คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จำหน่ายคดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 592 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความหลังจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ต้องยื่นคำขอภายในกำหนดเวลา
เมื่อจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การเจ้าหน้าที่ศาลจะทำรายงานต่อศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การเมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและหามีผลให้รายงานของเจ้าหน้าที่ศาลเป็นรายงานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่เพราะไม่มีกฎหมายบัญญัติบังคับไว้ ศาลชั้นต้นให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยทั้งสองโดยวิธีประกาศหนังสือพิมพ์ให้จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การภายในวันที่20พฤศจิกายน2534โจทก์จะต้องมีคำขอเพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดในวันที่5ธันวาคม2534แต่วันดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการโจทก์จึงมีสิทธิยื่นคำขอได้ในวันที่6ธันวาคม2534แม้ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ศาลจะรายงานต่อศาลว่าครบกำหนดที่จำเลยทั้งสองจะต้องยื่นคำให้การมานานแล้วแต่โจทก์มิได้ดำเนินการยื่นคำร้องขอให้จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การซึ่งไม่ถูกต้องแต่เมื่อช่วงเวลาดังกล่าวโจทก์ไม่ได้มีคำขอข้างต้นการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความในวันที่9ธันวาคม2534ซึ่งเป็นเวลาภายหลังวันครบกำหนดให้โจทก์มีคำขอจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3271/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเลือกตั้งประธานสภาเทศบาล หลังมีการเลือกตั้งใหม่และหมดวาระเดิม
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมสภาเทศบาลและมติแต่งตั้งประธานและรองประธานสภาเทศบาล และมีคำสั่งแต่งตั้งโจทก์ที่ 1 และที่ 2 เป็นประธานและรองประธานสภาเทศบาลตามลำดับ ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นสภาเทศบาลได้ลงมติเลือกประธานและรองประธานสภาเทศบาลใหม่แล้ว การดำรงตำแหน่งประธานและรองประธานสภาเทศบาลเดิมย่อมหมดวาระในการดำรงตำแหน่งต่อไป จึงไม่อาจจะพิพากษาให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตามคำขอของโจทก์ได้ ศาลชั้นต้นชอบที่จะจำหน่ายคดีจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเมื่อผู้จัดการมรดกถูกถอดถอน: ศาลไม่อาจบังคับหน้าที่แก่ผู้หมดอำนาจ
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกให้ปฏิบัติตามหน้าที่ โดยแบ่งปันทรัพย์มรดกให้แก่โจทก์และทายาทอื่น เมื่อระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถูกศาลพิพากษาให้ถอนจากการเป็นผู้จัดการมรดก คดีถึงที่สุดแล้วจำเลยย่อมไม่มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดการทรัพย์มรดกต่อไปศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำขอบังคับของโจทก์ได้จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยและมีคำพิพากษาตามคำขอบังคับของโจทก์ต่อไป ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2902/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ, ดุลพินิจศาลในการจำหน่ายคดี, และการไต่สวนคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ
พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยวิธีปิดหมาย จำเลยที่ 1 ที่ 2 มีสิทธิยื่นคำให้การภายใน 23 วันแต่จำเลยที่ 1 ที่ 2 เพิ่งนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปให้ทนายความในวันสุดท้ายที่ต้องยื่นคำให้การ แสดงว่าจำเลยที่ 1ที่ 2 ไม่สนใจเกี่ยวกับการถูกฟ้องและไม่สนใจที่จะต่อสู้คดีทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ 2จะอ้างเหตุที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นทนายความ ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายละเอียดว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ไม่ได้ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การ แม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 วรรคสอง ใช้คำว่า"ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี" ก็ไม่ใช่เป็นบทบังคับศาล คงให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การนั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวก่อน ศาลจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าจะทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวหรือไม่ สำหรับบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) ไม่ได้เป็นบทบังคับศาลที่จะต้องทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2902/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ และดุลพินิจศาลในการจำหน่ายคดี/ไต่สวนคำร้อง
