พบผลลัพธ์ทั้งหมด 178 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 420/2485 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จต้องรู้สถานะผู้ต้องหา: การให้การชั้นสอบสวนภายใต้ความเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นผู้ต้องหา ไม่ถือเป็นเบิกความเท็จ
คำให้การชั้นสอบสวนซึ่งให้การโดยเข้าใจว่าตนอยู่ในฐานะเป็นผู้ต้องหานั้น ไม่เป็นผิดฐานเบิกความเท็จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 709/2482
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน แม้ไม่ทราบสถานะที่หวงห้าม
จำเลยปกครองที่หลวงหวงห้ามมาโดยไม่ทราบว่าเป็นที่หวงห้ามนั้น เมื่อกรมการอำเภอได้เรียกมาชี้แจงและมีคำสั่งให้ออกไปจากที่หวงห้ามนั้นแล้ว จำเลยไม่ยอมออกยอมมีความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน
อ้างฎีกาที่ 611/2477
อ้างฎีกาที่ 611/2477
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1312/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน – ความไม่ชัดเจนของสถานะเจ้าพนักงานในฟ้อง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกล่าวคำหมิ่นประมาท จ.กับพวกเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษตาม ม.116 ฟ้องดังนี้จะถือว่า จ.เป็นเจ้าพนักงานด้วยไม่ได้ ศาลต้องยกฟ้องตาม ม.192 วรรค 3 แห่งประมวลวิธีพิจารณาอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2481
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งความเท็จ: สถานะผู้ต้องหาสำคัญกว่าการระบุฐานะพยาน
จำเลยให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานสอบสวนด้วยความรู้สึกอันแท้จริงว่าตนอยู่ในฐานะเปนผู้ต้องหา+เจ้าพนักงานจะแจ้งให้จำเลยทราบว่าจำเลยให้การ+ฐานะเปนพะยานและจด+ปากคำให้การจำเลยลงในแบบฟอร์มคำให้การก็ตามจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานแจ้งความเท็จ อ้างฎีกาที่ 263/2472 และที่ 1276/2479
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 796/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความซื้อขายเชื่อ: การพิสูจน์สถานะผู้ขายและข้อยกเว้นอายุความ
ซื้อเชื่อไม่ไปโดยไม่ปรากฎว่าผู้ขายเป็นพ่อค้า กำหนดอายุความมี 10 ปี
วิธีพิจารณาแพ่ง หน้าที่นำสืบ จำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตาม ม. 165 จำเลยต้องนำสืบ
วิธีพิจารณาแพ่ง หน้าที่นำสืบ จำเลยตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความตาม ม. 165 จำเลยต้องนำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 608/2475
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์: ผู้เช่าและทายาทไม่ถือเป็นการครอบครองปรปักษ์ ต้องแจ้งความประสงค์เปลี่ยนสถานะ
ที่ดิน ใบตรอก,ปกครองปรปักษ์เช่า
อย่างไรเรียกว่าปกครอง โดยอำนาจปรปักษ์ ป.พ.พ.ม.570-1381 ผู้เช่าอยู่ต่อไปเมื่อหมดสัญญาถือว่าอยู่ตามสัญญาเดิมโดยไม่มีกำหนด ผู้แทนผู้ครอบครองจะปกครองปรปักษ์ได้ก็ต่อเมื่อบอกกล่าวให้เจ้าของเดิมทราบ บิดาเป็นคนเช่า บิดาตาย บุตรอยู่ต่อมาถือว่าอยู่โดยสัญญาเช่า
อย่างไรเรียกว่าปกครอง โดยอำนาจปรปักษ์ ป.พ.พ.ม.570-1381 ผู้เช่าอยู่ต่อไปเมื่อหมดสัญญาถือว่าอยู่ตามสัญญาเดิมโดยไม่มีกำหนด ผู้แทนผู้ครอบครองจะปกครองปรปักษ์ได้ก็ต่อเมื่อบอกกล่าวให้เจ้าของเดิมทราบ บิดาเป็นคนเช่า บิดาตาย บุตรอยู่ต่อมาถือว่าอยู่โดยสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 365/2471
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สถานะคนในบังคับ: การพิสูจน์สถานะและขอบเขตการบังคับใช้กฎหมาย
คดีที่คนในบังคับฝรั่งเศลลังคนในบังคับสยามเปน จำเลยด้วยกัน พ.ร.บ. ฎีกาอุทธรณ์ เรื่องนี้ปรากฏว่าจำเลยอ้างตนเปนคนในบังคับแต่ไม่มีหนังสือสำหรับตัวและไม่เคยขึ้นทะเบียน ศาลจังหวัดน่านพิจารณาและทำความเห็นเสนอด้วยอธิบดีผู้พิพากษาศาลมณฑลพายัพ อีก ประการหนึ่งจำเลยไม่อยู่ในประเภทบุคคลที่อยู่ในอุดรหรืออีสาณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9590/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทเรื่องสถานะลูกจ้าง/ตัวแทน: ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาจากสัญญาและพยานหลักฐานเพื่อวินิจฉัยเจตนาที่แท้จริง
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลย จำเลยให้การว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาตัวการตัวแทนขายประกัน ไม่ใช่สัญญาจ้างแรงงาน โจทก์จำเลยแถลงรับในรายงานกระบวนพิจารณาว่าโจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างของจำเลยตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทน สาระสำคัญของนิติสัมพันธ์จึงต้องพิจารณาทั้งจากข้อความที่แถลงด้วยวาจาและข้อสัญญาที่ทำเป็นลายลักษณ์อักษรประกอบกัน หากขัดแย้งกันต้องพิจารณาถึงเจตนาที่แท้จริงเป็นสำคัญ ตามรายงานกระบวนพิจารณาจำเลยว่าจ้างโจทก์โดยอาศัยสาระสำคัญของข้อตกลงตามสัญญาแต่งตั้งตัวแทน ดังนั้นที่ศาลแรงงานภาค 4 พิจารณาข้อสัญญาตามสัญญาตั้งตัวแทนประกอบข้อเท็จจริงที่ได้จากคำเบิกความของพยานจึงไม่ขัดแย้งกับรายงานกระบวนพิจารณาที่บันทึกไว้
