คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 670 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1794/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานผู้รู้เห็นเป็นใจกับจำเลย: หลักเกณฑ์การรับฟังและการประกอบพยานอื่น
แม้ ส. จะมีพฤติการณ์ที่ส่อแสดงว่าได้รู้เห็นเป็นใจด้วยกับจำเลยในการกระทำผิดมาแต่ต้น แต่เมื่อ ส. ไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ คำเบิกความของ ส. มิใช่จะรับฟังไม่ได้เสียเลย ถ้าโจทก์มีพยานอื่นประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์ แม้ชื่อพยานไม่ชัดเจน โจทก์ฟ้องผู้ค้ำประกันได้ ไม่ถือเป็นการละเมิด
สัญญาค้ำประกันระบุชื่อ ผู้ค้ำประกันไว้โดย ชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันได้ ลง ลายมือชื่อไว้แล้วในฐานะ ผู้ค้ำประกัน รวมทั้งมีพยานอีก 2 คน ลงชื่อไว้ด้วย เช่นนี้ แม้จะไม่ได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อ พยานหรือทำวงเล็บ ไว้ใต้ ลายมือชื่อของพยานให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็ตาม ย่อมนำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา680 วรรคสอง
การที่จำเลยทั้งหกซึ่ง มีหน้าที่จัดทำสัญญาค้ำประกัน มิได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลที่เป็นพยานในสัญญาให้ชัดเจนไว้ใต้ ลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าว หรือมิได้จัดให้มีการทำวงเล็บ ใต้ ลายมือชื่อพยานเช่นว่านั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อ โจทก์เพราะโจทก์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิด โดย อาศัยสัญญาค้ำประกันดังกล่าวและอ้างจำเลยทั้งหกเป็นพยานได้ อยู่แล้ว เมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกดังกล่าวเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อ ระเบียบหรือกฏข้อบังคับของโจทก์อย่างไรแล้ว ศาลชอบที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ภายหลังที่สั่งรับฟ้องโจทก์แล้วไปเสียทีเดียวได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1738/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันสมบูรณ์แม้ชื่อพยานไม่ชัดเจน ฟ้องร้องผู้ค้ำประกันได้
สัญญาค้ำประกันระบุชื่อ ผู้ค้ำประกันไว้โดย ชัดแจ้ง และผู้ค้ำประกันได้ ลง ลายมือชื่อไว้แล้วในฐานะ ผู้ค้ำประกัน รวมทั้งมีพยานอีก 2 คน ลงชื่อไว้ด้วย เช่นนี้ แม้จะไม่ได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อ พยานหรือทำวงเล็บ ไว้ใต้ ลายมือชื่อของพยานให้ชัดเจนว่าเป็นใครก็ตาม ย่อมนำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวเป็นหลักฐานฟ้องร้องให้ผู้ค้ำประกันรับผิดได้ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา680 วรรคสอง การที่จำเลยทั้งหกซึ่ง มีหน้าที่จัดทำสัญญาค้ำประกัน มิได้เขียนหรือพิมพ์ชื่อบุคคลที่เป็นพยานในสัญญาให้ชัดเจนไว้ใต้ ลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าว หรือมิได้จัดให้มีการทำวงเล็บ ใต้ ลายมือชื่อพยานเช่นว่านั้น ยังถือ ไม่ได้ว่าเป็นการกระทำละเมิดต่อ โจทก์เพราะโจทก์อาจฟ้องผู้ค้ำประกันให้รับผิด โดย อาศัยสัญญาค้ำประกันดังกล่าวและอ้างจำเลยทั้งหกเป็นพยานได้ อยู่แล้ว เมื่อฟ้องโจทก์มิได้กล่าวอ้างว่าการกระทำของจำเลยทั้งหกดังกล่าวเป็นการประพฤติฝ่าฝืนต่อ ระเบียบหรือกฏข้อบังคับของโจทก์อย่างไรแล้ว ศาลชอบที่พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ภายหลังที่สั่งรับฟ้องโจทก์แล้วไปเสียทีเดียวได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4512/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารที่ส่งต่อศาลโดยความยินยอมของคู่ความ ไม่ถือเป็นพยานที่จำเลยอ้าง
ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง โจทก์และจำเลยแถลงร่วมกันว่าก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง จำเลยจะนำเอกสารของธนาคารออมสินเสนอต่อศาลเพื่อให้ศาลพิจารณาประกอบ โจทก์แถลงเห็นชอบด้วยต่อมาจำเลยส่งเอกสารดังกล่าว โจทก์แถลงรับรองว่าสำเนาเอกสารและข้อความถูกต้อง นอกจากนี้เอกสารดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารที่ธนาคารออมสินส่งมาตามหมายเรียกซึ่งศาลออกตามคำร้องขอของโจทก์ และเมื่อโจทก์ตรวจดูแล้วก็ว่าใช่เอกสารที่อ้าง ดังนี้เอกสารดังกล่าวจึงหาใช่เอกสารที่จำเลยอ้างเป็นพยานไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3757/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังคำเบิกความของพยานที่ไม่ใช่พยานผู้เห็นเหตุการณ์เพื่อลงโทษจำเลยในคดีอาญา
