คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คุณสมบัติ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 207 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจผู้ว่าฯ สั่งพ้นสมาชิกสภาจังหวัด เหตุขาดคุณสมบัติและความชอบธรรมในการเลือกตั้งแทน
ตาม พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด พ.ศ.2482 มาตรา 18 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 19 ความรู้ของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นคุณสมบัติตามมาตรา 19 และตาม พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ.2498 มาตรา 12(4). สมาชิกสภาแห่งสภาจังหวัดย่อมสิ้นสุดลงเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดได้สอบสวนแล้วสั่งให้ออกโดยปรากฏว่าต่อมาเป็นผู้ขาดคุณสมบัติ การขาดคุณสมบัติในมาตรานี้มีความหมายรวมทั้งการไม่มีคุณสมบัติมาตรา 19 ด้วย ดังนั้นเมื่อปรากฏว่า ส. ซึ่งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดมีพื้นความรู้ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด จำเลย ที่ 1 ซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจสั่งให้ ส. ออกจากสมาชิกสภาจังหวัดได้ จำเลยที่ 1 สั่งเช่นนั้นโดยได้ตั้งกรรมการสอบสวนและได้หารือกับกระทรวงมหาดไทยและกรมอัยการแล้ว จำเลยที่ 1 ได้กระทำไปโดยรอบคอบแล้ว มิได้ประมาทเลินเล่อหรือจงใจให้ผู้ใดเสียหายเมื่อตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดว่างลงเพราะผลแห่งคำสั่งของจำเลยที่ 1 ดังกล่าวก็ต้องมีการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 90 วัน ตามที่ พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการส่วนจังหวัด พ.ศ.2498 มาตรา 8 ได้บัญญัติไว้ ไม่มีกฎหมายบัญญัติว่าในกรณีเช่นนี้หากผู้ที่ต้องพ้นตำแหน่งไปได้ฟ้องคดีต่อศาลก็ให้ระงับการเลือกตั้งไว้รอฟังผลแห่งคดีเสียก่อน การที่จำเลยที่ 1 สั่งให้มีการเลือกตั้งและจำเลยที่ 1 ที่ 3 ดำเนินการเลือกตั้งไปโดยไม่รอฟังผลที่ ส. ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวก จึงเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่เป็นละเมิดต่อผู้ใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน, การพักโทษ, และอำนาจผู้ว่าฯ สั่งพ้นตำแหน่ง
ในระหว่างที่โจทก์ต้องโทษจำคุก แม้โจทก์จะได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์พ้นโทษนับแต่วันที่ได้พักการลงโทษ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าวันครบกำหนดโทษของโจทก์ คือวันที่ 6 มกราคม 2515 วันพ้นโทษของโจทก์จึงต้องนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2515 เป็นต้นไป ฉะนั้นวันที่โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านในวันที่ 19 มกราคม 2516 และรับเลือกตั้งเป็นกำนันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2516 จึงยังไม่พ้นกำหนด 3 ปีนับแต่วันพ้นโทษ โจทก์จึงขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งได้โดยหาจำต้องใช้สิทธิทางศาลไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 266/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้ใหญ่บ้าน/กำนัน: พักโทษไม่ถือเป็นพ้นโทษ, อำนาจสั่งพ้นตำแหน่งของผู้ว่าฯ
