พบผลลัพธ์ทั้งหมด 170 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8945/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนและคีตามีนไว้ในครอบครอง ศาลฎีกาแก้โทษให้รอการลงโทษ และปรับตามกฎหมายใหม่
ความผิดฐานมีคีตามีนซึ่งเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 ยังคงบัญญัติให้เป็นความผิดตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง มีโทษตามมาตรา 140 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 วรรคหนึ่ง และมีโทษตามมาตรา 106 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท แม้ตามกฎหมายฉบับเดิมและฉบับใหม่จะมีระวางโทษจำคุกและโทษปรับเท่ากัน แต่ตามกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่บัญญัติให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า และความผิดฐานเสพคีตามีนยังคงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 92 ซึ่งมีโทษตามมาตรา 141 ให้จำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับแตกต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ที่เป็นความผิดตามมาตรา 62 ตรี และมีโทษตามมาตรา 106 ตรี ที่กำหนดโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท เห็นได้ว่าโทษจำคุกขั้นสูงตามกฎหมายฉบับใหม่เบากว่าโทษจำคุกตามกฎหมายฉบับเดิม โทษจำคุกและโทษปรับตามกฎหมายฉบับใหม่ไม่มีระวางโทษจำคุกและโทษปรับขั้นต่ำเช่นเดียวกับกฎหมายฉบับเดิม ทั้งกฎหมายฉบับใหม่บัญญัติให้ลงโทษจำคุกหรือปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากกฎหมายฉบับเดิมที่ให้จำคุกและปรับเท่านั้น กฎหมายฉบับใหม่จึงเป็นคุณมากกว่า ดังนั้นในความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวต้องใช้กฎหมายฉบับใหม่บังคับแก่จำเลยที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7526/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อเสพ vs. จำหน่าย: ศาลฎีกาตัดสินจำกัดความผิดฐานจำหน่าย
การที่สายลับซึ่งเป็นคนรักเก่าของจำเลยชักชวนให้จำเลยมาร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนที่ห้องพักที่เกิดเหตุ โดยได้มอบธนบัตรจำนวน 1,500 บาท ให้จำเลยเพื่อไปเอาเมทแอมเฟตามีนมาให้ เมื่อจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนมามอบให้สายลับ 10 เม็ด จากนั้นได้ร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนไป 4 เม็ด พฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยรับหน้าที่ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนมาให้สายลับและพวก และร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนส่วนหนึ่งนั้น โดยจำเลยไม่ได้ประโยชน์อื่นตอบแทนในการนี้ ยังถือไม่ได้ว่า จำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับ คงฟังได้เพียงว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเท่านั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความผิดที่โจทก์ฟ้อง ย่อมลงโทษจำเลยตามที่พิจารณาได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย ประกอบมาตรา 215, 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7100/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยรู้ว่าเป็นยาเสพติด
การที่จำเลยรับฝากเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้จาก ส. ด้วยการซุกซ่อนไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลยในขณะที่จำเลยกับพวกขับรถผ่านด่านตรวจเพื่อช่วยเหลือ ส. ให้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางให้รอดพ้นจากการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจโดยไม่ถูกจับกุม เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ความสะดวกแก่ ส. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ส. ให้กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5061/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยที่ 3-4 ไม่รู้เห็นการครอบครองเมทแอมเฟตามีนของจำเลยที่ 1 แม้จะอยู่ในเหตุการณ์ ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง 65 วรรคสอง (ที่แก้ไขใหม่) ให้ประหารชีวิต เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษต่อพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจหรือพนักงานสอบสวน ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ แต่ที่ศาลอุทธรณ์ให้จำคุกตลอดชีวิต และลงโทษปรับ 2,400,000 บาท ด้วยนั้นเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะโทษที่วางก่อนกำหนดโทษใหม่ไม่มีโทษปรับ ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4369/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย พยายามจำหน่าย และขายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท ศาลฎีกาแก้เป็นจำคุกตลอดชีวิต
จำเลยที่ 1 ร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนเฟนิลโพรพาโนลามีนซึ่งเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำเลยที่ 1 ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อขายและพยายามขายในวันเวลาเดียวกันต่อเนื่องกันและเป็นจำนวนเดียวกัน ซึ่งตาม พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 4 ที่บังคับใช้ในขณะเกิดเหตุกำหนดคำนิยามของคำว่า "ขาย" ให้หมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 เพียงบทเดียว
