คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยายามฆ่า

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 869 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4608/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: เล็งเห็นผลกระทบต่อผู้อื่นจากการยิงที่รถยนต์
การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย-ทั้งสอง แม้กระสุนปืนจะไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง แต่การที่จำเลยที่ 2 ยิงไปที่รถยนต์ที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่ และกระสุนปืนนัดแรกถูกระจกหลังด้านขวาแตก ส่วนอีก2 นัดหลังถูกแผงเครื่องทำความเย็นหน้ารถยนต์ เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4608/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าจากเหตุยิงไปที่รถยนต์ของผู้เสียหาย แม้กระสุนไม่ถูกตัว
การที่จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายทั้งสอง แม้กระสุนปืนจะไม่ถูกผู้เสียหายทั้งสอง แต่การที่จำเลยที่ 2ยิงไปที่รถยนต์ที่ผู้เสียหายทั้งสองนั่งอยู่ และกระสุนปืนนัดแรกถูกกระจกหลังด้านขวาแตก ส่วนอีก 2 นัดหลังถูกแผงเครื่องทำความเย็นหน้ารถยนต์ เช่นนี้จำเลยที่ 2 ย่อมเล็งเห็นได้ว่า กระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายทั้งสองเป็นเหตุให้ผู้เสียหายทั้งสองถึงแก่ความตายได้ จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4482/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพยายามฆ่าและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ ศาลฎีกาแก้โทษตามบทบัญญัติกฎหมาย
แม้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 8 ทวิ วรรคสองและมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง โดยให้ปรับจำเลย 100 บาทซึ่งต่ำกว่าอัตราขั้นต่ำตามกฎหมายก็ตาม แต่ปรากฏว่าโจทก์มิได้อุทธรณ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์เมื่อศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดฐานนี้ ศาลฎีกาก็ลงโทษจำเลยได้ไม่เกินโทษ ที่ศาลชั้นต้นวางไว้ ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4154/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการทำร้ายด้วยขวานและการใช้ปืนข่มขู่ ถือเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า
ผู้เสียหายชกต่อยและกอดปล้ำกับจำเลยที่ 1 เมื่อจำเลยที่ 1ดิ้นหลุดมาได้ จำเลยที่ 2 ก็ใช้ขวานซึ่งมีใบขวานกว้างประมาณ3 นิ้ว ฟันผู้เสียหายที่ชายโครงซ้ายศีรษะและท้ายทอย จำเลยที่ 1วิ่งไปหยิบปืนมาจ่อที่หน้าผู้เสียหายพร้อมพูดกับจำเลยที่ 2 ว่า"ฆ่าให้ตาย" และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลของผู้เสียหายว่าบาดแผลที่ชายโครงซ้ายยาว 9 เซนติเมตร กว้าง 2 เซนติเมตรลึกตัดกระดูกซี่โครงข้างซ้ายซี่ที่ 9 และซี่ที่ 10 หัก กะบังลมทะลุและไตซ้ายฉีกขาด มีลำไส้ใหญ่โผล่จากปากบาดแผล หากไม่ได้รับการรักษาอาจถึงแก่ความตายได้ แสดงว่าจำเลยที่ 2 ใช้ขวานฟันผู้เสียหายอย่างแรงประกอบกับเป็นขวานค่อนข้างใหญ่ จึงมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 405/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนายิงแสดงความพร้อมเริ่มกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า แม้ยังไม่ได้ลั่นไก
