คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พิจารณาใหม่

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 327 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องแสดงเหตุคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดชัดเจน การอ้างพยานหลักฐานชุดเดิมไม่ถือเป็นเหตุคัดค้าน
คำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 จำเลยกล่าวเพียงว่ากรณีอย่างเดียวกันนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้ว และศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดี ถ้าจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์และนำพยานหลักฐานเข้าสืบแสดงต่อศาล ศาลก็ต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดี เพราะพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยในคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ถือไม่ได้ว่าได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาและศาลอาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชัดเจน มิเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคสอง คำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งเหตุที่คู่ความได้ขาดนัดและข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลการที่คำขอพิจารณาใหม่ของจำเลยกล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งแต่เพียงเหตุที่จำเลยขาดนัด มิได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินของศาล ดังนี้ ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะรับไว้พิจารณา.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 628/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอพิจารณาใหม่ต้องระบุข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดอย่างชัดเจน การอ้างคดีเก่าที่มีผลพิพากษาเหมือนกันไม่ถือเป็นเหตุพิจารณาใหม่
คำขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 จำเลยกล่าวเพียงว่ากรณีอย่างเดียวกันนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยมาแล้ว และศาลพิพากษาให้จำเลยชนะคดี ถ้าจำเลยมีโอกาสซักค้านพยานโจทก์และนำพยานหลักฐานเข้าสืบแสดงต่อศาล ศาลก็ต้องพิพากษาให้จำเลยชนะคดี เพราะพยานหลักฐานโจทก์และจำเลยในคดีนี้กับคดีดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ถือไม่ได้ว่าได้กล่าวคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดชัดแจ้ง จึงไม่ชอบที่จะรับไว้พิจารณาและศาลอาจยกคำร้องได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5104/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกหนี้ล้มละลายไม่มีสิทธิยื่นคำขอพิจารณาใหม่เอง อำนาจอยู่ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ก่อนจำเลยยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ ศาลแพ่งได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยในคดีล้มละลายแล้ว จึงเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวที่จะฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใด ๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา22 (3) การที่จำเลยยื่นขอให้พิจารณาใหม่เป็นการต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินของจำเลยที่ถูกโจทก์ฟ้องให้ชำระหนี้ จำเลยไม่มีสิทธิดำเนินการเอง เพราะเป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนที่ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแทนตามมาตรา 25 ได้ต้องเป็นกรณีที่จำเลยได้ยื่นขอพิจารณาใหม่ไว้ก่อน แล้วถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในภายหลัง เมื่อจำเลยถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ จึงไม่ต้องตามตามบทบัญญัติ มาตรา 25 ที่ศาลจะต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาว่าคดีแทน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 460/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำร้องขอพิจารณาใหม่ต้องระบุเหตุผลชัดเจนว่าหากเปิดโอกาสต่อสู้คดีแล้วผลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
คำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยอ้างว่า หากจำเลยมีโอกาสต่อสู้คดีมาแต่แรก คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจะต้องเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากจำเลยมิได้เป็นหนี้ตามจำนวนที่ฟ้อง เพราะได้ชำระ เงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วนให้แก่โจทก์แล้ว ทั้งการบอกกล่าวบังคับจำนองของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเป็นการกล่าวอ้างแต่เพียงว่า จำเลยเป็นหนี้โจทก์ไม่เกินจำนวนหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานอ้างอิงในอันที่จะแสดงให้เห็นโดยชัดแจ้งว่า หากพิจารณาใหม่แล้ว ศาลจะพิพากษาให้ผิดแผกแตกต่างไปจากที่ได้พิพากษาไปแล้ว ส่วนที่จำเลยอ้างว่าโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยก็ไม่ได้อ้างว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ดังนี้ คำร้อง ของ จำเลยไม่กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 208 จึงไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3305/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งระหว่างพิจารณาหลังมีคำพิพากษา: จำเลยต้องคัดค้านทันทีจึงจะอุทธรณ์ได้