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 3 (1) ให้ยกเลิก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามกฎหมายที่ใช้บังคับใหม่เป็นความผิดตามมาตรา 16 ที่ได้กำหนดโทษไว้ในมาตรา 118 ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท ต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 89 ที่ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ในส่วนของโทษจำคุกกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า แต่ในส่วนโทษปรับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคแรก กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาได้มี พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2559 มาตรา 3 (1) ให้ยกเลิก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 ซึ่งความผิดฐานขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ตามกฎหมายที่ใช้บังคับใหม่เป็นความผิดตามมาตรา 16 ที่ได้กำหนดโทษไว้ในมาตรา 118 ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงสองล้านบาท ต่างจาก พ.ร.บ.วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 89 ที่ให้ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท ในส่วนของโทษจำคุกกฎหมายที่ใช้ในภายหลังกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า แต่ในส่วนโทษปรับกฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดเป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยที่ 1 ไม่ว่าในทางใด ตาม ป.อ. มาตรา 3 วรรคแรก กรณีเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้องได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 และ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ.2550 มาตรา 3
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1654/2561
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ การคำนวณปริมาณสารบริสุทธิ์ และการปรับบทลงโทษ
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ให้แก่ อ. แม้ตามคำฟ้องของโจทก์ข้อ 1.3 โจทก์จะไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เท่าใด แต่โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ 2 มาแล้วว่า เมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.376 กรัม อันเป็นการบรรยายฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคสอง และเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ที่โจทก์บรรยายฟ้องมาในข้อ 1.3 จึงครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง และตามรายงานการตรวจพิสูจน์เมทแอมเฟตามีนของกลาง ซึ่งจำเลยมิได้นำสืบโต้แย้งคัดค้าน เมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง ตรวจพบปริมาณเมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 0.376 กรัม ซึ่งเป็นการนำเมทแอมเฟตามีนของกลางบางส่วนมาตรวจพิสูจน์หาปริมาณสารบริสุทธิ์แล้ว เมื่อเมทแอมเฟตามีน 9 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ของกลาง เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง จึงคำนวณสารบริสุทธิ์ของเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง ได้เช่นเดียวกันว่า คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป โดยไม่มีข้อสงสัยว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวอาจมีส่วนผสมที่แตกต่างกับเมทแอมเฟตามีนส่วนอื่นที่จะทำให้ปริมาณสารบริสุทธิ์คำนวณได้ไม่ถึงสามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป กรณีจึงลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคสอง ได้ ซึ่งตามมาตรา 100/1 บัญญัติว่า ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ที่มีโทษจำคุกและปรับ ให้ศาลลงโทษจำคุกและปรับด้วยเสมอ โดยคำนึงถึงการลงโทษในทางทรัพย์สินเพื่อป้องปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 40 เม็ด กับชนิดเกล็ดใส 1 ถุง โดยไม่ปรับด้วยนั้น จึงไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดต่างกรรมกัน
โจทก์บรรยายฟ้องในข้อ ก. ว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แล้วจำเลยที่ 1 จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวให้สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 240,000 บาท อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และในฟ้องข้อ ค. โจทก์บรรยายว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ในคำขอท้ายฟ้องโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ศาลลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป แสดงว่า สำหรับจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์ขอให้ลงโทษ 2 กระทง กระทงแรกในความผิดที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 2,200 เม็ด กระทงหลังในส่วนที่เกี่ยวกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายให้แก่สายลับจำนวน 2,200 เม็ด จากนั้นในวันเดียวกันและทันทีต่อเนื่องกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีก 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ถือว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนรวม 2,462 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันอันเป็นการกระทำกรรมเดียว แต่เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน กับฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,200 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกรรมเดียวกัน จึงไม่อาจกำหนดโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนเป็นอีกกรรมหนึ่งแยกต่างหากได้เพราะเกินคำขอและต้องห้ามนั้น จึงไม่ถูกต้อง เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 นั้น จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำนวน 2,200 เม็ด และจำหน่ายให้แก่สายลับไปหมดแล้ว ต่อมาในวันเดียวกัน เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นบ้านของจำเลยที่ 