ในระหว่างที่โจทก์ต้องโทษจำคุก แม้โจทก์จะได้รับการพักโทษปล่อยตัวออกจากเรือนจำก็ถือไม่ได้ว่าโจทก์พ้นโทษนับแต่วันที่ได้พักการลงโทษ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าวันครบกำหนดโทษของโจทก์ คือวันที่ 6 มกราคม 2515 วันพ้นโทษของโจทก์จึงต้องนับแต่วันที่ 7 มกราคม 2515เป็นต้นไป ฉะนั้น วันที่โจทก์ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ใหญ่บ้านในวันที่ 19 มกราคม 2516 และรับเลือกตั้งเป็นกำนันในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2516 จึงยังไม่พ้นกำหนด 3 ปี นับแต่วันพ้นโทษโจทก์จึงขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้ใหญ่บ้านและกำนัน ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งได้ โดยหาจำต้องใช้สิทธิทางศาลไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัครส.ส.จังหวัด: การเทียบวุฒิการศึกษา นักธรรมเอก เทียบเท่า ม.3 มีผลย้อนหลังได้
โจทก์มีความรู้สอบได้ประกาศนียบัตรนักธรรมเอก และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอยู่แล้ว แม้ขณะโจทก์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะยังไม่มีการเทียบความรู้นักธรรมเอก คงมีแต่การตกลงกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงศึกษาธิการ เทียบความรู้นักธรรมตรีขึ้นไปให้เท่าชั้นมัธยมปีที่ 3 เฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล แต่ภายหลังเมื่อกระทรวงมหาดไทยสอบถามไป กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตอบมาว่ารายการวุฒิต่าง ๆ ซึ่งเคยเทียบไว้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนั้น ให้มีผลใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อไปด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดโดยมีความรู้เทียบไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมปีที่ 3 อยู่แล้ว หาขาดคุณสมบัติไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2515

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.จ. ความรู้เทียบเท่า ม.3 แม้ยังมิได้เทียบจากกระทรวงศึกษาธิการโดยตรง
โจทก์มีความรู้สอบได้ประกาศนียบัตรนักธรรมเอก และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดอยู่แล้ว แม้ขณะโจทก์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาจังหวัดจะยังไม่มีการเทียบความรู้นักธรรมเอก คงมีแต่การตกลงกันระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับกระทรวงศึกษาธิการ เทียบความรู้นักธรรมตรีขึ้นไปให้เท่าชั้นมัธยมปีที่ 3 เฉพาะการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล แต่ ภายหลังเมื่อกระทรวงมหาดไทยสอบถามไป กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ตอบมาว่ารายการวุฒิต่าง ๆ ซึ่งเคยเทียบไว้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลนั้น ให้มีผลใช้ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัด ต่อไปด้วย ดังนี้ ย่อมถือได้ว่าโจทก์มีคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาจังหวัดโดยมีความรู้เทียบไม่ต่ำกว่าชั้นมัธยมปีที่ 3 อยู่แล้ว หาขาดคุณสมบัติไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1675/2512

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเสียภาษีการค้าสำหรับสินค้ามือสอง: การพิจารณาประเภทการค้าและคุณสมบัติผู้ประกอบการ
คำว่า 'ของเก่า' ตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ.2474 มาตรา 3 นั้นหมายความว่า ทรัพย์ที่เสนอขายแลกเปลี่ยนหรือจำหน่ายโดยประการอื่นอย่างทรัพย์ที่ใช้แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นจะต้องเป็นของที่ใช้แล้วเสมอไป.
ผู้ประกอบการค้ารายใดจะต้องเสียภาษีการค้าในอัตราภาษีร้อยละเท่าใดของรายรับ. จะต้องพิจารณาถึงประเภทการค้าที่ผู้นั้นกระทำ และรายการที่ประกอบการค้าตลอดจนตัวผู้ประกอบการค้าที่มีหน้าที่เสียภาษีประมวลเข้าด้วยกัน. จะพิจารณาเพียงแต่ชนิดของรายการที่ประกอบการค้าหรือบุคคลผู้ประกอบการค้าอย่างใดอย่างหนึ่งหาได้ไม่.
