พบผลลัพธ์ทั้งหมด 460 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2591/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การละเมิดสิทธิใช้ทางร่วม และการรื้อถอนสิ่งกีดขวางทาง แม้ไม่มีการบรรยายฟ้องเรื่องภารจำยอม
โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมและคำขอบังคับท้ายฟ้องโจทก์มิได้ขอให้พิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมโจทก์เพียงแต่ขอให้จำเลยทั้งสองถอนเสาไม้แก่นและต้นมะพร้าวที่จำเลยทั้งสองนำมาปลูกและปักเอาไว้ทั้งหมดออกไปให้พ้นจากช่องทางเข้าออกบ้านโจทก์และทำที่ดินตรงนั้นให้อยู่ในสภาพเรียบร้อยคดีจึงไม่มีประเด็นว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้องนอกประเด็น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2438/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นทางสาธารณะและภารจำยอม: การยกประเด็นใหม่ในฎีกาที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วถือว่าเป็นการต้องห้ามตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้ารื้อถอนเสาคอนกรีตกับรั้วลวดหนามและสิ่งที่รุกล้ำออกไปจากทางพิพาทซึ่งเป็นทางสาธารณะและทางภารจำยอมเมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าทางพิพาทเป็นทางสาธารณะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเสาและรั้วลวดหนามออกไปจากทางพิพาทคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกโจทก์มิได้อุทธรณ์คำพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมประเด็นเรื่องทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่จึงยุติแม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยว่าทางพิพาทมิใช่ทางภารจำยอมก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ฎีกาของโจทก์ที่ว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 213/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ทางพิพาทเกิน 10 ปี ไม่เป็นภารจำยอม หากใช้โดยอาศัยสิทธิเจ้าของเดิม
โจทก์ทั้งหกใช้ทางพิพาทโดยขออาศัยสิทธิของเจ้าของทางพิพาทเดิมแม้จะใช้ทางพิพาทตลอดมาเกิน10ปีก็ไม่ถือว่าเป็นการใช้โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาจะให้ได้สิทธิภารจำยอมทางพิพาทจึงไม่ตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1540/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีทางภารจำยอม: เจ้าของสามยทรัพย์ฟ้องได้แม้ยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อ
แม้จำเลยจะได้ให้การแก้คดีว่าโจทก์ไม่ใช่เจ้าของผู้ครอบครองที่ดินตามฟ้องจึงไม่มีอำนาจฟ้อง แต่จำเลยก็เบิกความยอมรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของที่ดินแล้ว ดังนี้แม้จะยังมิได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินมาเป็นของโจทก์ โจทก์ในฐานะเจ้าของสามยทรัพย์ก็ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1387 ความเป็นญาติมิใช่เหตุผลที่จะต้องฟังว่าพยานจะเบิกความเข้าข้างกันเสมอไป คำเบิกความของพยานปากใดจะรับฟังได้หรือไม่สุดแล้วแต่เหตุผลในคำพยานนั้นเอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมเกิดขึ้นได้จากการใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี แม้จะมีทางออกอื่น โจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้เปิดทาง
แม้โจทก์ทั้งสองจะมีสิทธิเรียกร้องเอาทางเดินจากที่ดินแปลงอื่นที่ได้แบ่งแยกจากที่ดินของ ถ.เช่นเดียวกับที่ดินของโจทก์เพื่อออกไปสู่ทางสาธารณะได้แต่เมื่อทางพิพาทในที่ดินของจำเลยเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสองโจทก์ทั้งสองก็มีอำนาจฟ้องให้จำเลยเปิดทางพิพาทได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1406/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมโดยการใช้สิทธิเป็นปรปักษ์: การใช้ทางร่วมต่อเนื่องโดยได้รับอนุญาตและพฤติการณ์ที่บ่งชี้ถึงสิทธิ