1 ยึดได้เมทแอมเฟตามีนอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึกอีก 2 ซอง โดยเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองและจำหน่ายไปในตอนแรกจำนวน 2,200 เม็ด กับที่มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในตอนหลังจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง เป็นคนละจำนวนกัน แม้เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 จำหน่ายไปในตอนแรก เป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่การมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและการจำหน่ายเป็นความผิดที่มีเจตนาในการกระทำผิดแยกจากกันได้ ฉะนั้น การที่จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำหน่ายให้สายลับไปจำนวน 2,200 เม็ด และยังร่วมกับจำเลยที่ 2 มีเมทแอมเฟตามีนอยู่ที่บ้านอีกจำนวน 262 เม็ด กับชนิดผลึก 2 ซอง อีกส่วนหนึ่งต่างหาก การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6426/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด (เมทแอมเฟตามีน) แม้เป็นส่วนหนึ่งของยาที่ครอบครองไว้เพื่อจำหน่าย ถือเป็นความผิดอีกกระทง
จำเลยนำเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ติดตัวไปที่บ้านที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านที่ ณ. พักอาศัยอยู่ พบ ณ. กับ น. และพวกรวมประมาณ 5 ถึง 6 คน ซึ่งไม่ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับจำเลยอย่างไร และทั้งหมดนั่งล้อมวงอยู่ด้วยกันบริเวณด้านหลังของบ้านที่เกิดเหตุ โดยจำเลยนำเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครอง 2 เม็ด ออกมาวางตรงกลางเพื่อจำเลยและทุกคนได้เสพ ถือเป็นการกระทำอันเป็นการแพร่กระจายยาเสพติดให้โทษไปสู่บุคคลอื่น เข้าลักษณะแจกจ่าย ซึ่งอยู่ในความหมายของการจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว การที่ น. หยิบเอาเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ดไว้ แม้ น. และบุคคลอื่นเหล่านั้นจะยังไม่ทันได้เสพก็ตาม การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด โดยไม่ได้รับอนุญาต
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมเป็นความผิดสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แม้เมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด จะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ซึ่งต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2560)
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ย่อมเป็นความผิดสำเร็จแล้วกระทงหนึ่ง และเมื่อจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด แม้เมทแอมเฟตามีน 2 เม็ด จะเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดอีกกระทงหนึ่ง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสองกรรมต่างกัน ซึ่งต้องเรียงกระทงลงโทษจำเลยทุกกรรมตาม ป.อ. มาตรา 91
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2560)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3211/2560
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพยายามครอบครองเมทแอมเฟตามีน: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยลงมือกระทำความผิดแต่ไม่สำเร็จ
จำเลยที่ 1 ลงมือกระทำความผิดตามที่มีผู้ว่าจ้างให้ไปรับเมทแอมเฟตามีนในที่เกิดเหตุซึ่งถูกซุกซ่อนอยู่บริเวณโคนเสาป้ายสัญญาณจราจรทางโค้ง โดยลงจากรถไปยืนที่บริเวณดังกล่าวตามที่นัดหมายไว้ อันเป็นเหตุการณ์ใกล้ชิดกับความผิดสำเร็จ แต่จำเลยที่ 1 กระทำไปไม่ตลอดเพราะถูกเจ้าพนักงานตำรวจมาพบและถูกจับกุมได้เสียก่อน จึงเป็นการพยายามกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2567
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในเครือข่ายยาเสพติด ผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนชนิดเม็ด 1,164 เม็ด และชนิดเกล็ดสีขาว 14 ถุง รวมทั้งสองชนิดคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 6,277.21 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ประกอบกับพฤติกรรมที่จำเลยอยู่ในเครือข่ายยาเสพติด ทำหน้าที่รับเมทแอมเฟตามีนจำนวนมากถึงครั้งละหลายแสนเม็ดและชนิดเกล็ดสีขาวครั้งละหลายกิโลกรัมมาเก็บรักษาไว้หลายครั้งแล้ว ทั้งยังเป็นผู้ทำหน้าที่จัดการจำหน่ายส่งให้แก่ผู้ค้ารายย่อยในเครือข่ายยาเสพติดในพื้นที่อำเภอพุนพินและพื้นที่ใกล้เคียง พฤติการณ์การกระทำความผิดของจำเลยมีผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 145 วรรคสาม (2) จำเลยนำเจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนหนึ่งที่ท่าทรายซึ่งเป็นลานที่มีกองทราย มีโรงซ่อมรถ มีที่พักอยู่ห้องเดียว ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจทราบอยู่แล้วว่าจำเลยมีที่พักอยู่ที่ท่าทรายดังกล่าว และนำตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางอีกจำนวนหนึ่งที่ห้องแถวซึ่งทราบภายหลังว่าตรงกับที่อยู่ตามทะเบียนราษฎร์ของจำเลย และจำเลยให้การในชั้นสอบสวนระบุที่อยู่ดังกล่าวเป็นภูมิลำเนาของจำเลย จึงอยู่ในวิสัยที่เจ้าพนักงานตำรวจจะสามารถตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางได้เอง ไม่อาจถือว่าจำเลยได้ให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 100/2 เมื่อพิเคราะห์ถึงความร้ายแรงของการกระทำความผิด ฐานะทางเศรษฐกิจของจำเลยและพฤติการณ์ที่เกี่ยวข้องประกอบแล้ว กรณียังไม่มีเหตุอันสมควรเป็นการเฉพาะราย อันศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าอัตราโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตาม ป.ยาเสพติด มาตรา 152 วรรคสอง