จำเลยยกอาวุธปืนแก๊ปยาวซึ่งตามปกติธรรมดาเป็นอาวุธร้ายแรงจ้องเล็งไปยังผู้เสียหายพร้อมกับพูดว่าจะยิงผู้เสียหายและถีบบ. ผู้ขอร้องจำเลยว่าอย่ายิงล้มลงเพื่อให้พ้นจากการขัดขวางจำเลยไม่ให้ยิงผู้เสียหาย การกระทำดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายและพร้อมที่จะยิงผู้เสียหายแล้ว แต่ผู้เสียหายหลบไปอยู่ข้างหลัง ว. โดยกอดเอวไว้ ทำให้จำเลยไม่สามารถเลือกยิงผู้เสียหายได้ในทันที ดังนี้ แม้ไม่ได้ความขัดว่านิ้วมือของจำเลยสอดเข้าในโกร่งไกปืนแล้วหรือยัง แต่จำเลยพร้อมจะยิงผู้เสียหายเป็นการเริ่มต้นกระทำความผิดแล้ว ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3145/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานสนับสนุนพยายามฆ่า: การแบ่งหน้าที่ช่วยเหลือยิง ไม่ถึงขั้นร่วมกระทำผิดโดยตรง
จำเลยที่ 3 ได้รับการจ้างวานให้ไปฆ่าโจทก์ร่วม จึงได้วางแผนจัดหาคนที่จะไปลอบยิงรวมทั้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 ได้นัดให้จำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ไปรอยังร้านอาหารใกล้สถานที่เกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ 3 และที่ 1 กับพวกได้ออกจากที่พักนั่งรถแท็กซี่ตามไปในเวลาใกล้เคียงกัน เฝ้าดักรออยู่ในร้านอาหารจนเมื่อเห็นรถของโจทก์ร่วมแล่นออกมา จำเลยที่ 2 ได้ขับรถจักรยานยนต์มีจำเลยที่ 1 นั่งซ้อนท้ายติดตามไปทันทีเมื่อทันกันแล้ว จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจึงเป็นพฤติการณ์แสดงให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ 3 ในการร่วมกันมีและพาอาวุธปืนกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 จำเลยที่ 3 ย่อมมีความผิดฐานร่วมกันมีและพาอาวุธปืน แต่จำเลยที่ 3 ไม่ได้ร่วมติดตามไปยิงโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ด้วย เป็นแต่นั่งรถแท็กซี่กลับไปรอฟังผลยังที่พักกับพวก การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงยังไม่ถึงขั้นร่วมกันกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในการยิงโจทก์ร่วมด้วยการแบ่งหน้าที่กันกระทำคงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 และที่ 2ในการยิงโจทก์ร่วม จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนในการพยายามฆ่าโจทก์ร่วมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)ประกอบด้วยมาตรา 80,86 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3047/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดฐานพยายามฆ่าและมีวัตถุระเบิด ศาลฎีกายกประโยชน์แห่งความสงสัย
ก่อนเกิดเหตุจำเลยเคยทำท่าฮึดฮัดจะชักอาวุธปืนยิงผู้เสียหายซึ่งแสดงว่าผู้เสียหายกับจำเลยมีสาเหตุโกรธเคืองกัน คำเบิกความของผู้เสียหายที่ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายจึงมีเหตุทำให้ระแวงสงสัยส่วนที่โจทก์อ้างส่งคำให้การชั้นสอบสวนของ ย. ที่ระบุว่าในวันเกิดเหตุ ย. ได้ยินจำเลยพูดกับเพื่อนของจำเลยว่า อย่างผู้เสียหายไม่ต้องยิงให้เสียเวลาหรอกแค่ขว้างก็ช็อกตายแล้วนั้นคำให้การในชั้นสอบสวนดังกล่าวเป็นเพียงพยานบอกเล่า ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2650/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ และการพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าเมื่อมีเหตุทำร้ายเกิดขึ้นก่อน