จำเลยตกลงให้ ป.และโจทก์ทั้งสิบห้าใช้ทางพิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินของจำเลยเข้าออกสู่ทางสาธารณะตลอดไปจึงไม่มีสิทธิที่จะห้ามมิให้โจทก์ทั้งสิบห้าใช้ทางพิพาทได้ถือว่า ป.และโจทก์ทั้งสิบห้าต่างได้ใช้ทางพิพาทเสมือนว่าตนมีสิทธิที่จะใช้โดยมิได้อาศัยสิทธิของจำเลยเป็นการใช้โดยถือสิทธิเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าของทางพิพาทเมื่อเป็นเวลาเกินกว่า10ปีทางพิพาทจึงตกอยู่ในภารจำยอมแก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสิบห้า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291-1292/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมในที่ดินจัดสรร: การโอนกรรมสิทธิ์ไม่กระทบสิทธิภารจำยอมเดิม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่4ต่างได้ซื้อที่ดินและบ้านในโครงการจัดสรรของจำเลยที่1ที่2ที่3โดยการซื้อขายได้มีการตกลงยินยอมให้โจทก์มีสิทธิใช้ทางเดินพิพาทและสระว่ายน้ำพิพาทและบรรยายว่าที่ดินทั้งสองแปลงอยู่ในโครงการและการจัดสรรของจำเลยที่1ที่2ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286จำเลยที่4มิได้ให้การต่อสู้หรือปฏิเสธจึงถือว่ารับในประเด็นข้อนี้ จำเลยที่1ที่2ในฐานะผู้จัดสรรที่ดินได้จัดถนนและสระว่ายน้ำเป็นสาธารณูปโภคบนที่ดินดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่ผู้ซื้อบ้านในโครงการเสร็จแล้วถนนและสระว่ายน้ำจึงเป็นภารจำยอมเป็นประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงซึ่งเป็นภารจำยอมโดยผลของกฎหมายติดกับตัวทรัพย์ผูกพันแก่บุคคลที่เป็นเจ้าของภารจำยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1387เมื่อจำเลยที่4รับโอนที่ดินไปจึงต้องมีหน้าที่บำรุงรักษาให้คงสภาพตลอดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1394และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286จำเลยที่4สร้างโรงรถและปิดกั้นรั้วในที่ดินดังกล่าวจึงเป็นละเมิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291-1292/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมที่ดินจัดสรร: ผู้รับโอนต้องผูกพันตามภารจำยอมเดิม แม้มีการแบ่งแยกโฉนด
จำเลยที่4ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาในขณะที่ติดภารจำยอมเป็นถนนในหมู่บ้านจัดสรรและสระว่ายน้ำซึ่งเป็นภารจำยอมที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเป็นทรัพยสิทธิที่ติดไปกับตัวทรัพย์และผูกพันแก่บุคคลที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1387แม้ที่ดินที่เป็นถนนจะถูกแยกไปภารจำยอมก็ยังคงมีอยู่ทุกส่วนที่แยกออกจำเลยที่4ในฐานะผู้รับโอนก็ต้องรับภารจำยอมที่แต่เดิมมีอยู่ไปด้วยทั้งต้องบำรุงรักษาให้คงสภาพตลอดไปตามมาตรา1394และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286ข้อ30จำเลยที่4จะอ้างว่าได้รับโอนไปโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตเพื่อให้พ้นความรับผิดดังกล่าวหาได้ไม่ การจัดสรรตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286หมายความว่าการจัดจำหน่ายที่ดินติดต่อกันเป็นแปลงย่อยมีจำนวนตั้งแต่10แปลงขึ้นไปไม่ว่าด้วยวิธีใดจึงไม่จำเป็นว่าที่ดินที่นำมาจัดสรรต้องเป็นแปลงเดียวกันและต้องเป็นของบุคคลคนเดียวกัน