คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
สัญญาประนีประนอม

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 506 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ: สัญญาประนีประนอมยอมความที่ผูกพันแล้ว ไม่อาจฟ้องบังคับคดีซ้ำได้
โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างของจำเลยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินส่วนของโจทก์และสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินส่วนของจำเลยให้อยู่ต่อไปได้อีก 2 ปี หากครบกำหนดฝ่ายใดไม่รื้อถอนให้อีกฝ่ายรื้อถอนออกไปได้ แล้วได้มีการตกลงกันใหม่ในศาลว่าโจทก์จะต้องรื้อสิ่งปลูกสร้างของโจทก์ก่อนจำเลยจึงจะรื้อสิ่งปลูกสร้างของจำเลยข้อตกลงดังกล่าวแม้จะไม่มีอยู่ในคำฟ้อง แต่ก็มาจากเหตุที่โจทก์ได้ฟ้องขอแบ่งแยกที่ดินเกี่ยวเนื่องกับประเด็นตามคำฟ้อง ถือได้ว่าเป็นประเด็นแห่งคดี เมื่อศาลพิพากษาคดีตามยอม และคดีถึงที่สุดไปแล้ว หากจำเลยไม่ยอมรื้อสิ่งปลูกสร้างออกไป โจทก์ย่อมจะขอบังคับคดีได้ในคดีเดิม โจทก์จะฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นอีกไม่ได้ เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2754/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความ: สิทธิการเช่า, การโอนสิทธิ, อำนาจฟ้อง, สัญญาประนีประนอม
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยและผู้เช่าช่วงซึ่งเป็นบริวารของจำเลยออกจากตึกพิพาทเพราะจำเลยผิดสัญญาเช่าโดยนำตึกพิพาทไปให้ผู้ร้องเช่าช่วง ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยได้โอนสิทธิการเช่าตึกพิพาทให้ผู้ร้องโดยความยินยอมของโจทก์ โจทก์จึงต้องโอนสิทธิการเช่าให้ผู้ร้อง และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ดังนี้ คำร้องของผู้ร้องตั้งข้อพิพาทเข้ามาโต้แย้งกับโจทก์ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ร้อง เป็นการแสดงเหตุแห่งการขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) แล้วจึงชอบที่จะอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นผู้ร้องสอดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2669/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การผิดนัดชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอม การมอบหมายให้ผู้อื่นชำระหนี้แทน และเหตุสุดวิสัย
จำเลยทั้งสองไม่นำเงินมาวางต่อศาลตามกำหนดโดยอ้างว่ามารดาป่วยกะทันหันต้องเดินทางไปเยี่ยมที่ต่างจังหวัดนั้น มิใช่ความจำเป็นถึงขนาดจะนำเงินมาวางศาลไม่ได้เพราะการนำเงินมาวางศาลมิใช่กิจการที่จำเลยทั้งสองจะต้องทำเองโดยเฉพาะตัว ดังนี้ถือไม่ได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองไม่ต้องรับผิดชอบตาม ป.พ.พ.มาตรา 205 ศาลยกคำร้องของจำเลยทั้งสองได้โดยไม่ต้องไต่สวน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2188/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: ขอบเขตและผลผูกพัน
โจทก์จำเลยได้ เจรจากันเรื่องทรัพย์มรดกของบิดามารดา ฝ่ายจำเลยเสนอให้โคแก่โจทก์ 3 ตัว เท่านั้น ฝ่ายโจทก์ยืนยันจะขอแบ่งที่นาด้วยและโจทก์จำเลยลงชื่อไว้ในบันทึกเช่นนี้ ถือว่าบันทึกดังกล่าวเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในเรื่องทรัพย์สินอื่นที่มิใช่ที่ดิน เมื่อโจทก์ได้รับโคไป 3 ตัว ตาม ข้อตกลงดังกล่าวแล้ว โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะขอแบ่งทรัพย์สินอื่นจากจำเลยได้ เว้นแต่ที่ดินซึ่ง เดิม เป็นทรัพย์มรดกของบิดามารดา และบ้านซึ่ง เป็นส่วนควบ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1028/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความกระทบสิทธิบุคคลภายนอก: ศาลเพิกถอนได้เฉพาะสัญญา ไม่ผูกพันคำพิพากษา
จำเลยที่ 4 เคยฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอแบ่งแยกกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน และศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยที่ 4 มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเกินกว่าส่วนที่ควรจะได้ ดังนี้ ไม่ใช่คำพิพากษาแสดงหรือวินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินย่อมไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก แม้ว่าโจทก์เป็นผู้จะซื้อที่ดินแปลงนั้นจากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ก็ตาม คำพิพากษาตามยอมบังคับโจทก์ไม่ได้ และไม่กระทบถึงสิทธิของโจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาตามยอม

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4427/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินจากสัญญาประนีประนอมยอมความและการโอนสิทธิโดยไม่ชอบ
ส. พี่สาวโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ 1ในคดีก่อนแบ่งที่ดินส่วนของ ส. ออกเป็น 3 ส่วนเท่ากันโจทก์ทั้งสองได้คนละหนึ่งส่วน โจทก์ย่อมได้สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่นั้นมาและมีสิทธิติดตามเอาที่ดินพิพาทของตนคืนจากจำเลยที่ 1ได้ เมื่อจำเลยที่ 1 โอนขายที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 2 และที่ 3 และจำเลยที่ 2 และที่ 3 เข้าครอบครองที่ดินพิพาทอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ที่ดินพิพาทมาขณะยังเป็นผู้เยาว์ และอาศัยอยู่กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นอา ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์เมื่อจำเลยที่ 2 ที่ 3 ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 1และครอบครองต่อมาย่อมได้สิทธิไปเพียงเท่าที่ผู้โอนมีอยู่คือเป็นผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนโจทก์จะถือว่าแย่งการครอบครองไม่ได้แม้ยึดถือนานเท่าใดก็ไม่ได้สิทธิครอบครอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ: การชำระหนี้เงินกู้แทนจำเลยและการไถ่ถอนจำนอง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยมีเจตนาให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้แทนจำเลยแล้วจำเลยจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ แต่เนื่องจากโจทก์จำเลยเข้าใจว่าการที่จำเลยกู้เงินโดยมอบใบน.ส.3 ก. ให้เจ้าหนี้ไว้นั้นเป็นจำนองจึงระบุในสัญญาประนีประนอมว่าให้โจทก์เป็นผู้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมนั้นโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้แทนจำเลย
คดีในชั้นฎีกาพิพาทกันเกี่ยวกับการแปลเจตนาของคู่ความในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อจะบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228 (2) ตอนท้าย จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ข.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในสัญญาประนีประนอมยอมความ: การชำระหนี้เงินกู้แทนจำเลย vs. ไถ่ถอนจำนอง
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยมีเจตนาให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้แทนจำเลยแล้วจำเลยจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์แต่เนื่องจากโจทก์จำเลยเข้าใจว่าการที่จำเลยกู้เงินโดยมอบใบน.ส.3 ก. ให้เจ้าหนี้ไว้นั้นเป็นจำนองจึงระบุในสัญญาประนีประนอมว่าให้โจทก์เป็นผู้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาท ดังนี้ ตามสัญญาประนีประนอมนั้นโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้แทนจำเลย คดีในชั้นฎีกาพิพาทกันเกี่ยวกับการแปลเจตนาของคู่ความในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อจะบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) ตอนท้ายจึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ข

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความเจตนาในสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับการชำระหนี้แทนและการโอนที่ดิน
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยมีเจตนาให้โจทก์ชำระหนี้เงินกู้แทนจำเลยแล้วจำเลยจะโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ แต่เนื่องจากโจทก์จำเลยเข้าใจว่าการที่จำเลยกู้เงินโดยมอบใบน.ส.3 ก. ให้เจ้าหนี้ไว้นั้นเป็นจำนองจึงระบุในสัญญาประนีประนอมว่าให้โจทก์เป็นผู้ไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทดังนี้ตามสัญญาประนีประนอมนั้นโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระเงินกู้แทนจำเลย
คดีในชั้นฎีกาพิพาทกันเกี่ยวกับการแปลเจตนาของคู่ความในการทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาล โจทก์ฎีกาเกี่ยวกับคำสั่งอันเกี่ยวด้วยคำขอเพื่อจะบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 228(2) ตอนท้าย จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลเพียง 200 บาท ตามตาราง 1 ข้อ 2 ข..

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2910/2531 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายสินสมรสระงับด้วยสัญญาประนีประนอม การจัดการสินสมรสต้องผูกพันสินสมรสโดยตรง
ส. ทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านอันเป็นสินสมรสของโจทก์และ ส. ให้กับจำเลยแล้วผิดสัญญา จำเลยจึงฟ้องเรียกเบี้ยปรับและมัดจำคืน ส. ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลยอมชำระเบี้ยปรับและคืนเงินมัดจำให้จำเลย ดังนี้ สัญญาจะซื้อจะขายที่ดินและบ้านได้ระงับไปแล้วด้วยผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 852โจทก์ซึ่งเป็นสามี จะฟ้องขอให้เพิกถอนมิได้ ส่วนสัญญาประนีประนอมยอมความก็เป็นนิติกรรมเกี่ยวกับหนี้เงิน มิได้ทำขึ้นเพื่อผูกพันสินสมรสโดยเฉพาะ จึงมิใช่เป็นการจัดการสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476, 1477 และ 1480 โจทก์ซึ่งเป็นสามีจะฟ้องขอให้เพิกถอนมิได้เช่นเดียวกัน.
of 51