คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ศาลอุทธรณ์

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาขัดแย้งข้อเท็จจริงที่วินิจฉัยไว้เดิม และจำกัดสิทธิฎีกา ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เพื่อพิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์และให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามฟ้องแย้งบางส่วน และศาลอุทธรณ์ยังคงวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย โดยให้โจทก์ชำระเท่ากับจำนวนค่าสินค้าที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ซึ่งเท่ากับว่าทั้งโจทก์และจำเลยต่างชนะคดีตามฟ้องและฟ้องแย้งบางส่วน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยในส่วนค่าเสียหาย จึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยมา ถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ.ว่าด้วยคำพิพากษา ทั้งผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิฎีกาของคู่ความได้ กรณีมีเหตุสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 247 ประกอบมาตรา 243 (1)
คดีของจำเลยในส่วนฟ้องแย้งศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน 230,000 บาท แก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแย้งในส่วนค่าเสียหายดังกล่าว จึงเป็นการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ชนะคดีตามฟ้องแย้ง ทุนทรัพย์ชั้นฎีกาจึงเป็นเงินจำนวน 230,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีถึงวันฟ้อง แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในทุนทรัพย์ 652,999.16 บาท ซึ่งเกินกว่าที่จะต้องเสีย จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่วินิจฉัย ทำให้จำกัดสิทธิฎีกา ย้อนสำนวนให้พิพากษาใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ค่าสินค้าแก่โจทก์และให้โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยตามฟ้องแย้งบางส่วนและศาลอุทธรณ์ยังคงวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาและต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่จำเลย โดยให้โจทก์ชำระเท่ากับจำนวนค่าสินค้าที่จำเลยค้างชำระแก่โจทก์ ซึ่งเท่ากับว่าทั้งโจทก์และจำเลยต่างชนะคดีตามฟ้องและฟ้องแย้งบางส่วน แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าให้ยกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยในส่วนค่าเสียหาย จึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงที่ได้วินิจฉัยมา ถือว่าศาลอุทธรณ์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ว่าด้วยคำพิพากษา ทั้งผลแห่งการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์อาจนำไปสู่การจำกัดสิทธิฎีกาของคู่ความได้ กรณีมีเหตุสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 ประกอบมาตรา 243(1)
คดีของจำเลยในส่วนฟ้องแย้งศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชำระเงินจำนวน230,000 บาท แก่จำเลยพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องแย้งในส่วนค่าเสียหายดังกล่าว จึงเป็นการกลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกาขอให้ชนะคดีตามฟ้องแย้ง ทุนทรัพย์ชั้นฎีกาจึงเป็นเงินจำนวน 230,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีถึงวันฟ้อง แต่จำเลยเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาในทุนทรัพย์652,999.16 บาท ซึ่งเกินกว่าที่จะต้องเสีย จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินแก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่ยกข้อเท็จจริง/ข้อกฎหมายโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยฎีกาโดยคัดถ่ายภาพคำคู่ความและเอกสารต่าง ๆที่มีการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 3แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวรวมทำเป็นคำฟ้องฎีกา และกล่าวอ้างในฎีกาแต่เพียงว่าจำเลยเป็นบิดาที่ดีของบุตรได้ชำระค่าอาหารและค่าเล่าเรียนให้บุตร บุตรจึงควรอยู่ในอำนาจปกครองดูแลของจำเลยจำเลยมิได้ยกข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายขึ้นโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ว่าไม่ถูกต้องอย่างไร ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาฯมาตรา 124 ประกอบมาตรา 6 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การงดสืบพยานและการพิจารณาคดีต่อเนื่อง ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกามีคำพิพากษายกคำสั่งงดสืบพยานและให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป
การขอเลื่อนคดีของโจทก์นัดแรกสืบเนื่องมาจากโจทก์ถูกกระทรวงการคลังเพิกถอนใบอนุญาตและปิดกิจการลง คณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงินได้เข้ามาควบคุมกิจการของโจทก์ และเก็บเอกสารต่าง ๆ ไว้ ไม่สามารถจะนำมาสืบได้ ส่วนจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยติดว่าความคดีอื่น ส่วนการเลื่อนคดีครั้งที่สองก็สืบเนื่องมาจากโจทก์จำเลยขอเลื่อน อ้างว่าคดีมีทางตกลงกันได้ การเลื่อนคดีทั้งสองครั้งนั้นจำเลยก็ขอเลื่อนด้วยทุกครั้ง ส่วนในการขอเลื่อนคดีครั้งที่สามโจทก์อ้างว่า พยานทั้งสองคนของโจทก์มีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เป็นการอ้างเหตุที่พยานไม่มาศาลเป็นครั้งแรก โดยจำเลยก็ไม่ได้คัดค้าน จึงรับฟังได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสองมีกิจธุระจำเป็นไม่สามารถมาศาลได้ เป็นเหตุจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์นั้น เป็นที่เห็นว่าจะทำให้เสียความยุติธรรม ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไปนั้นจึงชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9301/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลต้องพิจารณาบริบทการกระทำผิด หากไม่ได้เกิดขึ้นในศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่มีอำนาจลงโทษ
