พบผลลัพธ์ทั้งหมด 408 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1451/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และความผิดสนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์มาดักยิง ศ.เมื่อส.ขับรถปิคอัพมาถึงที่เกิดเหตุ จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็น ศ. เพราะไม่รู้จักมาก่อนจึงจ้องปืนเล็งไปยัง ส. โดยมีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองแต่ ส.โบกมือให้ทราบว่าตนมิใช่ศ. จำเลยที่ 1จึงไม่ได้ยิงดังนี้ เป็นการลงมือกระทำความผิดแล้ว แต่กระทำไปไม่ตลอด จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา289(4),80 จำเลยที่ 2 ให้รถจักรยานยนต์และปืนแก่จำเลยที่ 1 ไปใช้ยิง ศ. ดังนี้จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1ในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บทบาทผู้สนับสนุนความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืน: การกระทำที่มิได้ร่วมวางแผนหรือเจรจาต่อรองราคา
อาวุธปืนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 เป็นเพียงผู้ติดต่อพาผู้ซื้อไปซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยตรง การเจรจาต่อรองราคาและการจะขายอาวุธปืนหรือไม่อยู่ที่การตัดสินใจของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 2มิได้มีส่วนร่วมด้วยแม้ว่าจำเลยที่ 2 อาจจะได้ผลประโยชน์จากการขายอาวุธปืนของกลางก็ตาม ตามพฤติการณ์ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายอาวุธปืนจำเลยที่ 2 คงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 จำหน่ายอาวุธปืนเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4547/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดสนับสนุนการกระทำความผิดอาญา: ตัวการไม่มีความผิด ผู้สนับสนุนจึงไม่มีความผิด
จำเลยที่ 1 เป็นนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัด จำเลยที่ 2เป็นผู้ช่วยเสมียนยานพาหนะจังหวัดเดียวกัน เมื่อจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการไม่ได้กระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 จึงไม่อาจจะมีผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดได้ จำเลยที่ 2จึงไม่มีความผิดฐานสนับสนุนความผิดดังกล่าว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,91,147,157,161,162,264,265 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 83,147,161 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 147,161ประกอบด้วยมาตรา 86 ข้อหาความผิดอื่นให้ยก เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสองในข้อหาตามมาตรา157,264 และ 265 แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ฝ่ายเดียว และศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรา 147 และ 161 จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามมาตรา 161ก็จะยกข้อหาตามมาตรา 157,264 และ 265 ซึ่งยุติไปแล้วขึ้นวินิจฉัยอีกไม่ได้.
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา83,91,147,157,161,162,264,265 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 83,147,161 ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามมาตรา 147,161ประกอบด้วยมาตรา 86 ข้อหาความผิดอื่นให้ยก เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยทั้งสองในข้อหาตามมาตรา157,264 และ 265 แล้วโจทก์มิได้อุทธรณ์จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ฝ่ายเดียว และศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามมาตรา 147 และ 161 จำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดตามมาตรา 161ก็จะยกข้อหาตามมาตรา 157,264 และ 265 ซึ่งยุติไปแล้วขึ้นวินิจฉัยอีกไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3985/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดลักทรัพย์: ผู้ขับรถรอพาผู้กระทำผิดหนี ไม่เป็นตัวการร่วม แต่เป็นผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 2 ขับรถสามล้อเครื่องพาจำเลยที่ 1 มายังที่เกิดเหตุขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังลักทรัพย์ในร้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 จอดรถอยู่บริเวณหน้าร้านผู้เสียหายห่างประมาณ 6-7 เมตรและนั่งอยู่เฉย ๆ ข้างรถสามล้อเครื่อง มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเอาทรัพย์ผู้เสียหายไป มิได้คอยดูต้นทางให้จำเลยที่ 1หรือให้ความร่วมมือโดยใกล้ชิดกับการที่จำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ของผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เพียงแต่รอคอยอยู่เพื่อจะขับรถพาจำเลยที่ 1 ออกไปจากที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1ก่อนและขณะกระทำผิด จำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ขับรถสามล้อเครื่องมาส่งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้รถสามล้อเครื่องดังกล่าวเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิคงมีความผิดตามมาตรา 335 วรรคสามเท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ขับรถสามล้อเครื่องมาส่งจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้รถสามล้อเครื่องดังกล่าวเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิคงมีความผิดตามมาตรา 335 วรรคสามเท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3985/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดลักทรัพย์: ความผิดของผู้ขับรถพาผู้กระทำผิดไปและกลับ