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นจำเลยกระทำผิด คงมีแต่คำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนของ ป. พี่ชายจำเลยว่า หลังเกิดเหตุ 2 วัน จำเลยบอก ป. ว่า จำเลยฆ่าผู้ตายและได้เก็บทรัพย์ที่ชิงไปจากผู้ตายไว้ที่บ้าน ลำพังคำเบิกความและคำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวจะนำมารับฟังเพื่อลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3640/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงประชาชน - จัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต - การรับฟังพยาน - ปัญหาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยหลอกลวงประชาชนด้วยการโฆษณาแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทจัดหางานในกรุงเทพมหานครเปิดรับสมัครคนงานไปทำงานในต่างประเทศ ความจริงจำเลยไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัทดังกล่าวและไม่สามารถจัดหางานตามที่โฆษณาได้ แสดงว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะจัดหางานให้แก่ผู้เสียหายแต่อย่างใด เพียงแต่อ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัทจัดหางานก็เพื่อให้ได้เงินค่าบริการจากผู้เสียหายเท่านั้น การกระทำของจำเลยตามฟ้องไม่เป็นความผิดฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.2511 แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นว่ากล่าว ศาลก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองเพราะเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยกับพวกรู้ว่าไม่สามารถส่งคนไปทำงานต่างประเทศได้ ข้อความที่จำเลยแสดงต่อประชาชนเป็นความเท็จการที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยโฆษณาด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จให้ประชาชนหลงเชื่อเป็นความเท็จอย่างไร จึงลงโทษจำเลยไม่ได้นั้นเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ อันเป็นปัญหาข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยโดยเจตนาทุจริตได้บังอาจหลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ชาวบ้านหนองผักชีว่า จำเลยเป็นตัวแทนของบริษัทจัดหางานในกรุงเทพมหานครเปิดรับสมัครคนงานไปทำงานยังเกาะไซปัน ประเทศฟิลิปปินส์ เงินเดือนสูง รายได้ดี ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นความจริงความจริงจำเลยไม่ได้เป็นตัวแทนของบริษัทจัดหางานในกรุงเทพมหานคร และไม่สามารถจัดหางานให้ผู้สมัครไปทำงานตามที่จำเลยโฆษณาได้ จำเลยได้ปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน โดยการหลอกลวงดังกล่าวมีประชาชนไปสมัครงานกับจำเลย จำนวน 12 คน ได้เสียค่าบริการ ค่านายหน้าให้แก่จำเลย เป็นการบรรยายฟ้องที่ครบองค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 343 แล้ว ไม่เคลือบคลุม
พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐานเกี่ยวกับใบเสร็จรับเงินที่จำเลยกับพวกได้ออกให้ผู้เสียหายโดยการถ่ายภาพรวมสำเนาไว้แล้ว แม้จะคืนต้นฉบับให้ผู้เสียหายไป ก็ถือได้ว่าใบเสร็จดังกล่าวเป็นเอกสารส่วนหนึ่งในสำนวนการสอบสวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2802-2805/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำซัดทอดของผู้กระทำผิดร่วมกันเป็นพยานรับฟังได้ หากมีเหตุผลและเชื่อถือได้
ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังคำซัดทอดของผู้ที่กระทำความผิดด้วยกันหากศาลเห็นว่าพยานเช่นว่านั้นให้การซัดทอดชอบด้วยเหตุผลพอให้รับฟังว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นศาลก็มีอำนาจรับฟังคำซัดทอดนั้นประกอบการพิจารณาได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2105/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดพาตัวผู้เสียหายไปอนาจาร พยานผู้เสียหายให้การยืนยัน และผลกระทบจาก พ.ร.บ. ล้างมลทิน
โจทก์มีพยานคือผู้เสียหายเพียงปากเดียวที่เบิกความถึงการกระทำของจำเลย แต่ก็มีน้ำหนักน่าเชื่อเพราะเหตุเกิดเวลากลางวัน พยานมีโอกาสได้เห็นคนร้ายได้ชัดเจน และเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยมา ได้ให้ผู้เสียหายดูตัวผู้เสียหายก็ยืนยันในทันทีว่า จำเลยเป็นคนที่ร่วมกับคนร้ายช่วยฉุดพาผู้เสียหายลงเรือ ทั้งไม่มีเหตุที่จะพึงระแวงว่าผู้เสียหายปรักปรำใส่ร้ายจำเลย จึงเชื่อได้ว่าได้เบิกความไปตามที่ได้รู้เห็นจริง
คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนไม่ได้รับสารภาพผิด เพียงแต่อ้างว่าจำเลยอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยเท่านั้น คำให้การดังกล่าวย่อมไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ศาลจึงไม่ลดโทษให้
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มี พ.ร.บ. ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีพระชนมพรรษา60 พรรษา พ.ศ. 2530 ใช้บังคับ ซึ่งล้างมลทินโทษจำเลยที่เคยต้องคำพิพากษาและพ้นโทษไปแล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัติดังกล่าวใช้บังคับ จึงเพิ่มโทษและกักกันจำเลยไม่ได้