จำเลยมิได้กระทำความผิด แต่เข้ามายอมรับว่าเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนผู้ตายแทนผู้อื่น เพื่อประโยชน์ที่บิดามารดาผู้ตายจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยดังที่พนักงานคุมประพฤติรายงานก็ตาม แต่ศาลชั้นต้นมิได้ไต่สวนให้ฟังได้ว่าข้อเท็จจริงเป็นดังที่พนักงานคุมประพฤติรายงาน และแม้จำเลยกระทำการดังกล่าวจริง การกระทำของจำเลยก็เป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลชั้นต้น อันถือว่ากระทำผิดฐานละเมิดอำนาจ ศาลชั้นต้นเท่านั้น แม้ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามฟ้องแล้ว จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลย ประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาลอุทธรณ์ที่ศาลอุทธรณ์จะลงโทษจำเลยฐานละเมิดอำนาจศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9148/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกรณีไม่วางเงินค่าธรรมเนียมพร้อมอุทธรณ์ แม้เป็นการอุทธรณ์คำสั่งเกี่ยวกับพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ ต่อมาจำเลยยื่น คำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบและขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง แม้จำเลยจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งงดไต่สวนพยานจำเลยในชั้นขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบก็ตาม แต่ถ้าหากศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย ศาลอุทธรณ์ก็ต้องมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้น และอนุญาตให้จำเลย นำพยานเข้าไต่สวนเพื่อจะได้ใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่จำเลยอ้างว่าศาลชั้นต้นทำผิดระเบียบหรือไม่ต่อไป อุทธรณ์ของจำเลยจึงมีผลส่วนหนึ่งเท่ากับเป็นการขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจึงต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แทนแก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 229 เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาวางศาลพร้อมอุทธรณ์ จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วย
กฎหมาย ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9136/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้จัดการทรัพย์สินตามมาตรา 307 วรรคสอง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด
จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 ซึ่งตามวรรคสองกำหนดไว้ว่าคำสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์ได้ และคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาในปัญหาว่า การที่ศาลชั้นต้นงดไต่สวนก่อนมีคำสั่งเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาก็ตาม แต่การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนและยกคำร้องของจำเลยก็เนื่องจากพิจารณาคำร้องของจำเลยแล้วเห็นว่าไม่มีเหตุที่จะต้องตั้งผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ตามคำร้องจึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามมาตรา 307 เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 4มีคำพิพากษาเป็นประการใดแล้วย่อมเป็นที่สุด จำเลยจะฎีกาต่อมาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8791/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม: การฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ และการลงโทษเหมาะสม
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ด และได้จำหน่ายให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไป 2 เม็ด เป็นความผิดสองกรรม จำเลยอุทธรณ์เฉพาะขอให้ลงโทษสถานเบาเท่านั้น มิได้อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 7 เม็ดและได้จำหน่ายไป 2 เม็ด จึงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นการที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาดังกล่าวจึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 8 ต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่งประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8567/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบวกโทษจำคุกที่รอการลงโทษในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีหลัง แม้โจทก์มิได้ขอ ศาลอุทธรณ์ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงตามรายงานการสืบเสาะและพินิจซึ่งศาลชั้นต้นได้อ่านให้จำเลยฟังตามพระราชบัญญัติวิธีดำเนินการคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2522มาตรา 13 แล้ว จำเลยไม่คัดค้าน เป็นการยอมรับข้อเท็จจริงตามรายงานนั้นว่าศาลจังหวัดพิษณุโลกมีคำพิพากษาให้จำคุก6 เดือน โทษจำคุกรอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ระหว่างรอการลงโทษจำคุกจำเลยได้มากระทำความผิดคดีนี้อีก ศาลที่พิพากษาในคดีหลังต้องนำโทษจำคุกที่รอไว้ในคดีก่อนมาบวกเข้ากับโทษในคดีหลัง แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องและขอให้บวกโทษศาลอุทธรณ์จึงต้องนำโทษจำคุกที่รอการลงโทษไว้มาบวกเข้ากับโทษในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 วรรคแรกไม่เป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย และมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8464/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งฟ้องอุทธรณ์จากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องค่าขึ้นศาล แม้คดีก่อนหน้าจะเกี่ยวข้องกับที่ดินเดียวกัน
แม้ที่ดินที่เป็นเหตุให้โจทก์จำเลยพิพาทกันในคดีนี้เป็นที่ดินแปลงเดียวกับที่ดินพิพาทในคดีแพ่งของศาลชั้นต้นอีกคดีหนึ่งก็ตามแต่ก็เป็นคนละคดีกัน เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดีเรื่องนี้เป็นคดีมีทุนทรัพย์และมีคำสั่งให้จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพิ่มจำเลยก็ชอบที่จะต้องนำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์มาวางต่อศาลชั้นต้นให้ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนที่จำเลยเห็นว่าจำเลยไม่ควรต้องวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์ซ้ำอีก เพราะได้วางเงินค่าขึ้นศาลในอีกคดีหนึ่งแล้ว ก็เป็นกรณีที่จำเลยมีสิทธิที่จะคัดค้านคำสั่งของศาลอุทธรณ์ไว้แล้วฎีกาโต้แย้งดุลพินิจของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวในภายหลังได้ แต่การที่จำเลยไม่นำเงินมาวางตามกำหนดโดยการขอขยายระยะเวลาวางเงินออกไปอีกหลายครั้ง ทั้งมีการอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่ไม่อนุญาตให้จำเลยขยายระยะเวลาวางเงินค่าขึ้นศาลอุทธรณ์เพิ่มด้วย เป็นพฤติการณ์ที่ทำให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงเวลาให้ชักช้า ถือได้ว่าเป็นการเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลอุทธรณ์เห็นสมควรกำหนดให้จำเลยปฏิบัติและจำเลยก็ได้ทราบคำสั่งโดยชอบแล้ว จึงเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2) ประกอบมาตรา 246
of 225