คำสั่งอันจะถือ ว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาไม่ได้จำกัดไว้เฉพาะ คำสั่งที่สั่งก่อนมีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัด สินคดีอันเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีเท่านั้น แม้ศาลได้ มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีอันเป็นประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้วเมื่อจำเป็นต้อง ดำเนิน กระบวนพิจารณาเพื่อมีคำสั่งชี้ขาดตามคำขอของคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่อีก คำสั่งในระหว่างการดำเนิน กระบวนพิจารณาดังกล่าวก่อนมีคำสั่งชี้ขาดตาม คำขอนั้นย่อมเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาเช่นเดียว กัน หลังจาก ศาลแรงงานกลาง มีคำพิพากษาชี้ขาดตัด สินในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่ในระหว่างการไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ดังกล่าว ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งในคำแถลงของจำเลยที่คัดค้านคำร้องขอยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ว่า การที่ศาลอนุญาตให้โจทก์ระบุพยานเพิ่มเติมนั้นเป็นเพราะพยานเป็นเจ้าหน้าที่เดินหมายของศาลแม้โจทก์ไม่อ้างเป็นพยาน ศาลก็ต้อง เรียกพยานดังกล่าวมาเป็นพยานเพราะเป็นพยานสำคัญ คำสั่งเช่นนี้เป็นคำสั่งในระหว่างที่ ศาลแรงงานกลาง ดำเนินกระบวนพิจารณาไต่สวนคำร้องขอพิจารณาใหม่ก่อนที่จะมีคำสั่งชี้ขาดอนุญาตให้พิจารณาใหม่หรือไม่จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา หากจำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งนั้นก็ต้องโต้แย้งคัดค้านไว้ เมื่อศาลมีคำสั่งในคำแถลงดังกล่าววันเดียวกันกับวันที่จำเลยยื่นคำแถลง ถือ ว่าจำเลยทราบคำสั่งในวันนั้นและศาลนัดฟังคำพิพากษาหลังวันมีคำสั่งถึง 2 วัน จำเลยจึงมีโอกาสโต้แย้งคัดค้านคำสั่งได้ เมื่อไม่โต้แย้งคัดค้าน จำเลยย่อมไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3215/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และการนับระยะเวลาขอพิจารณาใหม่: ความสัมพันธ์ระหว่างมารดา-บุตรและการสันนิษฐานการรับรู้
ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งหกเด็ดขาดเมื่อวันที่ 21มีนาคม 2529 จำเลยที่ 6 ศึกษาอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา วันที่30 พฤศจิกายน 2529 จำเลยที่ 6 กลับมาประเทศไทยซึ่งจำเลยที่ 6มีภูมิลำเนาอยู่แห่งเดียวกับจำเลยที่ 2 ผู้เป็นมารดาและจำเลยที่ 5ซึ่งเป็นพี่ชาย ดังนี้ จำเลยที่ 6 จะต้องได้พบกับจำเลยที่ 2อย่างช้า ภายในวันที่ 1 ธันวาคม 2529 และจำเลยที่ 2 จะต้องแจ้งเรื่องถูกศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดให้จำเลยที่ 6 ทราบการที่จำเลยที่ 6 มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ในวันที่ 14 ตุลาคม2530 จึงพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันทราบคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดกรณีไม่เข้าหลักเกณฑ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3153/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนา การส่งคำบังคับ และระยะเวลาการยื่นคำขอพิจารณาใหม่หลังยึดทรัพย์
จำเลยที่ 4 ไปศึกษาต่อต่างประเทศก่อนโจทก์ฟ้องหลายปี มีครอบครัวและประกอบอาชีพอยู่ต่างประเทศ แต่จำเลยที่ 4 ยังมีสัญชาติไทย มีชื่อในทะเบียนบ้านตามที่โจทก์บรรยายไว้ในคำฟ้องและเคยเดินทางกลับมาประเทศไทยหลายครั้ง ถือว่าจำเลยที่ 4 ยังมีภูมิลำเนาในประเทศไทยตามทะเบียนบ้านนั้น การส่งคำบังคับให้แก่จำเลยที่ 4 ตามภูมิลำเนาดังกล่าวโดยการปิดคำบังคับจึงเป็นการส่งโดยชอบ จำเลยที่ 4 เพิ่งยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนด6 เดือนไปแล้ว นับแต่วันยึดทรัพย์ของจำเลยที่ 4 จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2529/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งนัดสืบพยานที่ไม่ชอบด้วยวิธี สั่งให้ดำเนินคดีฝ่ายเดียว ศาลฎีกายกคำพิพากษา ให้พิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำให้การจำเลยและสั่งให้ออกหมายกำหนดวันนัดสืบพยานส่งให้โจทก์ทราบเพียงฝ่ายเดียว ส่วนบันทึกกำหนดวันสืบพยานที่เจ้าหน้าที่ศาลได้ลงไว้ท้ายคำให้การก็ปรากฏหลักฐานลายเซ็นของทนายโจทก์รับทราบกำหนดนัดสืบพยานแต่เพียงฝ่ายเดียว ไม่ปรากฏว่าทนายจำเลยได้ลงชื่อรับทราบกำหนดวันนัดสืบพยานดังกล่าวด้วย และลายเซ็นทนายจำเลยที่ลงไว้ข้างท้ายหมายเหตุคำให้การที่มีข้อความว่าข้าพเจ้ารอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้วก็คงถือเป็นเพียงหลักฐานการรับทราบคำสั่งศาลในการพิจารณาสั่งเกี่ยวกับคำให้การจำเลยที่ยื่นต่อศาลเท่านั้น ทั้งในการสั่งรับคำให้การของจำเลย ศาลก็มิได้ระบุวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ประการใด กรณีเป็นไปได้ว่าเจ้าหน้าที่ศาลอาจลงกำหนดวันนัดสืบพยานหลังจากได้รับเอกสารคำให้การจากทนายจำเลยไว้แล้ว การที่ศาลชั้นต้นมิได้ออกหมายกำหนดวันสืบพยานสั่งให้จำเลยทราบ และมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาโดยให้ดำเนินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 184, 202

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดพลาดของทนายความย่อมเป็นความรับผิดของจำเลย และคำขอพิจารณาใหม่ต้องชัดเจน
เมื่อทนายจำเลยดำเนินคดีผิดพลาด ย่อมต้องถือว่าเป็นความผิดพลาดของจำเลยด้วย จำเลยจะอ้างว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อเป็นเหตุปัดความรับผิดหาได้ไม่
จำเลยอ้างในคำขอให้พิจารณาใหม่แต่เพียงว่าคดีจำเลยมีทางชนะคดีโจทก์ได้เท่านั้น ข้ออ้างเช่นนี้หาเป็นข้อความที่คัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลโดยละเอียดและชัดแจ้งไม่ คำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยจึงขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคท้าย ศาลชอบที่จะยกคำร้องของจำเลยได้
of 33