จำเลยที่ 2 ขับรถสามล้อเครื่องพาจำเลยที่ 1 มายังที่เกิดเหตุขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังลักทรัพย์ในร้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2จอดรถอยู่บริเวณหน้าร้านผู้เสียหายห่างประมาณ 6-7 เมตรและนั่งอยู่เฉย ๆ ข้างรถสามล้อเครื่อง มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเอาทรัพย์ผู้เสียหายไป มิได้คอยดูต้นทางให้จำเลยที่ 1หรือให้ความร่วมมือโดยใกล้ชิดกับการที่จำเลยที่ 1ลักทรัพย์ของผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 เพียงแต่รอคอยอยู่เพื่อจะขับรถพาจำเลยที่ 1 ออกไปจากที่เกิดเหตุ ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 1ก่อนและขณะกระทำผิด จำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ แต่เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ขับรถสามล้อเครื่องมาส่งจำเลยที่ 1ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้รถสามล้อเครื่องดังกล่าวเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมจำเลยที่1จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิคงมีความผิดตามมาตรา335 วรรคสามเท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
จำเลยที่ 2 เพียงแต่ขับรถสามล้อเครื่องมาส่งจำเลยที่ 1ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักทรัพย์ผู้เสียหาย ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้ใช้รถสามล้อเครื่องดังกล่าวเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ พาทรัพย์ไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมจำเลยที่1จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 ทวิคงมีความผิดตามมาตรา335 วรรคสามเท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3922/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันมีไม้แปรรูปผิดกฎหมาย: ความผิดฐานมีครอบครอง vs. สนับสนุน
จำเลยที่ 1 เป็นบุตรของ น. ได้ร่วมออกเงินให้ น.ไปหาซื้อไม้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งจำเลยที่ 1 ได้ร่วมไปกับน. และช่วยขนไม้ของกลางบรรทุกรถ นั่งคุมไม้ของกลางมากับน.จนถูกจับกุม ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับ น. มีไม้แปรรูปไว้ในครอบครอง ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นบุตรและหลานของ น. น.ให้จำเลยที่ 1 ชวนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ไปช่วยขนไม้ของกลางขึ้นรถ และจำเลยที่ 6 นั้น น. ขอร้องให้นำรถไปช่วยบรรทุกไม้ของกลางมาโดย น.ได้นั่งมาในรถด้วย จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการครอบครองไม้ของกลางแต่อย่างใด จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 ร่วมกับ น. ครอบครองไม้ของกลาง การกระทำของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นเพียงการให้ความช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่ น.และจำเลยที่ 1 อันเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86 เท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3891/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร่วมกันทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน และการกระทำที่สนับสนุนการกระทำผิด แม้ไม่ได้ลงมือโดยตรง
จำเลยนั่งดื่มสุราอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น 5-6 คน เมาสุราส่งเสียงเอะอะ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปตักเตือนห้ามปราบและจะขอจับกุมวัยรุ่นกลุ่มนั้นกลุ้มรุมทำร้ายเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายด้วย แต่การที่จำเลยยืนดูอยู่ห่างประมาณ 5 เมตร ยกเก้าอี้เหล็กขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือเพื่อนของจำเลยในการต่อสู้ทำร้ายเจ้าพนักงานตำรวจ ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกทำร้ายร่างกายและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานสนับสนุนการฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นจากการชี้เป้าและให้ความสะดวกแก่ผู้กระทำผิด
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3177/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่า โดยการนำตัวผู้กระทำผิดไปชี้เป้าและให้ความช่วยเหลือ
จำเลยที่ 1 มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 พาคนร้ายสองคนไปชี้บ้านผู้ตายแล้วกลับไป ครั้นคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายและผู้เสียหายทั้งสองแล้ว คนร้ายวิ่งกลับไปทางบ้านจำเลยที่ 1 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นบ้านก็พบคนร้ายคนหนึ่งหลบซ่อนอยู่ในห้องนอนของจำเลยที่ 1 พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และลูกระเบิดมือในเวลากระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนี้การกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับคนร้ายทั้งสองนั้นหรือเป็นการแบ่งหน้าที่กันทำ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่คนร้ายทั้งสองในการกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบาดเจ็บจากการแข่งขันกีฬาของพนักงาน ถือเป็นการประสบอันตรายจากการทำงาน หากนายจ้างสนับสนุนหรือมอบหมาย
โจทก์ได้รับแต่งตั้งจากนายจ้างให้เป็นผู้เข้าแข่งขันกีฬาฟุตบอลอันเป็นหน้าที่พิเศษ ย่อมถือได้ว่าโจทก์ปฏิบัติงานพิเศษให้แก่นายจ้างนอกเหนือไปจากหน้าที่ปกติ เมื่อโจทก์ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติงานพิเศษดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์ประสบอันตรายเนื่องจากการทำงานให้นายจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน หาเป็นเรื่องที่ขัดต่อวัตถุประสงค์แห่งสัญญาจ้างแรงงานไม่