เป็นอำนาจของศาลแรงงานที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงมาใช้พิจารณาพิพากษาคดีให้เกิดความเป็นธรรมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ที่ศาลแรงงานเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควรก็เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยอาจนำ ป.วิ.พ. มาใช้โดยอนุโลม การนำ ป.วิ.พ. มาตรา 84 มาใช้โดยอนุโลมย่อมไม่เป็นการตัดอำนาจของศาลแรงงานที่จะใช้ดุลพินิจรับฟังพยานใดตามที่เห็นสมควรได้ ที่ศาลแรงงานภาค 4 รับฟังข้อเท็จจริงและพยานอื่นประกอบการวินิจฉัยประเด็นว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่จึงไม่เป็นการสืบพยานนอกประเด็นและไม่เป็นการรับฟังพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ
เป็นอำนาจของศาลแรงงานที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงมาใช้พิจารณาพิพากษาคดีให้เกิดความเป็นธรรมตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง ที่ศาลแรงงานเรียกพยานหลักฐานมาสืบได้เองตามที่เห็นสมควรก็เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและนำไปสู่การวินิจฉัยข้อกฎหมายโดยอาจนำ ป.วิ.พ. มาใช้โดยอนุโลม การนำ ป.วิ.พ. มาตรา 84 มาใช้โดยอนุโลมย่อมไม่เป็นการตัดอำนาจของศาลแรงงานที่จะใช้ดุลพินิจรับฟังพยานใดตามที่เห็นสมควรได้ ที่ศาลแรงงานภาค 4 รับฟังข้อเท็จจริงและพยานอื่นประกอบการวินิจฉัยประเด็นว่าโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยหรือไม่จึงไม่เป็นการสืบพยานนอกประเด็นและไม่เป็นการรับฟังพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13209/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดอำนาจร้องขอเมื่อผู้ร้องพ้นสถานะและมีคำพิพากษาถึงที่สุดในคดีที่เกี่ยวข้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอในนามของผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการของนิติบุคคลอาคารชุด ท. อาคาร 1, 2, 3 มิใช่ฟ้องในฐานะทำการแทนนิติบุคคล ขณะยื่นคำร้องขอนั้นผู้ร้องยังอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุด ซึ่งมีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ 19 มีนาคม 2544 ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2547 เพื่อขอให้เพิกถอนการประชุม มติที่ประชุมและรายงานการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2546 ครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ที่ยกเลิกสัญญาจ้างผู้ร้อง ทั้งขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนิติบุคคลอาคารชุดในวันที่ 22 กรกฎาคม 2546 ของเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสมุทรสาครด้วย อันถือได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอได้ แต่เมื่อขณะนี้ปรากฏว่า ผู้ร้องได้พ้นจากการเป็นผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดตามวาระการดำรงตำแหน่ง และมิได้เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลอาคารชุดอีกต่อไปแล้ว ทั้งปรากฏว่ามีการแต่งตั้งผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดคนใหม่แทนผู้ร้องแล้ว ทั้งคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งที่ผู้ร้องยื่นฟ้องผู้คัดค้านทั้งสองกับพวกในฐานะคณะกรรมการควบคุมการจัดการนิติบุคคลอาคารชุด ขอให้เพิกถอนมติที่ประชุมที่ให้ยกเลิกสัญญาจ้างผู้ร้องและให้ผู้ร้องพ้นจากการเป็นผู้จัดการนิติบุคคลอาคารชุดนั้น ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องโดยวินิจฉัยว่า การเลิกจ้างผู้ร้องเป็นการกระทำโดยชอบแล้วซึ่งผู้ร้องมิได้อุทธรณ์ คำพิพากษาดังกล่าวจึงถึงที่สุดและผูกพันผู้ร้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 จึงถือว่าปัจจุบันผู้ร้องไม่มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีนี้อีกต่อไป อำนาจร้องขอของผู้ร้องจึงหมดลง ผู้ร้องไม่มีอำนาจยื่นคำร้องขออีกต่อไป ปัญหานี้แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง แต่เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามมาตรา 142 (5) ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12560/2557
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเป็นโจทก์ร่วมต้องพิจารณาจากสถานะผู้เสียหายตามฟ้อง การแก้ฟ้องไม่ย้อนหลังถึงคำสั่งอนุญาตให้เป็นโจทก์ร่วมที่ไม่ชอบ
ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และ ธ. โดย ช. ยื่นคำร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ แต่ขณะนั้นฟ้องโจทก์ระบุว่าบริษัท พ. โดย ธ. ผู้เสียหาย ดังนั้น ตามคำฟ้องของโจทก์ บริษัท พ. เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 มาตรา 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และ ธ. โดย ช. จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีสิทธิขอเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์ได้ แม้ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอแก้ฟ้องในส่วนผู้เสียหายเป็นบริษัท พ. หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด พ. และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตก็ตาม แต่ก็ไม่มีผลทำให้คำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์และคำสั่งศาลที่อนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายกลายเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายได้ โจทก์ร่วมทั้งสองจึงไม่ใช่คู่ความที่มีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นได้