จำเลยที่1และที่2ได้ร่วมกันจัดสรรที่ดินมีจำนวนตั้งแต่10แปลงขึ้นไปต้องตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286แม้จะมีการโอนที่ดินโฉนดหนึ่งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการจัดสรรที่ดินให้แก่จำเลยที่3ในภายหลังและจำเลยที่3ได้จัดการแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อย8แปลงแล้วขายที่ดิน1แปลงที่สร้างโรงรถกับโอนสระว่ายน้ำให้จำเลยที่4ในเวลาต่อมาก็ไม่ทำให้ที่ดินที่เป็นโรงรถและสระว่ายน้ำนั้นไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวและคงเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์เมื่อจำเลยที่4ได้สร้างโรงรถบนที่ดินภารจำยอมอันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายจึงถือว่าจำเลยที่4ทำละเมิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา420
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291-1292/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภารจำยอมในที่ดินจัดสรร แม้มีการโอนและแบ่งแยกที่ดิน ก็ยังคงมีอยู่เพื่อประโยชน์แก่ที่ดินแปลงอื่น
ที่ดินพิพาทที่สร้างเป็นโรงรถและที่ดินที่เป็นที่ตั้งของสระว่ายน้ำขณะที่จำเลยที่4รับโอนมาถนนและสระว่ายน้ำเป็นภารจำยอมที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายเป็นทรัพย์สิทธิติดไปกับตัวทรัพย์และผูกพันแก่บุคคลที่เป็นเจ้าของภารยทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1387เมื่อจำเลยที่4รับโอนที่พิพาททั้งสองแปลงที่ติดภารจำยอมอยู่ไปเช่นนี้แม้ที่ดินที่เป็นถนนจะถูกแยกไป(ทำเป็นโรงรถ)ภารจำยอมก็ยังคงมีอยู่ทุกส่วนที่แยกไปจำเลยที่4ต้องรับภารจำยอมที่แต่เดิมมีอยู่ไปด้วยทั้งต้องบำรุงรักษาให้คงสภาพตลอดไปตามมาตรา1394และประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286ข้อ30จำเลยที่4จะอ้างว่ารับโอนโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนโดยสุจริตหาได้ไม่ ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงดังกล่าวอยู่ในโครงการจัดสรรที่ดินมีจำนวนตั้งแต่10แปลงขึ้นไปกรณีต้องตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่286แล้วแม้จะมีการโอนที่ดินส่วนหนึ่งของการจัดสรรให้จำเลยที่3ในภายหลังและจำเลยที่3ได้จัดการแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อยอีก8แปลง(ไม่ถึง10แปลง)แล้วขายที่ดินพิพาทที่สร้างโรงรถกับโอนสระว่ายน้ำให้แก่จำเลยที่4ในเวลาต่อมาก็หาทำให้ที่ดินพิพาทที่เป็นโรงรถและที่ตั้งสระว่ายน้ำไม่เป็นการจัดสรรที่ดินตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวไม่ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงคงเป็นภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินของโจทก์ทั้งสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1200/2538
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การได้มาซึ่งภารจำยอมต้องเป็นการใช้สิทธิอย่างปรปักษ์ การใช้ทางวิสาสะไม่ทำให้เกิดภารจำยอม แม้ใช้ทางต่อเนื่องเกิน 10 ปี
จำเลยมิได้ยื่นคำฟ้องฎีกาโต้แย้งว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง เพียงแต่ยื่นคำแก้ฎีกาว่าฟ้องเคลือบคลุม นอกเหนือประเด็นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามคำแก้ฎีกาของจำเลย ทางพิพาทในที่ดินของจำเลยตามที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ได้ใช้เส้นทางพิพาทมาหลายปีแล้ว แต่ในการใช้ทางพิพาท ส.เคยใช้มาก่อนและโจทก์ได้ใช้ต่อมาอีกตอน ส. ใช้นั้นโจทก์ไม่นำสืบให้เห็นว่า ส. จะใช้ทางอย่างปรปักษ์อันจะทำให้เกิดสิทธิภารจำยอม เมื่อเห็น ส. ใช้ทางพิพาทมาโจทก์ก็ถือสิทธิใช้ต่อมา สภาพทางพิพาทเป็นทางที่อยู่ในทุ่งนาแม้บางตอนจะมีที่สูงบ้าง และโจทก์ได้ใช้เพื่อประโยชน์ในการทำนา ประกอบกับจำเลยยินยอมให้โจทก์ใช้ทางพิพาท จึงเป็นลักษณะที่โจทก์ใช้ทางพิพาทโดยถือวิสาสะ มิใช่เป็นการใช้สิทธิในทางพิพาทอย่างปรปักษ์อันจะทำให้เกิดสิทธิภารจำยอมแม้โจทก์จะใช้มาเกิน 10 ปี เมื่อไม่เป็นการใช้อย่างปรปักษ์ก็ไม่ได้สิทธิภารจำยอม