พบผลลัพธ์ทั้งหมด 365 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3207/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาเกินคำขอในคดีรื้อรั้วและภารจำยอม ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขได้เฉพาะข้อผิดพลาดเล็กน้อย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรื้อรั้วในที่ดินของจำเลยโฉนดที่32187 ในส่วนที่ติดกับที่ดินของโจทก์โฉนดที่ 32176เพื่อให้โจทก์สามารถใช้เป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะได้ การที่ศาลพิพากษาให้จำเลยรื้อรั้วในที่ดินโฉนดที่ 32187 โดยไม่ระบุเฉพาะในส่วนที่ติดกับที่ดินของโจทก์โฉนดที่32176 เป็นเรื่องศาลพิพากษาเกินคำขอ มิใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือผิดหลงเล็กน้อยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 143 และเมื่อศาลพิพากษาเกินคำขอเช่นว่านี้จำเลยก็มิได้อุทธรณ์ฎีกาในคดีเดิมจนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว จึงเป็นอันยุติ ศาลฎีกาไม่มีอำนาจที่จะแก้ไข
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2654/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขาดนัดพิจารณา – สิทธิในการสืบพยาน – การพิจารณาคดีไม่ชอบ – แก้ไขคำพิพากษา
จำเลยทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์โดยชอบแล้วแต่ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาแล้วให้พิจารณาสืบพยานโจทก์ไป เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากศาลสืบพยานโจทก์ซึ่งมีปากเดียวเสร็จสิ้นแล้ว ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีชอบแล้ว
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
ทนายจำเลยผู้ขาดนัดพิจารณามาศาลภายหลังที่โจทก์นำพยานเข้าสืบไปแล้ว จึงคัดค้านพยานนั้นโดยวิธีถามค้านพยานของโจทก์ที่สืบไปแล้วไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (2)
การที่เสมียนทนายจำเลยซึ่งได้รับมอบหมายจากทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่นหลังจากที่ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์แล้ว ก่อนโจทก์แถลงหมดพยาน ถือได้ว่าจำเลยผู้ขาดนัดมาศาลยังไม่พ้นเวลาที่จะนำพยานของตนเข้าสืบตามมาตรา 205 วรรคสาม (1) และจำเลยได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว จึงมีสิทธินำพยานของตนเข้าสืบได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาหลังคดีถึงที่สุด ศาลไม่มีอำนาจแก้ไขหากไม่ใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อย
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องให้จำเลยชำระเงินค่าสินค้าพร้อมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน 47,339.95 บาท แต่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเพียง 46,591.95 บาทตามคำฟ้องเดิมจึงเท่ากับว่าศาลพิพากษาให้จำเลยชำระไม่เต็มตามคำฟ้องโจทก์ เงินที่ขาดไปไม่ใช่เป็นข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ โจทก์ชอบที่จะอุทธรณ์ฎีกาไปตามลำดับ เมื่อโจทก์ไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลย่อมไม่มีอำนาจแก้ไขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 84/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขจำนวนเงินพิพากษาที่ผิดพลาด: ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขจำนวนเงินในคำพิพากษาให้ถูกต้องตามที่ฟ้องและพยานหลักฐานนำสืบ
คำพิพากษาศาลชั้นต้นพิมพ์ตัวเลขจำนวนเงินผิด โจทก์ยื่นคำร้องในชั้นฎีกา ศาลฎีกาแก้จำนวนเงินที่พิมพ์ผิดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 143
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 692/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาไม่รับวินิจฉัย กรณีศาลอุทธรณ์แก้ไขคำพิพากษาลดค่าปรับในคดีสัญญาประกัน
โจทก์ทั้งสองในฐานะพนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัว พ. กับ จ. ผู้ต้องหาไว้ จำเลยได้ทำสัญญาประกันตัว พ. กับ จ. จำเลยผิดสัญญาประกันคนละฉบับฉบับละ 50,000 บาททุนทรัพย์สำหรับคดีนี้จึงแยกออกตามสัญญาประกันแต่ละฉบับเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ลดค่าปรับลงจากสัญญาละ 35,000 บาทเป็นสัญญาละ 10,000 บาท เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาดุลพินิจในการลดค่าปรับ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง(ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1578/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาค่าปรับทางอาญา: ข้อจำกัดการฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เฉพาะในเรื่องจำนวนเงินค่าปรับที่ลงแก่จำเลยในความผิดฐานฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตามคำสั่งของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ปรับจำเลย 105,000 บาท เป็นว่า ให้ปรับเป็นเงิน 57,666.67 บาท เป็นการแก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่เพียงเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1538/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แก้ไขคำพิพากษาผิดพลาด, เหตุสุดวิสัย, ค่าปรับสัญญาจ้างช่วง
