พบผลลัพธ์ทั้งหมด 308 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากเช็คชำระหนี้รายเดียวกัน: ไม่มีอำนาจฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ 1 เคยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้าน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับและจำหน่ายคดี ต่อมาจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแทนเช็คฉบับเดิม แต่เช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ความเสียหายของโจทก์อันสืบเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าซื้อบ้านรายเดียวกันย่อมเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ผู้ออกเช็คฉบับเดิมต่อศาลและคดีอยู่ระหว่างพิจารณา ถือได้ว่าความเสียหายของโจทก์ในมูลหนี้รายนี้ไม่อาจเกิดขึ้นอีกได้ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามเช็คพิพาทอีก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3822/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความเสียหายจากการใช้เช็ค: การฟ้องซ้ำในมูลหนี้เดียวกัน
จำเลยที่1เคยออกเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ฟ้องจำเลยที่1ศาลมีคำสั่งให้ออกหมายจับและจำหน่ายคดีต่อมาจำเลยที่1และจำเลยที่2ได้ออกเช็คพิพาทให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าซื้อบ้านแทนเช็คฉบับเดิมแต่เช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินความเสียหายของโจทก์อันสืบเนื่องมาจากมูลหนี้ค่าซื้อบ้านรายเดียวกันย่อมเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวการที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่1ผู้ออกเช็คฉบับเดิมต่อศาลและคดีอยู่ระหว่างพิจารณาถือได้ว่าความเสียหายของโจทก์ในมูลหนี้รายนี้ไม่อาจเกิดขึ้นอีกได้โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองตามเช็คพิพาทอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: จำเลยต้องนำสืบพิสูจน์การไม่มีมูลหนี้เมื่อออกเช็ค หากไม่อาจพิสูจน์ได้ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อน นัดสืบพยานจำเลยนัดแรก จำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดี นัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจา นัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบ แต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียว ส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้า ถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบ นัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ 4 ปาก แล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก 2 ปาก ซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้น ก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้ และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดี ชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่
จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็ค จึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์ โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจาก ส. ให้จำเลย โดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้น เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมา เช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2356/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดชอบหากพิสูจน์ไม่ได้ว่าไม่มีมูลหนี้ และการประวิงคดีตัดพยานได้
จำเลยมีหน้าที่นำสืบก่อนนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกจำเลยอ้างว่าป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีนัดที่สามจำเลยและโจทก์แถลงขอเลื่อนคดีเพื่อเจรจานัดที่สี่จำเลยยอมรับว่าจำเลยผิดนัดไม่ไปตรวจสอบหนี้สินตามที่โจทก์นัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยนำพยานเข้าสืบแต่จำเลยอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานปากเดียวส่วนพยานอื่นไม่มาศาล.ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำชับให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จในนัดหน้าถ้าพยานไม่มาให้ถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบนัดที่ห้าจำเลยนำพยานเข้าสืบ4ปากแล้วแถลงว่ายังติดใจสืบพยานอีก2ปากซึ่งมาศาลแล้วแต่กลับไปก่อนและติดธุระมาศาลไม่ได้ปรากฏว่าพยานที่จำเลยยังติดใจสืบนั้นก็เพื่อประโยชน์คดีอื่นของจำเลยไม่เกี่ยวกับเช็คพิพาทคดีนี้และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีนี้พฤติการณ์ของจำเลยส่อเจตนาประวิงคดีชอบที่ศาลชั้นต้นจะตัดพยานจำเลยดังกล่าว. จำเลยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจึงต้องสันนิษฐานว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900เมื่อจำเลยอ้างว่าออกเช็คให้โจทก์ยืมไปแลกเงินสดเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของโจทก์โดยจำเลยไม่มีมูลหนี้ที่จักต้องชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบพิสูจน์ให้เห็นโดยชัดแจ้งเมื่อพิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้น. โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์การที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คมอบแก่โจทก์ไปแลกเงินสดจากส.ให้จำเลยโดยโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คนั้นเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์จึงได้ใช้เงินตามเช็คนั้นไปและรับมอบเช็คคืนมาเช็คดังกล่าวเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือโจทก์ได้เช็คไว้ในครอบครองก็นับว่าเป็นผู้ทรงมีอำนาจฟ้องเรียกร้องเงินตามเช็คจากจำเลยผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายได้ดังนี้คำบรรยายฟ้องและทางพิจารณาที่โจทก์นำสืบหาขัดแย้งกันไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2066/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คไม่มีมูลหนี้เมื่อสัญญาเช่าซื้อถูกยกเลิก แต่ความผิดสำเร็จแล้วก่อนยกเลิกสัญญา
จำเลยออกเช็คชำระหนี้ค่าเช่าซื้อในขณะที่ออกเช็คและในขณะที่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยยังคงมีหน้าที่จะต้องชำระค่าเช่าซื้อให้แก่โจทก์ตามสัญญาจึงเป็นเช็คที่ออกโดยมีมูลหนี้ที่มีผลผูกพันกันตามกฎหมายแม้ต่อมาโจทก์จะบอกเลิกสัญญาเช่าซื้ออันจะมีผลทำให้จำเลยไม่ต้องชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างให้แก่โจทก์อีกต่อไปก็หาทำให้ความผิดอาญาที่เกิดขึ้นสำเร็จแล้วระงับไปไม่.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1291/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เช็คเพื่อประกันหนี้: แม้ตกลงไม่ขึ้นเงิน ก็ผูกพันตามกฎหมายเช็ค
