คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ภูมิลำเนา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 385 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลคดีล้มละลาย: จำเลยไม่มีภูมิลำเนาในเขตอำนาจศาลตั้งแต่แรกฟ้อง
ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 150บัญญัติให้เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ต้องยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือประกอบธุรกิจอยู่ในเขตไม่ว่าด้วยตนเองหรือโดยตัวแทนในขณะยื่นคำฟ้องหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลชั้นต้น ในขณะโจทก์ยื่นคำฟ้องหรือในระยะเวลาหนึ่งปีก่อนฟ้องมาแต่แรก จึงเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ทราบภูมิลำเนาของจำเลยมาก่อน มิใช่ไม่อาจทราบภูมิลำเนาของจำเลยภายหลังที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว หรือจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปภายหลังโดยโจทก์ไม่อาจทราบที่อยู่ใหม่ ดังนั้นจึงไม่อาจใช้วิธีการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทราบด้วยวิธีอื่นหรือโดยการประกาศหนังสือพิมพ์แทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้ แต่ชอบที่จะไม่รับฟ้องโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาลล้มละลาย: จำเลยไม่มีภูมิลำเนาตามฟ้อง โจทก์ต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเหนือลูกหนี้
คดีล้มละลายโจทก์ต้องยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตหรือภายในกำหนดเวลาหนึ่งปีก่อนนั้นการที่ไม่ปรากฏหลักฐานใดยืนยันว่าจำเลยมีภูมิลำเนาตามฟ้องเป็นกรณีที่โจทก์ไม่ทราบภูมิลำเนาจำเลยมาก่อน มิใช่โจทก์ไม่อาจทราบภูมิลำเนาของจำเลยภายหลังที่โจทก์ได้ยื่นฟ้องแล้ว หรือจำเลยได้ย้ายภูมิลำเนาไปภายหลังโดยโจทก์ไม่อาจทราบที่อยู่ใหม่ จึงไม่อาจใช้วิธีส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบด้วยวิธีอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 844/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและการพิจารณาคดีเนื่องจากจำเลยไม่ทราบเรื่องฟ้องคดี การส่งหมายที่ภูมิลำเนาเดิมหลังขายทรัพย์สิน
จำเลยไม่ทราบเรื่องที่ถูกฟ้องเพราะจำเลยขายบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมให้แก่ ช. ไป และได้ย้ายไปอยู่บ้านของภรรยาแล้ว และไม่ได้รับการติดต่อ จาก ช. เรื่องที่จำเลยถูกฟ้อง เนื่องจาก ช. ไม่ทราบที่อยู่ใหม่ของจำเลย และจำเลยไม่ได้ไปที่ บ้านเดิมอีกเลย กรณีถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา คำร้องของ จำเลยระบุว่า การที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยไม่เคยได้รับหมายเรียก และสำเนาคำฟ้อง หมายนัดสืบพยานโจทก์ รวมทั้งคำบังคับ เนื่องจากโจทก์นำไปส่งที่บ้าน ที่จำเลยขายไปแล้ว ถือได้ว่าคำขอของจำเลย แสดงเหตุแห่งการล่าช้าอันเนื่องมาจากพฤติการณ์ นอกเหนือที่จำเลยไม่อาจรู้ได้ ทำให้ไม่สามารถยื่น คำขอให้พิจารณาใหม่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ส่งคำบังคับให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 564/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ภูมิลำเนาพระภิกษุและทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างสมณเพศ ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนา
หนังสือสุทธิสำหรับพระภิกษุ ใบมรณบัตร ใบแต่งตั้งเป็นพระครูคำขอรับมรดกของมารดาและบัญชีเงินฝากต่างระบุว่าผู้ตายอยู่วัดผู้ร้อง แสดงว่าผู้ตายถือเอาวัดผู้ร้องเป็นสถานที่อยู่เป็นแหล่งสำคัญ วัดผู้ร้องจึงเป็นภูมิลำเนาของผู้ตาย ทรัพย์สินของผู้ตายที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศ จึงตกเป็นสมบัติของวัดผู้ร้องที่เป็นภูมิลำเนาของผู้ตาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5560/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งกำหนดนัดขายทอดตลาดชอบด้วยกฎหมายแม้จำเลยมีภูมิลำเนาไม่แน่นอน เจ้าพนักงานบังคับคดีพิจารณาจากข้อมูลราชการได้
ก่อนแจ้งกำหนดนัดการขายทอดตลาดให้จำเลยที่ 1 ทราบ โจทก์ได้ขอตรวจสอบภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ไปยังนายทะเบียนของเขตตามที่จำเลยที่ 1 ได้แจ้งย้ายไป ปรากฏว่าบ้านดังกล่าวไม่มีโจทก์ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบพร้อมด้วยเอกสารต่าง ๆที่เกี่ยวข้องของทางราชการ จึงเป็นเหตุพอเพียงและสมควรที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้มีหลักแหล่งไม่แน่นอน ไม่จำเป็นจะต้องพิจารณาว่าการจด-แจ้งบ้านเลขที่ที่จำเลยที่ 1 ย้ายไปผิดพลาด เป็นเพราะจำเลยที่ 1 มีเจตนาหรือไม่เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบที่จะแจ้งกำหนดนัดการขายทอดตลาดโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่จำหน่ายในจังหวัดที่จำเลยที่ 1 เคยมีภูมิลำเนาอยู่ และศาลชั้นต้นที่พิจารณาคดีตั้งอยู่ได้ การแจ้งกำหนดนัดดังกล่าวชอบด้วยกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 456/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดโดยการปิดหมายที่ภูมิลำเนาคู่ความที่ย้ายที่อยู่แล้ว มิชอบตามกฎหมาย
ทนายโจทก์ได้ย้ายภูมิลำเนาไปแล้วก่อนมีการปิดหมายแจ้ง วันนัดฟังคำพิพากษา แม้จะปิดหมายครบ 15 วันแล้วก็ไม่มีผล ใช้ได้ตามกฎหมายและถือไม่ได้ว่าเป็นการส่งหมายนัดโดยชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4441/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายนัดพิจารณาคดี การส่งหมายโดยวิธีปิดประกาศหน้าศาลไม่ชอบหากจำเลยมีภูมิลำเนาแน่นอน
ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกจำเลยมาศาล แสดงว่าจำเลยมีภูมิลำเนาที่แน่นอนตามที่ส่งหมายเรียกสำเนาฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกให้จำเลย จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่ศาลจะสั่งให้ส่งหมายนัดโดยวิธีอื่น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79การที่ศาลชั้นต้นส่งหมายนัดสืบพยานโจทก์ครั้งต่อไปให้จำเลยทราบโดยวิธีปิดหมายหน้าศาลแทนการส่งหมายด้วยวิธีธรรมดา จึงเป็นการไม่ชอบยังถือไม่ได้ว่าจำเลยทราบวันนัดสืบพยานโจทก์แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4336/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าโทรศัพท์ ณ ภูมิลำเนาเดิม แม้จำเลยย้ายที่อยู่ และการฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง
แม้จำเลยจะได้ย้ายภูมิลำเนาจากจังหวัดสงขลาไปอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่จำเลยไม่ได้แจ้งให้โจทก์ทราบ และโทรศัพท์ตามฟ้องยังคงติดตั้งอยู่ที่บ้านของจำเลยตามสัญญาเช่าโทรศัพท์ โจทก์จึงชอบที่จะบอกเลิกสัญญาเช่าโทรศัพท์แก่จำเลย ณ ภูมิลำเนาตามสัญญาเช่าโทรศัพท์ได้ จำเลยมิได้กล่าวคัดค้านโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าวินิจฉัยข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายข้อใดตอนใดผิดถูกอย่างใดเป็นฎีกาไม่ชัดแจ้งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4250/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยชอบตามกฎหมาย: ภูมิลำเนา, การส่งทางไปรษณีย์, และการให้สัตยาบัน