คำพิพากษาศาลชั้นต้นพิมพ์ตัวเลขจำนวนเงินที่ให้จำเลยใช้แก่โจทก์ผิดจากเลข 42,570.91 บาท เป็น 22,570.91 บาทศาลฎีกาย่อมมีอำนาจแก้ไขข้อผิดพลาดหรือผิดหลงนั้นให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 โดยพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 42,570.91 บาทแก่โจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 ต้องเป็นเรื่องที่ผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเท่านั้นมิใช่เป็นเรื่องความผิดพลาดหรือผิดหลงของคู่ความโจทก์ฟ้องขอดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดต่อปี ศาลฎีกาจะแก้ไขให้เป็นร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีมิได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
จำเลยรับจ้างวางท่อประปามาจากการประปานครหลวง แล้วมาว่าจ้างช่วงให้โจทก์ทำ โจทก์วางท่อประปาล่าช้ากว่ากำหนดการประปานครหลวงมิได้ปรับจำเลยดังนี้ เมื่อได้ความว่าการที่โจทก์ทำงานล่าช้ากว่ากำหนดนั้นมีเหตุสุดวิสัยที่เกี่ยวแก่น้ำท่วมผิวถนนจราจรไม่อาจวางท่อประปาให้แล้วเสร็จตามกำหนดได้จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากโจทก์แม้โจทก์จะเป็นคู่สัญญากับจำเลยก็ตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 ต้องเป็นเรื่องที่ผิดพลาดหรือผิดหลงในคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเท่านั้นมิใช่เป็นเรื่องความผิดพลาดหรือผิดหลงของคู่ความโจทก์ฟ้องขอดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดต่อปี ศาลฎีกาจะแก้ไขให้เป็นร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีมิได้เพราะเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าที่ปรากฏในคำฟ้องต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142
จำเลยรับจ้างวางท่อประปามาจากการประปานครหลวง แล้วมาว่าจ้างช่วงให้โจทก์ทำ โจทก์วางท่อประปาล่าช้ากว่ากำหนดการประปานครหลวงมิได้ปรับจำเลยดังนี้ เมื่อได้ความว่าการที่โจทก์ทำงานล่าช้ากว่ากำหนดนั้นมีเหตุสุดวิสัยที่เกี่ยวแก่น้ำท่วมผิวถนนจราจรไม่อาจวางท่อประปาให้แล้วเสร็จตามกำหนดได้จำเลยย่อมไม่มีสิทธิเรียกค่าปรับจากโจทก์แม้โจทก์จะเป็นคู่สัญญากับจำเลยก็ตาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ - ความผิดฐานทำไม้ - แก้ไขคำพิพากษา - สิทธิฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 83,160จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 และที่5 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157,86 การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษจำเลยที่ 1 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 บทหนัก จำคุกจำเลยที่ 1 สี่ปี ลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 บทหนักจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 3 คนละ2 ปี 8 เดือน จำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 4 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งห้ากระทำผิด 2 กรรม ลงโทษฐานร่วมกันทำไม้ยางโดยไม่รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้อีกกระทงหนึ่งจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 คนละ 3 ปี จำคุกจำเลยที่ 4 ที่ 5 คนละ 1 ปี 6 เดือนส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ สำหรับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยทั้งห้าไม่เกินห้าปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงไม่กำหนดโทษฐานนี้ ศาลอุทธรณ์ว่าเป็นความผิด 2 กรรม กำหนดโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าอีกกระทงหนึ่งจึงเป็นการแก้ไขมากจำเลยมีสิทธิฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในกระทงนี้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1209/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำพิพากษาเล็กน้อยไม่อาจฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ แม้โจทก์อ้างเหตุต่างจากคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานมีกันชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 76 จำคุกหนึ่งปีหกเดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษฐานมีกัญชาไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามบทกฎหมายเดียวกัน ลงโทษจำคุกหนึ่งปี เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ฎีกาในปัญหาว่าจำเลยมีกัญชาของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลฎีกาแก้ไขคำพิพากษาให้ตรงประเด็นข้อพิพาทเรื่องการบุกรุกที่ดิน โดยอ้างอิงแผนที่พิพาทที่คู่ความชี้ และศาลชั้นต้นวินิจฉัย
ชั้นแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวา ราคา 6,000 บาท ต่อมาโจทก์ข้อแก้ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกที่ดินเพิ่มขึ้นรวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ราคา 22,0000 บาท ศาลอนุญาตให้แก้ฟ้องได้แล้ว ในการทำแผนที่พิพาท คู่ความนำชี้ว่าที่พิพาทคือที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ในการสืบพยานของคู่ความและวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็กล่าวว่าที่พิพาทคือที่ดินที่ปรากฏภายในเส้นสีแดงในแผนที่กลาง แต่ศาลชั้นต้นกลับพิพากษาให้ที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ดังนี้ เป็นการพิพากษาไม่ตรงประเด็นที่คู่ความพิพาทและศาลอุทธรณ์พิพากษายืน อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาแก้ไขเสียให้ถูกต้องไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ได้