คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ข้อพิพาท

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 483 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3670/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดการชำระราคาจากการขายทอดตลาด & คืนเงินมัดจำบางส่วนระหว่างข้อพิพาทเพิกถอนการขาย
การที่ผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดียื่นคำร้องขอให้ศาลขยายเวลาการชำระเงินส่วนที่เหลือ และขอให้รับเงินไว้เป็นประกันความเสียหายเพียงส่วนหนึ่ง แล้วคืนเงินมัดจำบางส่วนที่ชำระไว้แล้วโดยอ้างว่าจำเลยกับพวกได้คัดค้านการขายทอดตลาดโดยขอให้เพิกถอนการขาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณา นั้นเป็นการขอให้ศาลใช้ดุลพินิจสั่งงดการบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ซื้อทรัพย์ แม้ผู้ซื้อทรัพย์ชำระเงินส่วนที่ขาดอยู่ให้ครบถ้วนภายในเวลาที่กำหนดไว้เจ้าพนักงานบังคับคดีก็อาจยังไม่เห็นสมควรเสนอรายงานขอให้ศาลแจ้งเจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่ผู้ซื้อทรัพย์ได้ เพราะข้อพิพาทเกี่ยวกับการขายทอดตลาดยังไม่ถึงที่สุด และยังไม่อาจทราบได้ว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่าการขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ จึงเป็นกรณีมีเหตุสมควรที่ศาลจะสั่งให้งดการชำระราคาส่วนที่ขาดอยู่ไว้ก่อนได้ จนกว่าข้อพิพาทเกี่ยวกับการขายทอดตลาดจะถึงที่สุด และหากเห็นสมควรจะสั่งให้คืนเงินมัดจำแก่ผู้ซื้อทรัพย์ไปบางส่วนคงเหลือไว้เพียงบางส่วนก็ได้ แล้วส่งคำสั่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบเพื่อดำเนินการต่อไปตามป.วิ.พ. มาตรา 292(2).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ งดบังคับคดี: ข้อพิพาทสิทธิในทรัพย์มรดกต้องพิสูจน์ในคดีอื่น
ในชั้นบังคับคดี จำเลยทั้งสี่ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่ง หากศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชนะคดีจำเลยทั้งสี่ก็ไม่ต้องออกไปจากบ้านพิพาท การที่ผู้ร้องขอให้บังคับคดีต่อไปโดยอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่มีสิทธิในทรัพย์มรดกของโจทก์ เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องพิสูจน์กันในอีกคดีหนึ่งนั้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วในขณะที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดี ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าศาลชั้นต้นได้จำหน่ายคดีอีกคดีหนึ่งดังกล่าวแล้วเพราะจำเลยที่ 1 มิได้ชำระค่าขึ้นศาลภายในกำหนดตามคำสั่งศาลอุทธรณ์ เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีแล้ว และเป็นผลของคดีซึ่งผู้ร้องจะต้องนำไปแถลงต่อศาลชั้นต้นเพื่อดำเนินการต่อไปตามเงื่อนไขของคำสั่งศาลชั้นต้น มิใช่ข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในขณะที่ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งคำร้องของจำเลยที่ 1 ในการขอให้ศาลชั้นต้นงดการบังคับคดี ศาลชั้นต้นจึงมีเหตุอันสมควรที่จะสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ในขณะมีคำสั่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทการซื้อขายหุ้นและการทดรองเงิน กรณีตัวแทนเรียกเงินคืน อายุความ 10 ปี
การที่ผู้ร้องสั่งซื้อหุ้นกับจำเลยโดยผู้ร้องออกตั๋วสัญญาใช้เงินนำไปวางเป็นหลักประกัน ผู้ร้องมีสิทธิสั่งซื้อหุ้นได้เป็นเงินไม่เกิน 3 เท่า ของจำนวนเงินที่วางประกัน เมื่อซื้อหุ้นได้แล้วจำเลยจะออกเงินทดรองค่าซื้อหุ้นให้ผู้ร้องก่อน โดยทำเป็นหนังสือว่าผู้ร้องได้กู้เงินของจำเลยไป ต่อมาถ้ามีการขายหุ้นดังกล่าวก็จะหักทอนบัญชีกัน ถ้าได้กำไรก็จะนำเข้าบัญชีให้ผู้ร้องแต่ถ้าขาดทุนจะเรียกให้ผู้ร้องชำระการเรียกเงินดังกล่าวเป็นเรื่องตัวแทนเรียกร้องเอาเงินที่ได้ทดรองจ่ายไปในกิจการอันตัวการมอบหมายแก่ตนจากตัวการซึ่งไม่มีกฎหมายบัญญัติอายุความไว้เป็นอย่างอื่น ต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ไม่ใช่กรณีที่จำเลยเป็นผู้ค้าในการรับทำการงานต่าง ๆเรียกเอาค่าที่ได้ออกเงินทดรองไปจากผู้ร้องตามมาตรา 165(7).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2662/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทพิกัดอัตราศุลกากรและราคาประเมินสินค้า รถปั้นจั่นขนาดใหญ่จัดอยู่ในพิกัด 84.26 มิใช่ 87.05
โจทก์ฟ้องเฉพาะที่เกี่ยวกับพิกัดอัตราภาษีศุลกากร และการประเมินราคาสินค้าที่โจทก์นำเข้าว่ามิได้เป็นไปตามที่เจ้าพนักงานของจำเลยอ้าง มิได้ฟ้องเกี่ยวกับภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาล และศาลภาษีอากรกลางก็มิได้วินิจฉัยในประเด็นนี้ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยที่ว่า ในส่วนที่เกี่ยวกับเงินค่าภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลโจทก์มิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากรต้องห้ามอุทธรณ์ต่อศาล จึงเป็นอุทธรณ์นอกฟ้องนอกประเด็น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ตาม พ.ร.ก. พิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ.2530 นั้น สินค้าในพิกัดประเภทที่ 4.26 มีลักษณะสำคัญอยู่ที่การยกหรือขนย้ายด้วยการยกของหนัก ๆ จากที่ที่ตั้งหรือวางอยู่ไปวาง ณ อีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ ๆ มิได้มีความประสงค์ในการบรรทุกแล้วแล่นหรือเคลื่อนที่ไป ส่วนในพิกัดประเภท 7.05 นั้น เป็นสินค้าที่มีลักษณะสำคัญอยู่ที่การเป็นยานยนต์ ซึ่งใช้งานด้วยการบรรทุกสิ่งของแล้วแล่นไป ดังจะเห็นได้จากสินค้าที่ได้ยกตัวอย่างไว้ อันมี รถยกลากรถเสีย รถดับเพลิง รถผสมคอนกรีต รถกวาดถนนรถสำหรับฉีดพ่น เป็นต้น
