พบผลลัพธ์ทั้งหมด 249 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษจำคุกเดิมและการพิจารณาโทษที่รอการลงโทษตามมาตรา 42 และ 72
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุกและปรับ แต่โทษจำคุกรอการลงอาญาไว้ เช่นนี้ ศาลจะเพิ่มโทษจำเลยในคดีหลังตามมาตรา 42 ที่แก้ไขใหม่ไม่ได้เพราะไม่ได้ระบุไว้เป็นพิเศษเช่นของเดิมและจะเพิ่มโทษตามมาตรา 72 ก็ไม่ได้ เพราะโทษที่รอไว้ยังไม่ได้รับจริง ไม่เรียกว่าพ้นโทษไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 72 และการลดโทษตามมาตรา 36 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญา
ตามมาตรา 36 แห่ง ก.ม.ลักษณะอาญาที่ว่าจะเพิ่มโทษจำคุกจำเลย ให้จำเลยต้องจำคุกเกินกว่า 20 ปีไม่ได้นั้น ถ้าศาลวางโทษจำคุก 20 ปี เพิ่มโทษขึ้นไปแล้ว ลดลงคงจำคุกไม่เกินกว่า 20 ปี ดังนี้ ย่อมทำได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 36
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการเพิ่มโทษจำคุกตามมาตรา 72 และการลดโทษตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญา
ตามมาตรา 36 แห่งกฎหมายลักษณะอาญาที่ว่าจะเพิ่มโทษจำคุกจำเลย ให้จำเลยต้องจำคุกเกินกว่า 20 ปีไม่ได้นั้นถ้าศาลวางโทษจำคุก 20 ปี เพิ่มโทษขึ้นไปแล้ว ลดลงคงจำคุกไม่เกินกว่า 20 ปีดังนี้ ย่อมทำได้ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 36 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 4/2497)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1983/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรอการลงโทษจำคุกซ้ำ: ศาลมีอำนาจแม้จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน
จำเลยเคยต้องคำพิพากษาให้จำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษไว้ แล้วกลับมากระทำผิดอีกภายในกำหนดเวลา ศาลย่อมมีอำนาจใช้ดุลพินิจให้รอการลงโทษจำคุกแก่จำเลยอีกได้
คำว่า "ได้รับโทษจำคุกมาก่อน" ใน มาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่
คำว่า "ได้รับโทษจำคุกมาก่อน" ใน มาตรา 41 ที่แก้ไขใหม่หมายความว่า จำเลยต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้ว หาใช่เพียงแต่ถูกคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก แต่ศาลให้รอการลงโทษจำคุกนั้นไว้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1601/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษปรับแทนการจำคุก และผลกระทบต่อการรอการลงอาญา รวมถึงการเพิ่มโทษฐานไม่เข็ดหลาบ
การที่ศาลวางโทษจำคุกจำเลยแต่ให้ยกโทษจำคุกเสียคงปรับสถานเดียวไม่เรียกว่าลงโทษจำคุกจำเลย ดังนี้ จึงยกโทษจำคุกที่เคยรอการลงอาญาไว้มาลงแก่จำเลยไม่ได้ และเมื่อปรากฏว่าจำเลยยังอยู่ในระหว่างรอการลงอาญายังเรียกไม่ได้ว่าพ้นโทษมาแล้ว จึงเพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบตามมาตรา72 ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
ม.8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้าย พ.ศ.2479 ความว่า "ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ " นั้น หมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งอีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่า ผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้งเช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็หลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่ 136/2492 ฐานลักทรัพย์ คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฎตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้นทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดีว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี ( ลักทรัพย์ ) ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้
อ้างฎีกาที่ 1307/2480 และที่ 1514/2482
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1135/2497
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มโทษกักกันผู้กระทำผิดซ้ำ โดยพิจารณาจากจำนวนครั้งที่ศาลพิพากษาให้จำคุก ไม่ใช่จำนวนครั้งที่พ้นโทษ
มาตรา 8 แห่งพระราชบัญญัติกักกันผู้มีสันดานเป็นผู้ร้ายพ.ศ.2479 ความว่า"ถ้าผู้ใดเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ฯลฯ" นั้นหมายความถึงว่าผู้นั้นได้รับโทษโดยศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง อีกนัยหนึ่งคือครั้งตามคำพิพากษา หามีข้อความใดในบทบัญญัตินี้แสดงให้เห็นว่าผู้นั้นได้หลุดพ้นโทษไปแล้วไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง เช่นกฎหมายลักษณะอาญาเรื่องผู้กระทำผิดไม่เข็ดหลาบนั้นไม่
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
จำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว 3 คดีคือคดีแดงที่ 1221/2491 ฐานชิงทรัพย์ คดีแดงที่136/2492 ฐานลักทรัพย์คดีแดงที่ 769/2492 ฐานหลบหนีที่คุมขัง และปรากฏตามสำนวนคดีแดงที่ 136/2492 ว่าจำเลยรับโทษตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1221/2491 อยู่แล้วหลบหนีไปกระทำผิดในคดีแดงที่ 136/2492 นั้น ทั้ง 3 คดีนี้จำเลยจึงได้รับโทษจำคุกต่อเนื่องกันไป เพิ่งพ้นโทษไปคราวเดียว เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2494 เช่นนี้ เมื่อจำเลยมากระทำผิดในคดี(ลักทรัพย์)ขึ้นอีก ศาลก็เพิ่มโทษกักกันจำเลยได้ (อ้างฎีกาที่1307/2480 และที่ 1514/2482)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาแก้โทษอาญา: การลดโทษจากจำคุกเป็นรอการลงอาญา และการเปลี่ยนแปลงบทมาตราที่ถูกลงโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 ปีตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 142 - 268, 270 ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ว่า ผิดแต่เพียงมาตรา 268 - 270 เท่านั้น ไม่ผิดมาตรา 142 ด้วย และแก้โทษมาเป็นจำคุก 1 ปี และให้รอการลง
อาญาไว้ ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้มาก ฎีกาข้อเท็จจริงได้./
อาญาไว้ ดังนี้ ถือว่าเป็นการแก้มาก ฎีกาข้อเท็จจริงได้./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2496
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาอายุ 18 ปี กระทำความผิดร้ายแรง ศาลพิจารณาโทษจำคุก ไม่ลดโทษตามมาตรา 58 ทวิ
ในคดีที่เด็กหรือเยาวชนต้องหาว่ากระทำผิดผู้อำนวยการสถานพินิจต้องรายงานแสดงความเห็นถึงเรื่องสาเหตุแห่งการกระทำของจำเลยด้วยทุกเรื่องถึงแม้จำเลยจะให้การปฏิเสธว่ามิได้กระทำผิดก็ดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1444-1445/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาของผู้ต้องโทษจำคุก แม้โจทก์อุทธรณ์ขอโทษหนักกว่าเดิม ก็ยังสามารถฎีกาในข้อเท็จจริงเพื่อขอให้ยกฟ้องได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 20 ปี จำเลยมิได้อุทธรณ์ คงมีโจทก์อุทธรณ์ขอให้ศาลวางโทษจำเลยโดยไม่ลดฐานปราณีด้วย แม้ศาลอุทธรณ์จะคงพิพากษายืน จำเลยก็มีสิทธิฎีกาในข้อเท็จจริงขอให้ยกฟ้องโจทก์เสียได้ ไม่ต้องห้ามตามกฎหมายแต่อย่างใด