการหลีกเลี่ยงไม่ เมื่อจำเลยซึ่งจดทะเบียนการค้าเป็นผู้ประกอบกิจการโรงเลื่อยจักรยื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีเงินได้ ภาษีการค้าจากการประกอบกิจการโรงเลื่อยจักรดังกล่าวเท็จ โดยแสดงรายได้ต่ำกว่าความเป็นจริงเห็นได้ว่าเพื่อให้มีการเสียภาษีต่ำกว่าที่ต้องเสียและได้เสียภาษีเงินได้ภาษีการค้าขาดไปเพราะการแสดงรายการเป็นเท็จนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีเงินได้ภาษีการค้าโดยความเท็จและโดยฉ้อโกง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวแทนจำลอง & ความรับผิดชอบของห้างหุ้นส่วน: การกระทำของหุ้นส่วนที่ผูกพันห้าง และผลกระทบต่อการบังคับชำระหนี้
ม.ทำสัญญาเช่าซื้อเครื่องปรับอากาศระบุชื่อโรงแรมสุริยาตรโฮเต็ลและ ม.ลงชื่อประทับตราของห้างสุริยาตรโฮเต็ล ผู้ร้องนำของนี้ไปใช้ในโรงแรมผู้ร้อง ไม่มีโรงแรมสุริยาตรที่อื่นอีก โจทก์ผู้เช่าซื้อก็คือผู้ร้องนั่นเอง ผู้ร้องยอมให้ ม. แสดงออกเป็นตัวแทนต้องรับผิดในหนี้ที่เกิดจากสัญญาเช่าซื้อซึ่งโจทก์แพ้คดีจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1960/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อนและไม่มีเจตนาทารุณโหดร้าย
ผู้ตายกับจำเลยเป็นเพื่อนกันมาแต่เด็ก จำเลยเมาสุราหยอกล้อชกต่อยกับผู้ตาย จำเลยถูกต่อยล้มลง จึงใช้ปืนยิงผู้ตายถูกที่ขา แล้ววิ่งตามไปยิงซ้ำถูกที่คอในเวลาอันกระชั้นชิดแม้จะฟังว่าบิดาผู้ตายได้ขอร้องมิให้จำเลยยิงซ้ำ ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และมิใช่เป็นการกระทำโดยทรมานหรือทารุณโหดร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1746/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดเวลาทำสัญญาซื้อขายที่ดิน: การกระทำของคู่สัญญาหลังหมดกำหนด มิถือเป็นการผิดสัญญา
กำหนดเวลาทำสัญญาซื้อขายใน 7 วัน นับแต่วันในสัญญาจองที่ดิน แต่หลังจากนั้นผู้ขายยังขอย้ายผู้ซื้อเข้าอยู่บ้านอื่นและให้ผู้ซื้อทำใบมอบอำนาจรับโอนและจำนองที่ดินอีก ไม่เป็นการถือวันที่กำหนดตามสัญญาจองเป็นสำคัญ ผู้ขายถือเป็นเหตุเลิกสัญญาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการกระทำที่เล็งเห็นผลร้าย: การกระทำที่นำไปสู่การเสียชีวิตแม้ไม่ตรงตามฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องมีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยร่วมกันใช้อำนาจด้วยกำลังกายผลักผู้ตายให้ตกลงมาจากรถยนต์โดยสารสองแถวเล็กถึงแก่ความตายขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,83 แม้ทางพิจารณาจะไม่ได้ความชัดว่าพวกของจำเลยผลักผู้ตายตกลงจากรถตามที่โจทก์ฟ้อง แต่การที่พวกของจำเลยใช้มือดึงมือผู้ตายมือต่อมือในขณะผู้ตายอยู่ท้ายรถ ไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว ไม่ให้ตกลงไปจากรถ และขณะเดียวกันนั้นจำเลยขับรถพาผู้ตายไปด้วยความเร็วมาก ถ้ามือของผู้ตายหลุดจากมือของพวกจำเลยหรือพวกของจำเลยปล่อยมือผู้ตายไป ผู้ตายย่อมจะต้องเสียหลักตกจากรถและจะต้องได้รับอันตรายถึงแก่ความตายได้อย่างแน่นอน เหตุนี้การที่ผู้ตายหลุดจากมือของพวกจำเลยไม่ว่าจะเป็นโดยผู้ตายดึงหลุดหรือพวกของจำเลยปล่อยให้หลุด จนเป็นเหตุให้ผู้ตายตกลงจากรถในลักษณะนอนหงายท้ายทอยน่วม เลือดออกจากปากถึงแก่ความตาย จึงเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยตรงจากการกระทำของจำเลยกับพวก เห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็งเห็นผลร้ายได้อย่างแน่ชัด จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย แม้ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาจะแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ก็มิใช่ข้อสารสำคัญ และทั้งจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ ศาลจึงลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: การดูหมิ่นหลังถูกจับกุมยังถือเป็นความผิด
ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยตามหน้าที่ในข้อหาวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า และให้จำเลยไปสถานีตำรวจโดยผู้เสียหายไปรออยู่ที่นั่นเพื่อนำจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีพอจำเลยมาถึงสถานีตำรวจก็กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายว่า "ลื้อจับแบบนี้แกล้งจับอั๊วนี่หว่าไม่เป็นไรไว้เจอกันเมื่อไรก็ได้" ดังนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพราะการที่ผู้เสียหายให้จำเลยไปที่สถานีตำรวจเพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก็อยู่ในระหว่างจำเลยถูกจับกุมนั่นเอง เมื่อจำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายในระหว่างนั้นจึงถือว่าจำเลยกล่าวขณะถูกจับกุม
of 45