โจทก์เป็นผู้ประกอบการค้าประเภทการค้า 1 การขายของ รายการประกอบการค้าชนิดหนึ่ง 1(ก). มีหน้าที่เสียภาษีการค้าในฐานะผู้นำเข้าหรือผู้ผลิตในอัตราร้อยละ 5 ของรายรับ.แม้โจทก์จะสั่งสินค้ารถยนต์บรรทุกและเครื่องอะไหล่ซึ่งเป็นของเก่าใช้แล้วจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่เมื่อโจทก์มิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานให้เป็นผู้ค้าของเก่าตามกฎหมาย ก็หาได้ชื่อว่า โจทก์เป็นผู้ขายทุกทอด ประเภทการค้า 1 การขายของชนิด 7(ค) ของเก่าตามกฎหมายว่าด้วยการค้าของเก่าไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. - สัญชาติบิดาและอายุ - หลักฐานทะเบียนเป็นเกณฑ์
ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้ถูกคัดค้านเป็นบุคคลต่างด้าว แต่ไม่มีหลักฐานทะเบียนบุคคลต่างด้าวประกอบคำร้อง เพียงแต่ได้ยินคนพูดกันว่าผู้ถูกคัดค้านเป็นบุตรคนต่างด้าวสัญชาติจีนเท่านั้น ยังไม่พอรับฟังว่าเป็นความจริงตามนั้นได้
ตามหลักฐานทะเบียนโรงเรียนปรากฏว่า ผู้ถูกคัดค้านเกิด พ.ศ. 2483 แต่หลักฐานในทะเบียนทหารกองเกินปรากฏว่าผู้ถูกคัดค้านเกิด พ.ศ. 2480 เมื่อผู้ปกครองของผู้ถูกคัดค้านซึ่งนำผู้ถูกคัดค้านไปฝากโรงเรียนยืนยันว่า ได้แจ้งลดอายุลง 3 ปี เพื่อไม่ให้ถูกปรับตามพระราชบัญญัติประถามศึกษา หลังจากลาออกจากโรงเรียนแล้ว ผู้ถูกคัดค้านจึงรู้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริง คือวันที่ 21 ตุลาคม 2480 แต่นั้นมาก็ใช้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริง เมื่อถึงกำหนดขึ้นทะเบียนทหารกองเกินก็ไปขึ้นทะเบียนทหารตามปกติ จึงไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้ถูกคัดค้านเตรียมทำขึ้นไว้ก่อนแต่อย่างใด ฉะนั้น จึงถึงวันเดือนปีเกิดที่ปรากฏในโรงเรียนเป็นหลักฐานไม่ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1323/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. เรื่องสัญชาติบิดาและอายุ ผู้ร้องต้องมีหลักฐานชัดเจน
ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าผู้ถูกคัดค้านเป็นบุคคลต่างด้าว แต่ไม่มีหลักฐานทะเบียนบุคคลต่างด้าวประกอบคำร้อง เพียงแต่ได้ยินคนพูดกันว่าผู้ถูกคัดค้านเป็นบุตรคนต่างด้าวสัญชาติจีนเท่านั้น ยังไม่พอรับฟังว่าเป็นความจริงตามนั้นได้
ตามหลักฐานทะเบียนโรงเรียนปรากฏว่า ผู้ถูกคัดค้านเกิดพ.ศ.2483 แต่หลักฐานในทะเบียนทหารกองเกินปรากฏว่าผู้ถูกคัดค้านเกิด พ.ศ.2480 เมื่อผู้ปกครองของผู้ถูกคัดค้านซึ่งนำผู้ถูกคัดค้านไปฝากโรงเรียนยืนยันว่า ได้แจ้งลดอายุลง 3 ปี เพื่อไม่ให้ถูกปรับตามพระราชบัญญัติประถมศึกษา หลังจากลาออกจากโรงเรียนแล้ว ผู้ถูกคัดค้านจึงรู้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริง คือวันที่ 21 ตุลาคม 2480 แต่นั้นมาก็ใช้วันเดือนปีเกิดที่แท้จริง เมื่อถึงกำหนดขึ้นทะเบียนทหารกองเกินก็ไปขึ้นทะเบียนทหารตามปกติจึงไม่มีเหตุสงสัยว่าผู้ถูกคัดค้านเตรียมทำขึ้นไว้ก่อนแต่อย่างใด ฉะนั้น จึงถือวันเดือนปีเกิดที่ปรากฏในโรงเรียนเป็นหลักฐานไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 760/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีต้องมีคุณสมบัติชอบด้วยกฎหมาย การแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสต้องเป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคม
