พบผลลัพธ์ทั้งหมด 312 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4199/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีแพ่ง ผลของกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2527
จำเลยทราบนัดชี้ สองสถานแล้ว แต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลชี้ สองสถานโดยกำหนดให้ภาระการพิสูจน์ตก จำเลย และนัดสืบพยานจำเลยพร้อมกับนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้ถือว่าจำเลยทราบวันนัดแล้ว โดยไม่ต้องแจ้งจำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183วรรคสอง เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องต้องถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด จะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายนั้นไม่มีเหตุผลที่จะให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้อนในคดีภาษี: การฟ้องซ้ำเรื่องเดิม แม้คำสั่งต่างกัน ถือฟ้องซ้อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้อนหรือไม่เป็นปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ไม่มีฝ่ายใดฎีกาศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
เงินภาษีและเงินเพิ่มที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยไว้ในอุทธรณ์ฉบับแรก แม้เจ้าพนักงานประเมินจะได้มีคำสั่งแจ้งการประเมินเพิ่มเติมอีก ก็หาใช่เป็นผลจากการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่างหาก แต่เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีคำสั่งไปตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฉบับแรกนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับแรกในคดีก่อนและคดีอยู่ระหว่างพิจารณา การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับหลังซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน แม้คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์จะเป็นคนละคำสั่ง ฟ้องโจทก์ก็เป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173.
เงินภาษีและเงินเพิ่มที่คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้มีคำวินิจฉัยไว้ในอุทธรณ์ฉบับแรก แม้เจ้าพนักงานประเมินจะได้มีคำสั่งแจ้งการประเมินเพิ่มเติมอีก ก็หาใช่เป็นผลจากการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินต่างหาก แต่เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่มีคำสั่งไปตามคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ฉบับแรกนั้นเอง เมื่อโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับแรกในคดีก่อนและคดีอยู่ระหว่างพิจารณา การที่โจทก์กลับมาฟ้องจำเลยเพื่อให้เพิกถอนคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ฉบับหลังซึ่งเป็นเรื่องเดียวกัน แม้คำสั่งของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์จะเป็นคนละคำสั่ง ฟ้องโจทก์ก็เป็นฟ้องซ้อน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1820/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการปฏิบัติตามหน้าที่ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จำเลยซึ่งมิได้ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุญาตให้ยื่นคำให้การและศาลสั่งไต่สวนคำร้องดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องระหว่างศาลกับจำเลย และมิใช่เหตุที่จะทำให้โจทก์ได้รับยกเว้นหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ในอันที่จะต้องมีคำขอต่อศาลภายใน 15 วันนับแต่ระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ทั้งโจทก์จะถือว่าระยะเวลาที่กำหนดให้จำเลยยื่นคำให้การได้สิ้นสุดลงในวันที่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1745/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง ถือเป็นการทิ้งฟ้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 174(2)
การอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้แต่เฉพาะ บางส่วนเป็นกรณีที่ต้องอยู่ในบทบังคับของการอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. เพื่อให้อีกฝ่ายได้ทราบถึงข้ออุทธรณ์ซึ่งหากมีข้อคัดค้านอย่างใดก็จะได้แก้ อุทธรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์คำสั่ง และโจทก์ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้วแต่โจทก์ไม่ปฏิบัติตามกรณีจึงต้องด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 174(2) ถือได้ว่าเป็นการทิ้งฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณาและการไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งเช่นว่านี้หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่จำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไปเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ จึงต้องห้าม และกรณีไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้เพราะการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้น การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และผลของการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กรมที่ดินมีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนด ที่ดินของโจทก์ เพราะที่ดินอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้าม ย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว การที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนด ที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ศาลมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน 15 วันนับแต่วันสั่งซึ่งจะครบกำหนดวันที่ 11 สิงหาคม 2527 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลก็อนุญาตอีก จึงเริ่มนับ 1 ในวันที่12 สิงหาคม 2527 จะครบ 30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์ก็ไม่ได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่มกลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ โจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้นถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1517/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีมีทุนทรัพย์ การขยายเวลาชำระค่าขึ้นศาล และการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เมื่ออธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของโจทก์ โดยอ้างว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตที่ดินสงวนหวงห้ามย่อมมีผลให้โจทก์ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว ดังนั้นการที่โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งและให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดที่ดินให้กับโจทก์ใหม่ ย่อมมีผลทำให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินกลับคืนมา คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอซึ่งอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ เป็นคดีมีทุนทรัพย์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขยายเวลาให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาชำระใน15 วันนับแต่วันสั่ง ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 11 สิงหาคม 2527นั้น เมื่อโจทก์ยื่นคำร้องขอขยายเวลาอีก 30 วัน ศาลมีคำสั่งอนุญาต จึงต้องเริ่มนับ 1 ในวันที่ 12 สิงหาคม 2527 และจะครบ30 วันในวันที่ 10 กันยายน 2527 แต่เมื่อถึงวันที่ 10 กันยายน 2527 โจทก์มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม กลับยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาไปอีก 1 เดือนและเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตโจทก์ก็มิได้นำค่าขึ้นศาลมาวางในวันนั้น จึงเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีในวันเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีก่อนถึงเวลากำหนดที่ให้โจทก์นำค่าขึ้นศาลมาวางเพิ่ม.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4713/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องแย้งไม่เกี่ยวเนื่องกับฟ้องเดิม ขาดความชอบธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรค 3
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระหนี้ค่าซื้อสร้อยเพชรและแหวนเพชรเป็นเงิน86,181บาทจำเลยให้การว่าการรับซื้อแหวนเพชรเป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับว.และหนี้ตามฟ้องสามีโจทก์และโจทก์เรียกเก็บไปจากจำเลยแล้วโดยจำเลยชำระเป็นเช็คของผู้อื่นรวม3ฉบับเป็นเงิน126,000บาทจึงฟ้องแย้งให้โจทก์คืนเงินที่จำเลยชำระเกินไป102,443บาทฟ้องแย้งดังกล่าวจึงเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจำเลยไม่มีสิทธิฟ้องแย้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา177วรรค3.