สินค้าพิพาทเป็นรถปั้นจั่นขนาดใหญ่ มีความยาว 17. 5 เมตรเฉพาะตัวรถกว้าง 2. 5 เมตร มีเพลาล้อ เพลา ล้อ 32 ล้อ ตัวรถมีขาช้างและ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเช่านา: การซื้อขายที่ดิน การเช่า และสิทธิการฟ้องเรียกค่าเช่า
การเช่าทรัพย์อยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ลักษณะเช่าทรัพย์ หากจำเลยจะอ้างความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษก็ต้องยกขึ้นต่อสู้ไว้ เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 บัญญัติให้จำเลยแสดงโดยแจ้งชัดในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือบางส่วนรวมทั้งเหตุแห่งการนั้น เมื่อตามคำให้การของจำเลยไม่ได้อ้างสิทธิความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517อันเป็นกฎหมายพิเศษขึ้นต่อสู้คดี จำเลยจึงยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาไม่ได้ และที่ศาลชั้นต้นหยิบยกพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 โดยจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้ขึ้นวินิจฉัย จึงไม่ชอบ เมื่อจำเลยค้างชำระค่าเช่านาพิพาทรวม 2 ปี โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกเลิกการเช่า ฟ้องขับไล่เรียกค่าเช่าที่ค้างชำระและค่าเสียหายจากจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 552/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพันระงับข้อเรียกร้องทั้งหมด
โจทก์ฟ้องและจำเลยฟ้องแย้งเรียกร้องให้อีกฝ่ายหนึ่งชำระเงินแก่ตน ครั้นถึงวันนัดสืบพยาน คู่ความยอมตกลงกันตามที่ศาลแรงงานกลางไกล่เกลี่ย ศาลแรงงานกลางจัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความและได้มีคำพิพากษาตามยอม ในวันนั้นตามข้อ 2 แห่งสัญญาประนีประนอมยอมความได้ระบุไว้ว่า โจทก์จำเลยต่างไม่ติดใจเรียกร้องอื่นใดกันอีก ซึ่งหมายความว่า จำเลยได้สละข้อเรียกร้องของตนตามฟ้องแย้งแล้ว ถือว่าข้อเรียกร้องตามฟ้องแย้งของจำเลยได้ระงับสิ้นไปด้วยผลของสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852 และคำพิพากษาตามยอมของศาลแรงงานกลาง ได้พิพากษารวมถึงข้อเรียกร้องตามฟ้องแย้งของจำเลยด้วยแล้ว ศาลแรงงานกลางจึงไม่จำต้องมีคำพิพากษาหรือคำสั่งในส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยอีก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4688/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทภาษีโรงเรือน การคำนวณค่ารายปีที่ถูกต้อง และการคืนเงินที่เรียกเก็บเกิน
โจทก์จะต้องเสียเงินเพิ่มอีกร้อยละ 10 ของภาษีที่ประเมินเป็นเงิน 14,782.50 บาท รวมเป็นค่าภาษีโรงเรือน ส่วนที่พิพาทเป็นเงิน 162,607.50 บาท โจทก์ได้ชำระภาษีโรงเรือนและเงินเพิ่มส่วนที่พิพาทกันไว้แล้วเป็นเงิน 191,250 บาท จำเลยที่ 1 จะต้องคืนส่วนที่เรียกเก็บเกินไปจำนวน 28,642.50 บาท ให้แก่โจทก์ภายในกำหนดสามเดือนโดยไม่คิดค่าอย่างใดตามที่บัญญ้ติไว้ในมาตรา 39 วรรคสองแห่ง พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ฯ ถ้าจำเลยไม่คืนหลังจากนั้นก็ตกเป็นผู้ผิดนัดต้องชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน: ฎีกาต้องห้ามเมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายเป็นเงินเดือนละ 50 บาท ถือได้ว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อจำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของสามีจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2197/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน: การครอบครองที่ไม่สุจริตและไม่สงบระหว่างคดีความ
เมื่อโจทก์เข้าทำนาในที่พิพาทก็ถูก จำเลยฟ้องเป็นคดีอาญาข้อหาบุกรุกที่พิพาท ดังนี้ การที่โจทก์ครอบครองที่พิพาทในระหว่างเป็นคดีความไม่ถือ ว่าครอบครองโดย สุจริตและโดย สงบตามป.พ.พ. มาตรา 1370.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1968/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีเลิกจ้าง: แม้ฟ้องผิดวันเลิกจ้าง แต่ฟ้องหลังมีข้อพิพาทแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2532 ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2532 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2533 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์ขณะฟ้องจึงมีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายเรื่องจำเลยเลิกจ้างโจทก์แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
of 49