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดใช้เงินตามเช็คซึ่งจำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายจำเลยให้การต่อสู้ว่า ได้ออกเช็คให้โจทก์ถือไว้เป็นประกันในการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปมิใช่ออกให้เพื่อชำระหนี้ ดังนี้แม้จำเลยจะนำสืบพังได้ตามข้อต่อสู้ จำเลยก็หาพ้นความ รับผิดไม่ เพราะการที่จำเลยกู้เงินโจทก์ไปและสั่งจ่ายเช็ครายพิพาทให้โจทก์ไว้เป็นประกันดังที่จำเลยต่อสู้นั้น ย่อมเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้เงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย เช็ครายพิพาทเป็นเช็คที่ลงวันที่ อันเป็นการกำหนดเวลาไว้แน่นอนแล้วว่า ให้ผู้ทรงเช็คนำไปยื่นแก่ธนาคารเพื่อให้ใช้เงินได้ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป ที่จำเลยอ้างว่าได้ตกลงกับโจทก์ไว้ว่า ไม่ให้นำเช็คไปขึ้นเช็คนั้น จึงขัดกับข้อความในเช็ค ทั้งจำเลยก็มิได้ต่อสู้หนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยซึ่งได้ออกเช็คไว้เป็นประกันนั้น ได้ระงับไปแล้วทั้งหมดหรือบางส่วนแต่อย่างใด จำเลยผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คนั้นให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 914, 989 กรณีหาใช่เป็นเรื่องการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ คดีไม่มีประเด็นที่คู่ความจะต้องสืบพยานกันอีกต่อไป ศาลชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาให้จำเลยใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมแทนการวางมัดจำ: มูลหนี้และสิทธิเรียกร้องเมื่อผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญากู้ยืมไว้แก่โจทก์แทนการวางมัดจำเป็นเงินสดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง สัญญากู้ยืมดังกล่าวจึงมีมูลหนี้มาจากการที่จำเลยมีหนี้ที่จะต้องวางมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินมัดจำ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมได้เพราะมีมูลหนี้ต่อกัน และกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าได้มีการส่งมอบเงินให้ผู้กู้แล้ว
เมื่อสัญญากู้ยืมครบกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ผู้ให้กู้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินได้โดยถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญากู้ยืมเป็นต้นไป และเรียกค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่ากับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่วันผิดนัดได้ด้วย
เมื่อสัญญากู้ยืมครบกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้ โจทก์ผู้ให้กู้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินได้โดยถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญากู้ยืมเป็นต้นไป และเรียกค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่ากับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่วันผิดนัดได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4252/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมแทนการวางมัดจำ: มูลหนี้, การผิดนัด, ค่าเสียหาย
จำเลยทำสัญญากู้ยืมไว้แก่โจทก์แทนการวางมัดจำเป็นเงินสดตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างสัญญากู้ยืมดังกล่าวจึงมีมูลหนี้มาจากการที่จำเลยมีหนี้ที่จะต้องวางมัดจำตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเมื่อจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายดังกล่าวซึ่งโจทก์มีสิทธิริบเงินมัดจำโจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้ยืมได้เพราะมีมูลหนี้ต่อกันและกรณีเช่นนี้ถือได้ว่าได้มีการส่งมอบเงินให้ผู้กู้แล้ว เมื่อสัญญากู้ยืมครบกำหนด จำเลยไม่ชำระหนี้โจทก์ผู้ให้กู้มีสิทธิฟ้องเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินได้โดยถือว่าจำเลยผิดนัดตั้งแต่วันถัดจากวันครบกำหนดตามสัญญากู้ยืมเป็นต้นไปและเรียกค่าเสียหายร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเท่ากับดอกเบี้ยโดยคิดตั้งแต่วันผิดนัดได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2734/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินและการรับสภาพหนี้ใหม่
มูลหนี้ตามที่จำเลยรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์เป็นหนี้อันเกิดจากจำเลยรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนหนึ่ง และเป็นหนี้ซึ่งเกิดจากจำเลยขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์อีกส่วนหนึ่ง ดังนั้น การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้จึงมีผลทำให้เริ่มนับอายุความใหม่ตามมูลหนี้เดิม
อายุความที่ผู้ทรงจะฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วนั้นถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ประกอบด้วย มาตรา 940 ส่วนอายุความที่ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องบังคับตามมาตรา 164 คือมีกำหนด 10 ปี
อายุความที่ผู้ทรงจะฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปีนับแต่วันที่ตั๋วนั้นถึงกำหนดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ประกอบด้วย มาตรา 940 ส่วนอายุความที่ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องบังคับตามมาตรา 164 คือมีกำหนด 10 ปี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2734/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและการรับสภาพหนี้ใหม่
มูลหนี้ตามที่จำเลยรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์เป็นหนี้อันเกิดจากจำเลยรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินส่วนหนึ่งและเป็นหนี้ ซึ่งเกิดจากจำเลยขายลดตั๋วสัญญาใช้เงินแก่โจทก์อีกส่วนหนึ่งดังนั้น การที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้จึงมีผลทำให้ เริ่มนับอายุความใหม่ตามมูลหนี้เดิม อายุความที่ผู้ทรงจะฟ้องผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินมีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ตั๋วนั้นถึงกำหนดตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1001 ประกอบด้วยมาตรา 940 ส่วนอายุความที่ผู้ซื้อจะฟ้องผู้ขายลดตั๋วสัญญาใช้เงิน ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะต้องบังคับตามมาตรา 164 คือมีกำหนด 10 ปี