พบผลลัพธ์ทั้งหมด 189 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่า – การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินเช่า – สัญญาไม่ได้จำกัดวัตถุประสงค์ – การใช้เพื่อเจียรนัยพลอยไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าห้องโจทก์ ในสัญญามิได้ระบุว่าเช่าเพื่อใช้เฉพาะเป็นที่อยู่อาศัย แม้จำเลยทำการเจียรนัยพลอยที่ห้องนั้น โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยใช้ห้องเช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในสัญญามิได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเปลี่ยนแปลงใช้ห้องเช่าเป็นโรงเจียรนัยพลอย ดังนี้ เป็นเรื่องหาว่าใช้ห้องเช่าผิดไปจากสัญญา จึงไม่มีประเด็นถึงเรื่องใช้ห้องผิดประเพณีนิยม หรือทำการดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่า
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเปลี่ยนแปลงใช้ห้องเช่าเป็นโรงเจียรนัยพลอย ดังนี้ เป็นเรื่องหาว่าใช้ห้องเช่าผิดไปจากสัญญา จึงไม่มีประเด็นถึงเรื่องใช้ห้องผิดประเพณีนิยม หรือทำการดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าตึกเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน.
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
(อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ
(อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1765/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าเพื่อค้าและอยู่อาศัย ไม่อยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า หากมีวัตถุประสงค์หลักคือการค้า
การเช่าตึกแถวเพื่อประกอบธุระกิจการค้า แม้จะอาศัยอยู่ในตึกด้วย ก็ไม่อยู่ในความคุ้มครองของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
โจทก์ฟ้องขับไล่อ้างว่าจำเลยเช่าตึกเพื่อการค้า จำเลยให้การว่า จำเลยอาศัยอยู่ในตึกด้วย ดังนี้ ต้องถือว่าจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า ซึ่งไม่อยู่ในความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ (อ้างฎีกาที่ 218/2488 และฎีกาที่ 1099-1147/2491)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลสุขาภิบาลมีสิทธิในทรัพย์สินจำกัดตามวัตถุประสงค์ของกฎหมายจัดตั้งเท่านั้น
นิติบุคคล หาจำต้องจำกัดว่าอยู่ใน 6 จำพวกดังที่กล่าวไว้ใน ม.72 ป.ม.แพ่ง ฯ ไม่ มาตรา 68 ได้บัญญัติไว้เป็นทำนองว่า นิติบุคคลจะมีขึ้นได้ไม่ฉะเพาะแต่ต้องอาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติของ ป.ม.แพ่ง ฯ อย่างเดียว อาจอาศัยอำนาจกฎหมายอื่นก็ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดู พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ. 127.
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4, 8, 9, 10, 11 แห่ง พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ. 127 แล้ว พึงเห็นได้ว่า เงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ฉะเพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมาย ซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ป.ม.แพ่ง ฯ บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่าง ๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมาย ในขอบวัตถุประสงค์ของตน ดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้ง ดังนี้เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่จะเกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่น เช่น บุคคลธรรมดาไม่
ในดินที่พิพากในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอา เพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาล โดยฉะเพาะเพราอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาวึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียกร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคล ในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ปกครอง เพื่อกรรมสิทธิฉะเพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่าง ๆ ที่ พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง มอบหน้าที่ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรราสิทธิของสุขภิบาลไม่ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดู พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ. 127.