ศาลล่างพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 284 โดยมิได้ระบุวรรคนั้น ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน การถอนฟ้องเพื่อส่งคืนคดี และการรับฟังพยานผู้ต้องหา
ทรัพย์ตามฟ้องซึ่งถูกคนร้ายลักไปเป็นของกระทรวงกลาโหม อยู่ในความดูแลของกรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองทัพบก กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ต่างก็เป็นนิติบุคคลและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ การที่เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ผู้ครอบครองดูแลทรัพย์ดังกล่าว มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ทั้งคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการ กรมอัยการ ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้
เดิมอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกับคดีนี้ไว้แล้ว ต่อมาขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์คดีนั้นได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง โดยอ้างว่าจำเลยเป็นบุคคลพลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหารกระทำความผิดฐานรับของโจรและมีอาวุธปืนไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร คดีไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498มาตรา 14 (2) โจทก์จึงขอถอนฟ้องเพื่อส่งคืนพนักงานสอบสวนให้ส่งพนักงานอัยการพลเรือนดำเนินการต่อไปมิใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36แต่เป็นการถอนฟ้องเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องเกี่ยวกับอำนาจศาลเท่านั้นและแม้กรณีศาลทหารยกฟ้องเพราะเหตุคดีอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน พนักงานอัยการก็ยังนำคดีมาฟ้องต่อศาลพลเรือนได้ ดังนั้นสิทธินำคดีมาฟ้องจึงหาระงับไปไม่พนักงานอัยการ กรมอัยการ มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้
ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามมิให้รับฟังพยานโจทก์ที่เคยตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาด้วยกัน เป็นแต่มีน้ำหนักให้รับฟังมากน้อยเพียงใดเท่านั้น หากศาลเห็นว่าพยานเช่นว่านั้นเบิกความประกอบชอบด้วยเหตุผล เชื่อได้ว่าเบิกความตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานดังกล่าวประกอบคดีของโจทก์ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 203/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีอาญาแผ่นดิน: การถอนฟ้องเพื่อส่งดำเนินคดีต่อโดยอัยการพลเรือน และการรับฟังพยานผู้มีส่วนร่วม
ทรัพย์ตามฟ้องซึ่งถูกคนร้ายลักไปเป็นของกระทรวงกลาโหมอยู่ในความดูแลของกรมสรรพาวุธทหารบกซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกองทัพบกกระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกและกระทรวงกลาโหม ต่างก็เป็นนิติบุคคลและเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ การที่เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ผู้ครอบครองดูแลทรัพย์ดังกล่าว มอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลย ทั้งคดีนี้เป็นคดีอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนจึงมีอำนาจสอบสวนและพนักงานอัยการ กรมอัยการ ย่อมมีอำนาจฟ้องคดีนี้ได้ เดิมอัยการศาลทหารกรุงเทพเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดเดียวกับคดีนี้ไว้แล้ว ต่อมาขณะคดีอยู่ในระหว่างพิจารณา โจทก์คดีนั้นได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง โดยอ้างว่าจำเลยเป็นบุคคลพลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหารกระทำความผิดฐานรับของโจทก์และมีอาวุธปืนไว้โดยฝ่าฝืนกฎหมายนอกที่ตั้งหน่วยทหาร คดีไม่อยู่ในอำนาจศาลทหารตามพระธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 14(2) โจทก์จึงขอถอนฟ้องเพื่อส่งคืนพนักงานสอบสวนให้ส่งพนักงานอัยการพลเรือนดำเนินการต่อไป มิใช่เป็นการถอนฟ้องเด็ดขาดตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 36 แต่เป็นการถอนฟ้องเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องเกี่ยวกับอำนาจศาลเท่านั้น และแม้กรณีศาลทหารยกฟ้องเพราะเหตุคดีอยู่ในอำนาจศาลพลเรือน พนักงานอัยการก็ยังนำคดีมาฟ้องต่อศาลพลเรือนได้ ดังนั้นสิทธินำคดีมาฟ้องจึงหาระงับไปไม่ พนักงานอัยการ กรมอัยการ มีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ได้ ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายห้ามมิให้รับฟังพยานโจทก์ที่เคยตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาด้วยกัน เป็นแต่มีน้ำหนักให้รับฟังมากน้อยเพียงใดเท่านั้นหากศาลเห็นว่าพยานเช่นว่านั้นเบิกความประกอบชอบด้วยเหตุผลเชื่อได้ว่าเบิกความตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ศาลก็มีอำนาจรับฟังพยานดังกล่าวประกอบคดีของโจทก์ได้
of 67