เหตุการณ์ชกต่อยครั้งแรกได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกจำเลยและผู้เสียหายที่ 1 ต่างยืนอยู่คนละแห่ง แล้วผู้เสียหายที่ 1จึงเริ่มก่อเหตุขึ้นใหม่โดยผู้เสียหายที่ 1 ถือท่อนเหล็กไล่ทำร้ายจำเลย จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวได้ แต่การที่จำเลยใช้ปืนซึ่งเป็นอาวุธร้ายแรงยิงถึง 2 นัด โดยเฉพาะการยิงนัดที่ 2 ในขณะที่ผู้เสียหายที่ 1 ได้วิ่งหนีไปอยู่ทางด้านหัวรถนับว่าเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลบหนีเจ้าพนักงาน vs. พยายามฆ่า: การประเมินพฤติการณ์เพื่อตัดสินความผิด
เมื่อจำเลยชะลอความเร็วของรถเพราะติดรถยนต์คันอื่นซึ่งติดสัญญาณไฟแดงเพื่อจะเลี้ยวขวา เจ้าพนักงานตำรวจได้ลงจากรถยนต์ปิกอัพวิ่งไปกระโดดเกาะบันไดขึ้นหลังคารถตรงประตูรถด้านหน้าด้านคนขับ จำเลยได้ขับรถเบี่ยงลงถนนทางด้านซ้ายเฉียดเสาไฟฟ้า เมื่อเลยสี่แยกไป เจ้าพนักงานตำรวจปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคารถ จำเลยได้ขับรถชิดซ้ายและขับรถส่ายไปมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวก็เพื่อที่จะหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจไม่ให้จับกุมได้เท่านั้นแม้จะขับรถส่ายไปมาก็เป็นการกันมิให้รถยนต์ของเจ้าพนักงานตำรวจแซงขึ้นหน้ารถตนเองได้ซึ่งหากจำเลยมีเจตนาฆ่าคงจะกระทำในโอกาสแรกโดยการขับรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุพุ่งเข้าชนเจ้าพนักงานตำรวจในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้นั้นยืนโบกมือ ขวางทางอยู่กลางถนนที่ด่านตำรวจ การที่จำเลยไม่หยุดรถเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจส่งสัญญาณให้หยุดที่ด่านตรวจโดยเร่งความเร็วหลบแผงกั้นเป็นด่านตรวจของเจ้าพนักงานตำรวจ และขับรถส่ายไปมาในขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจอยู่บนหลังคารถด้วยนั้น ตามพฤติการณ์จำเลยมีเจตนาที่จะหลบหนีให้พ้นการตรวจค้นและจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเพียงอย่างเดียวอันเป็นความผิดฐานขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานโดยใช้กำลังประทุษร้ายเท่านั้น ส่วนที่จำเลยขับรถเบี่ยงลงถนนด้านซ้ายเฉียดเสาไฟฟ้าข้างถนน ก็ปรากฏว่าก่อนที่จำเลยจะขับรถเบี่ยงไปเช่นนั้นมีรถยนต์หลายคันจอดขวางติดสัญญาณไฟแดงอยู่เมื่อได้สัญญาณไฟเขียว จำเลยก็รีบร้อนขับรถออกไปเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม แต่เมื่อไม่อาจขับรถออกไปทันทีได้จึงต้องเบี่ยงลงข้างทางที่มีที่ว่างพอให้รถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยขับผ่านไปได้เผอิญตรงนั้นมีเสาไฟฟ้าอยู่ 1 ต้น จำเลยจึงต้องขับรถเบี่ยงเฉียดเสาไฟฟ้านั้นไป อีกทั้งรถยนต์บรรทุกสิบล้อที่จำเลยขับเป็นรถขนาดใหญ่และเป็นขณะเพิ่งออกรถ ย่อมไม่อาจใช้ความเร็วสูงได้จำเลยจึงมีเพียงเจตนาหลบหนีเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อให้พ้นจากการถูกจับกุม การกระทำของจำเลยยังไม่ถึงขั้นพยายามฆ่าเจ้าพนักงานโดยเล็งเห็นผลการกระทำของตน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าและปลอมปนอาหาร: ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าและปลอมปนเครื่องดื่ม
จำเลยเอายาเบื่อหนูใส่ในโอ่งน้ำดื่มของผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายทราบเสียก่อนไม่ยอมดื่มน้ำดังกล่าวผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเข้าลักษณะเป็นการปลอมปนเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้และการปลอมปนนั้นน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 236 และมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80กรณีเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90
of 87