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4, 8, 9, 10, 11 แห่ง พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ. 127 แล้ว พึงเห็นได้ว่า เงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ฉะเพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมาย ซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ป.ม.แพ่ง ฯ บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่าง ๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมาย ในขอบวัตถุประสงค์ของตน ดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้ง ดังนี้เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่จะเกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่น เช่น บุคคลธรรมดาไม่
ในดินที่พิพากในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอา เพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาล โดยฉะเพาะเพราอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาวึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียกร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคล ในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ปกครอง เพื่อกรรมสิทธิฉะเพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่าง ๆ ที่ พ.ร.บ.จัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง มอบหน้าที่ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรราสิทธิของสุขภิบาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 995/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นิติบุคคลสุขาภิบาล: สิทธิจำกัดตามวัตถุประสงค์กฎหมาย และกรรมสิทธิ์ในที่ดิน
นิติบุคคล หาจำต้องจำกัดว่าอยู่ใน 6 จำพวกดังที่กล่าวไว้ใน มาตรา 72 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ มาตรา 68ได้บัญญัติไว้เป็นทำนองว่านิติบุคคลจะมีขึ้นได้ไม่เฉพาะแต่ต้องอาศัยอำนาจแห่งบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อย่างเดียว อาจอาศัยอำนาจกฎหมายอื่นก็ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดูพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4,8,9,10,11 แห่งพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127 แล้วพึงเห็นได้ว่าเงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เฉพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิ์ในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมายซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่างๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมายภายในขอบวัตถุประสงค์ของตนดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งดังนี้ เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่เกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่นเช่นบุคคลธรรมดาไม่
ที่ดินที่พิพาทในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอาเพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาลโดยเฉพาะ เพราะอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาซึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคลในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ครอบครองเพื่อกรรมสิทธิ์เฉพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่างๆ ที่พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลมอบหน้าที่ให้ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของสุขาภิบาลไม่ได้
สุขาภิบาลหัวเมืองจะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ ต้องพิเคราะห์ดูพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127
เมื่อพิจารณาบทบัญญัติแห่งมาตรา 4,8,9,10,11 แห่งพระราชบัญญัติจัดการตั้งสุขาภิบาลตามหัวเมือง ร.ศ.127 แล้วพึงเห็นได้ว่าเงินภาษีโรงร้านที่พระราชทานให้เก็บใช้ในการตั้งสุขาภิบาลนั้นก็ดี หรือว่าเงินผลประโยชน์อย่างอื่นที่จะพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้เฉพาะในการสุขาภิบาลนั้นก็ดี สุขาภิบาลมีกรรมสิทธิ์ในเงินเหล่านั้นได้เช่นบุคคลในกฎหมายซึ่งอาจจะถือได้ว่าสุขาภิบาลเป็นนิติบุคคลเพื่อการมีสิทธิในเงินดังกล่าวแล้ว
มาตรา 69 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่านิติบุคคลย่อมมีสิทธิ์และหน้าที่ต่างๆ ตามบทบัญญัติทั้งปวงแห่งกฎหมายภายในขอบวัตถุประสงค์ของตนดังมีกำหนดไว้ในข้อบังคับหรือตราสารจัดตั้งดังนี้ เมื่อพระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลอันเป็นตราสารจัดตั้งสุขาภิบาลได้กำหนดให้สุขาภิบาลมีสิทธิแต่เพียงที่เกี่ยวกับเงินที่จะพระราชทานให้เท่านั้น สุขาภิบาลนั้นหามีสิทธิแสวงหาประโยชน์ในทางอื่นเช่นบุคคลธรรมดาไม่
ที่ดินที่พิพาทในคดีนี้ แม้จะถือว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สุขาภิบาลก็ไม่มีสิทธิจะเข้าจับจองถือเอาเพื่อกรรมสิทธิ์แก่สุขาภิบาลโดยเฉพาะ เพราะอยู่นอกวัตถุประสงค์ของตราสารจัดตั้งสุขาภิบาล
คำพิพากษาซึ่งในที่สุดจะต้องเป็นเรื่องชี้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้น ย่อมใช้ผูกพันประชาชนได้ทั่วไป จึงเป็นข้อที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เมื่อสุขาภิบาลไม่มีสิทธิอย่างนิติบุคคลในอันที่จะจับจองหรือถือเอาที่ดินที่ไม่มีผู้ครอบครองเพื่อกรรมสิทธิ์เฉพาะตนในอันที่จะแสวงผลกำไรสู่ตนโดยไม่ใช่การต่างๆ ที่พระราชบัญญัติจัดการสุขาภิบาลมอบหน้าที่ให้ไว้ ศาลย่อมจะพิพากษาให้เกิดผลในที่ดินนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของสุขาภิบาลไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตอำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์: การกระทำนอกวัตถุประสงค์และการควบคุมส่งเสริมการพาณิชย์
กระทวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคล และตกอยู่ในกรอบของประมวลแพ่งและพาณิชย์มาตรา 69 กล่าวคือ มีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ ก.ม. ดังมีกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวงทะบวงกรม 2484 แก้ไขโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา 17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำว่า การพาณิชย์ ตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และ พระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่า มีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่า สำนักงานกลาบริษัทจังหวัด เป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาล โจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำ ตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่า สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่าง ๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ จึงหาก่อให้เกินสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของกระทรวงพาณิชย์จำกัดอยู่เฉพาะการควบคุมส่งเสริมการพาณิชย์ การกระทำนอกขอบวัตถุประสงค์ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ
กระทรวงพาณิชย์เป็นนิติบุคคลและตกอยู่ในกรอบของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 69 กล่าวคือมีสิทธิและหน้าที่แต่เพียงภายในขอบวัตถุที่ประสงค์ของ กฎหมาย ดังมีกำหนดไว้ใน พระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรม 2484 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม 2485 มาตรา17 ทวิ ซึ่งบัญญัติว่าให้กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจและหน้าที่เกี่ยวกับการพาณิชย์
คำว่า การพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับ ทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลโจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำว่า การพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว เมื่อพิเคราะห์ถึงการแบ่งส่วนราชการในกระทรวงพาณิชย์ตามมาตรา 17 ตรี และพระราชกฤษฎีกาจัดระเบียบราชการในกระทรวงพาณิชย์แล้ว ไม่มีกรมหรือส่วนราชการใดจัดไว้สำหรับ ทำการค้าหรือเพื่อหากำไร จึงต้องเข้าใจคำว่า การพาณิชย์อันเป็นอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ว่ามีความหมายเพียงแต่ในทางควบคุมส่งเสริมและสนับสนุนการพาณิชย์ของประเทศ
กระทรวงพาณิชย์เป็นโจทก์ฟ้องว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดเป็นองค์การค้าส่วนหนึ่งของโจทก์ ไปทำสัญญาจ้างจำเลยขนส่งช่วงน้ำตาลโจทก์ไม่ได้แสดงว่ากิจการที่สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดกระทำตกอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของกรมกองใดในกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดนี้ตั้งขึ้นเพียงควบคุมบริษัทจังหวัดต่างๆ ไม่ใช่เพื่อทำการรับขนแล้วมาจ้างต่อ จึงเป็นการนอกวัตถุประสงค์ของการตั้งสำนักงานกลางบริษัท แม้การกระทำจะกระทำในฐานะตัวแทนของกระทรวงพาณิชย์ แต่การนั้นอยู่นอกอำนาจและหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จึงหาก่อให้เกิดสิทธิแก่กระทรวงพาณิชย์แต่ประการใดไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีดังกล่าวนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2491
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทรัสต์ต้องมีการยกกรรมสิทธิ์และวัตถุประสงค์ชัดเจน การสั่งให้ทำบุญอย่างกว้างๆ ไม่ถือเป็นทรัสต์
ที่จะเป็นทรัสต์นั้น ต้องมีข้อความเห็นได้ว่ายกกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ให้ แต่ผูกมัดไว้ว่าผู้ได้รับกรรมสิทธิ์นั้นจะต้องใช้ทรัพย์นั้นให้เป็นประโยชน์แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือหลายคนอันกำหนดตัวแน่นอนหรือเพื่อสาธารณกุศลอันแน่นอน การที่สั่งไว้ในพินัยกรรมว่าให้เก็บผลประโยชน์ทรัพย์ของผู้วายชนม์ไว้สำหรับทำบุญให้ผู้วายชนม์ ต่อไปนั้นเป็นคำที่กว้างไม่แน่นอนว่าอะไรต้องเข้าใจว่าเพียงแต่ผู้วายชนม์ได้แสดงความประสงค์ไว้เช่นนั้นยังไม่ใช่ทรัสต์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 521/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า: การเช่าเพื่ออยู่อาศัย vs. เช่าเพื่อประกอบธุรกิจ
พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าทั้ง 3 ฉบับควบคุมการเช่าเคหะเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยเป็นใหญ่ หากเช่าเพื่อประกอบธุรกิจการค้าหรืออุตสาหกรรมเป็นใหญ่และใช้เป็นที่อยู่ด้วยเป็นส่วนอุปกรณ์แล้ว ไม่อยู่ในความควบคุม
การที่จะรู้ว่าการเช่ารายใดอยู่ในความควบคุมหรือไม่ ต้องพิเคราะห์วัตถุที่ประสงค์ของการเช่าเป็นรายๆ ไป
การขนของเข้าไปไว้ใต้ถุนทรัพย์ที่เช่าและเข้าไปนอนเฝ้าภายหลังที่สัญญาเช่าสิ้นอายุ และบอกเลิกสัญญาเช่าแล้วนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตไม่มีผิดฐานบุกรุก
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489
การที่จะรู้ว่าการเช่ารายใดอยู่ในความควบคุมหรือไม่ ต้องพิเคราะห์วัตถุที่ประสงค์ของการเช่าเป็นรายๆ ไป
การขนของเข้าไปไว้ใต้ถุนทรัพย์ที่เช่าและเข้าไปนอนเฝ้าภายหลังที่สัญญาเช่าสิ้นอายุ และบอกเลิกสัญญาเช่าแล้วนั้น เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริตไม่มีผิดฐานบุกรุก
ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 2/2489
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าช่วงโดยไม่ได้รับอนุญาตและวัตถุประสงค์ของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่
เช่าบ้านอยู่แล้ว แบ่งตอนหนึ่งให้คนอื่นเช่าช่วงนั้นย่อมไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน ถ้าการเช่าช่วงนั้นทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้เช่า ผู้ให้เช่าย่อมฟ้องขับไล่ได้