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 162 ที่ว่า'ถ้าฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว..... .....ในคดีราษฎรเป็นโจทก์ให้ไต่สวนมูลฟ้อง ฯลฯ นั้นหมายความว่าเมื่อโจทก์ฟ้องถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ยังไม่มีการกระทำแสดงออกให้เป็นการยืนยันหรือสนับสนุนคำฟ้องนั้นจึงให้ศาลทำการไต่สวนมูลฟ้องเสียก่อน และถ้าศาลเห็นว่าเท่าที่พยานโจทก์เบิกความชั้นไต่สวนมูลฟ้อง จะเป็นพยานกี่คนก็ตาม ทำให้คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ศาลก็อาจสั่งงดสืบพยานโจทก์ที่เหลืออยู่เสียก็ได้
โจทก์ยื่นฟ้องแล้ว ศาลสั่งนัดไต่สวนมูลฟ้องเมื่อถึงวันนัด โจทก์แถลงต่อศาล ศาลจดข้อแถลงรับของโจทก์ไว้แล้วสั่งว่าคดีพอวินิจฉัยได้ ให้งดสืบพยานโจทก์เสีย เช่นนี้ก็เท่ากับว่าที่โจทก์แถลงต่อศาล ศาลจดคำแถลงของโจทก์ไว้นั้น เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่ศาลพอจะยกขึ้นวินิจฉัยแล้ว แล้ววินิจฉัยและพิพากษาคดีของโจทก์ไป จึงไม่เป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา162(1)
ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 6(พ.ศ.2506)ว่าด้วยการแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส ข้อ 6 กำหนดไว้ว่า 'ในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่ และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราว ให้เจ้าอาวาสสั่งแต่งตั้งรองเจ้าอาวาสผู้ช่วยเจ้าอาวาส หรือพระภิกษุรูปใดรูปหนึ่งที่เห็นสมควร เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส' นั้นหมายถึงกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อยู่ และไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ชั่วครั้งคราวเท่านั้นถ้าเจ้าอาวาสยังอยู่ประจำที่วัด เจ้าอาวาสก็ไม่มีอำนาจที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส และในกรณีที่เจ้าอาวาสไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้เพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง ตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 6 ข้อ 5 เป็นอำนาจเจ้าคณะตำบลที่จะแต่งตั้งผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส การที่เจ้าอาวาสตั้งผู้รักษาการแทนเสียเอง จึงไม่ชอบ ผู้ที่เจ้าอาวาสแต่งตั้งจึงไม่มีสิทธิและอำนาจหรือหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีอำนาจฟ้องคดีแทนเจ้าอาวาส
อำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลหยิบยกขึ้นพิจารณาเองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจต้องสมัครด้วยตนเองและมีคุณสมบัติครบถ้วน หากไม่เป็นไปตามข้อบังคับ สมาคมไม่ต้องจ่ายเงินสงเคราะห์
ข้อบังคับของสมาคมฌาปนกิจมีว่า ผู้สมัครเป็นสมาชิกของสมาคมต้องมีสุขภาพสมบูรณ์โดยมีใบรับรองแพทย์ และต้องไปให้กรรมการของสมาคมพิจารณาด้วยตนเอง และผู้สมัครต้องยื่นหนังสือแสดงความจำนงด้วยตนเอง ปรากฏว่าบุคคลผู้ไปยื่นใบสมัครและรับการตรวจโรคเป็นคนอื่น แต่ใช้ชื่อของอีกคนหนึ่งสมัครดังนี้ จึงถือไม่ได้ว่าผู้ที่มีชื่อตามใบสมัครเป็นสมาชิกของสมาคมฌาปนกิจนั้นโดยชอบ สมาคมไม่มีความผูกพันที่จะจ่ายเงินให้แก่ผู้ที่ถูกระบุชื่อให้เป็นผู้รับเงินฌาปนกิจ
แม้ทนายจำเลยไม่ได้แก้อุทธรณ์ แต่ได้ยื่นคำร้องและได้แถลงต่อศาลอันเป็นการปฏิบัติในการว่าคดี ศาลคิดค่าทนายให้ได้
of 21