โจทก์มิได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางหนังสือพิมพ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่โจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับก่อนแล้ว การบอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับนั้น โดยส่งไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 10/82 แขวงบางแคเหนือ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามที่ปรากฏในหนังสือสัญญาจำนองที่ดินและสัญญากู้เงินที่จำเลยให้ไว้แก่โจทก์การที่จำเลยย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 126/59 แขวงบางขุนเทียน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2530 นั้น จำเลยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบแต่อย่างใด ทั้งเป็นการย้ายไปภายหลังที่โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับแล้ว บ้านเลขที่ 10/82จึงเป็นภูมิลำเนาของจำเลยในขณะโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองเมื่อโจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ แต่พนักงานไปรษณีย์ส่งให้ไม่ได้จึงทำใบแจ้งสั่งให้จำเลยไปรับไว้ และครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ไปรับ อันเป็นการส่งตามทางการถือว่าจำเลยได้รับคำบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว การที่โจทก์มอบอำนาจให้ ธ.ทนายความบอกกล่าวบังคับจำนองมิได้ทำเป็นหนังสือ เมื่อ ธ. ได้บอกกล่าวบังคับจำนองไปในนามของโจทก์ และโจทก์ยอมรับเอาการบังคับจำนองดังกล่าวแล้วย่อมถือได้ว่าโจทก์ได้ให้สัตยาบันตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 823 วรรคหนึ่ง และถือได้ว่าโจทก์ได้บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4010/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายถูกต้องตามภูมิลำเนา และผลของการสันนิษฐานบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 นำหุ้นซึ่งจำเลยที่ 1 ที่ 2ถืออยู่ในบริษัทจำเลยที่ 3 มาจำนำเป็นประกันการชำระหนี้ของจำเลยที่ 1 แต่ปัจจุบันหุ้นดังกล่าวหยุดการซื้อขายโดยสิ้นเชิง หุ้นดังกล่าวจึงไม่มีมูลค่าพอที่จะนำมาหักกับจำนวนหนี้ที่จำเลยทั้งห้าค้างชำระโจทก์ได้ เมื่อคำนวณราคาหุ้นและหักกับจำนวนหนี้ที่จำเลยทั้งห้าค้างชำระโจทก์แล้วเงินยังขาดอยู่อีกเป็นจำนวนมากกว่า 500,000 บาท และ50,000 บาทตามลำดับ ถือว่าโจทก์ได้ตีราคาหลักประกันมาในฟ้องแล้ว
ที่อยู่ตามสำเนาทะเบียนบ้านของจำเลยที่ 5 ถือได้ว่าเป็นภูมิลำเนาอีกแห่งหนึ่งของจำเลยที่ 5 และภูมิลำเนาที่ระบุในสัญญาค้ำประกันซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามฟ้องนั้น เมื่อพนักงานเดินหมายไปส่งหมายให้จำเลยที่ 5 ไม่พบจำเลยที่ 5 คงพบชายคนหนึ่งแจ้งว่าจำเลยที่ 5 ออกไปธุระข้างนอก เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 5 ยังมีภูมิลำเนาอยู่ตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง ภูมิลำเนาตามฟ้องจึงเป็นภูมิลำเนาจำเลยที่ 5 อีกแห่งหนึ่งเช่นกัน การส่งหมายตามภูมิลำเนาตามฟ้องจึงต้องถือว่าเป็นการส่งโดยชอบ
การที่จำเลยที่ 5 ออกไปอยู่นอกราชอาณาจักรจนบัดนี้ยังไม่กลับมาจึงเข้าข้อสันนิษฐานของ พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 8 (4) ก.ว่าจำเลยที่ 5 เป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัว
of 39