พนักงานเดินหมายส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่1ที่2โดยวิธีปิดหมายจำเลยที่1ที่2มีสิทธิยื่นคำให้การภายใน23วันแต่จำเลยที่1ที่2เพิ่งนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปให้ทนายความในวันสุดท้ายที่ต้องยื่นคำให้การแสดงว่าจำเลยที่1ที่2ไม่สนใจเกี่ยวกับการถูกฟ้องและไม่สนใจที่จะต่อสู้คดีทนายจำเลยที่1ที่2เป็นเพียงตัวแทนของจำเลยที่1ที่2จะอ้างเหตุที่เพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นทนายความไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายละเอียดว่าเป็นพฤติการณ์พิเศษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา23ไม่ได้ถือได้ว่าจำเลยที่1ที่2จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ โจทก์ไม่ยื่นคำขอให้ศาลสั่งว่าจำเลยที่1ที่2ขาดนัดยื่นคำให้การภายใน15วันนับแต่วันครบกำหนดยื่นคำให้การแม้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา198วรรคสองใช้คำว่า"ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดี"ก็ไม่ใช่เป็นบทบังคับศาลคงให้อยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งจำหน่ายคดีหรือไม่ก็ได้ การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การนั้นไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลต้องไต่สวนคำร้องดังกล่าวก่อนศาลจึงมีอำนาจใช้ดุลพินิจว่าจะทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวหรือไม่สำหรับบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(4)ไม่ได้เป็นบทบังคับศาลที่จะต้องทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าวเสมอไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1900/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องขัดทรัพย์บังคับคดี: สถานะคู่ความ, การขาดนัดยื่นคำให้การ, และการจำหน่ายคดี
โจทก์ร่วมซึ่งเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยขายทอดตลาดเพื่อบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาการที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาขั้นร้องขัดทรัพย์ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา288วรรคสองให้ศาลพิจารณาและชี้ขาดคดีเหมือนอย่างคดีธรรมดาโดยโจทก์ร่วมมีฐานะเป็นจำเลยโจทก์หาใช่ผู้ร้องขอให้บังคับคดีจึงไม่มีฐานะเป็นจำเลยดังนั้นแม้ศาลจะมีคำสั่งในคำร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ให้โจทก์ให้การแก้คดีแต่เมื่อโจทก์ร่วมซึ่งมีฐานะเป็นจำเลยได้ให้การแก้คดีแล้วจึงมิใช่กรณีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา198วรรคแรกผู้ร้องในฐานะโจทก์ไม่จำต้องยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การศาลจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา198วรรคสองหาได้ไม่ การที่ศาลมีคำสั่งในคำให้การโจทก์ร่วมแต่เพียงว่า"รอฟังโจทก์จำเลยก่อน"เท่านั้นมิได้กำหนดให้ผู้ร้องดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรและได้ส่งคำสั่งโดยชอบจะถือว่าผู้ร้องทิ้งฟ้องและจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา132หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอาศัยระงับเมื่อตาย แต่สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งอาจตกทอดเป็นมรดกได้ หากทายาทไม่เข้ามาเป็นคู่ความคดีอาจจำหน่ายได้
แม้สิทธิอาศัยเป็นสิทธิเฉพาะตัวเมื่อโจทก์ผู้ได้รับสิทธิอาศัยถึงแก่ความตายสิทธิอาศัยเป็นอันระงับลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1404แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายจากจำเลยนอกเหนือจากที่ให้ขับไล่นั้นมีลักษณะเป็นทรัพย์สินที่อาจเป็นมรดกตกทอดให้แก่ทายาทของโจทก์ได้ตามมาตรา1599มิใช่สิทธิเฉพาะตัวอันทำให้ความมรณะของคู่ความฝ่ายโจทก์ยังให้คดีไม่มีประโยชน์ต่อไปแต่เมื่อล่วงเลยกำหนดเวลา1ปีหลังจากโจทก์ถึงแก่ความตายแล้วทายาทหรือผู้จัดการทรัพย์มรดกหรือบุคคลอื่นใดที่ปกครองทรัพย์มรดกของโจทก์มิได้เข้ามาเป็นคู่ความแทนที่ทั้งจำเลยและจำเลยร่วมก็มิได้มีคำขอให้ศาลเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาเป็นคู่ความแทนการที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา42วรรคสองประกอบมาตรา132(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 816/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฎีกาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาฎีกาภายในกำหนด ทำให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี
จำเลยยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันเดียวกันโดยกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ผู้ซื้อทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีภายใน 5 วัน ไม่มีผู้รับให้ปิด ทนายจำเลยรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้ว ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ผู้ซื้อทรัพย์และเจ้าพนักงานบังคับคดีภายในกำหนด ถือว่าเป็นการทิ้งฎีกาตามมาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246 และ 247ศาลฎีกามีอำนาจสั่งจำหน่ายคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7335/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์เฉพาะส่วนฟ้องแย้ง และผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งในส่วนของฟ้องเดิมและส่วนของฟ้องแย้ง จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมครบแล้ว แต่ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลในส่วนของฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้งให้ครบ จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้ง ซึ่งศาลอุทธรณ์จะสั่งจำหน่ายคดีชั้นอุทธรณ์เฉพาะในส่วนฟ้องแย้งเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7335/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์จากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องค่าขึ้นศาล และขอบเขตการจำหน่ายคดี
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นทั้งในส่วนของฟ้องเดิมและส่วนของฟ้องแย้ง จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมครบแล้ว แต่ไม่ได้เสียค่าขึ้นศาลในส่วนของฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้งให้ครบ จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาที่ศาลกำหนด ถือว่าจำเลยทิ้งฟ้องอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องแย้ง ซึ่งศาลอุทธรณ์จะสั่งจำหน่ายคดีชั้นอุทธรณ์เฉพาะในส่วนฟ้องแย้งเท่านั้น จะสั่งจำหน่ายคดีทั้งหมดรวมทั้งอุทธรณ์ในส่วนของฟ้องเดิมด้วยไม่ได้
of 60