พบผลลัพธ์ทั้งหมด 231 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน
ที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญของจำเลยถูกศาลยึดมาขายทอดตลาดโจทก์เป็นผู้ซื้อได้และได้รับมอบที่ดินแล้ว จำเลยขัดขวางไม่ให้โจทก์เข้าครอบครองแสดงออกซึ่งการแย่งการครอบครองตลอดมา โจทก์ย่อมหมดสิทธิที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองได้ภายหลังที่จำเลยแย่งการครอบครองมาเกิน 1 ปีแล้ว แม้ศาลจะได้มีหนังสือสั่งให้อำเภอทำนิติกรรมจดทะเบียนโอนที่ดินนี้ให้โจทก์ และนับแต่วันที่อำเภอจดทะเบียนโอนให้จนถึงวันฟ้องจะยังไม่เกิน 1 ปีก็ตาม
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้
การครอบครองของจำเลยหลังจากจำเลยได้สิทธิครอบครองมาโดยการแย่งครอบครองจากโจทก์นั้น ไม่นับว่าเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์เรียกค่าเสียหายสำหรับระยะเวลานี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1657/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครองที่ดิน การพิสูจน์สิทธิในที่ดิน และผลของการฟ้องขาดอายุความ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ ในการทำแผนที่พิพาทเมื่อโจทก์นำชี้เขตที่ดินที่อ้างว่าเป็นของโจทก์นั้น ย. โต้แย้งว่าโจทก์ชี้รุกล้ำเข้าไปในที่ของ ย. ซึ่งที่ดินส่วนนั้นจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย ดังนี้โจทก์จะขอให้เรียก ย. เข้ามาเป็นจำเลยร่วมในคดีนี้หาได้ไม่
โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินมือเปล่าของโจทก์ แล้วโจทก์ไม่กล้าเข้าทำประโยชน์ในที่ส่วนนั้นอีก เพียงแต่ไปร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนและตำรวจเท่านั้น ดังนี้เมื่อเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้วนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยและฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คำฟ้องแย้งเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า โจทก์บุกรุกที่ของจำเลยเมื่อใด ตรงไหนโจทก์ก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และคำฟ้องแย้งของจำเลยเช่นนี้ไม่ใช่การฟ้องเรียกคืนการครอบครอง จึงไม่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375
คู่ความได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองไปจากโจทก์เกิน 1 ปี อันเป็นเหตุให้โจทก์หมดสิทธิเรียกคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375แล้วหรือไม่เท่านั้น ถ้าโจทก์เพิ่งกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า ต้องใช้อายุความทางอาญาแทนอายุความทางแพ่ง ดังนี้ ย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินมือเปล่าของโจทก์ แล้วโจทก์ไม่กล้าเข้าทำประโยชน์ในที่ส่วนนั้นอีก เพียงแต่ไปร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวนและตำรวจเท่านั้น ดังนี้เมื่อเป็นเวลาเกิน 1 ปีแล้วนับแต่ถูกแย่งการครอบครอง โจทก์ย่อมหมดสิทธิฟ้องคดีเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองแล้ว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าเป็นของจำเลยและฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย คำฟ้องแย้งเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องกล่าวว่า โจทก์บุกรุกที่ของจำเลยเมื่อใด ตรงไหนโจทก์ก็เข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว และคำฟ้องแย้งของจำเลยเช่นนี้ไม่ใช่การฟ้องเรียกคืนการครอบครอง จึงไม่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375
คู่ความได้ว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้นแต่เพียงว่าจำเลยได้แย่งการครอบครองไปจากโจทก์เกิน 1 ปี อันเป็นเหตุให้โจทก์หมดสิทธิเรียกคืนการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375แล้วหรือไม่เท่านั้น ถ้าโจทก์เพิ่งกล่าวอ้างในชั้นฎีกาว่า ต้องใช้อายุความทางอาญาแทนอายุความทางแพ่ง ดังนี้ ย่อมต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินต้องฟ้องภายใน 1 ปี หากเกินกำหนดจะเสียสิทธิ
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504 มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่ มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้ เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปี นับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินเกิน 1 ปี ทำให้สิ้นสิทธิเรียกร้องคืน
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504 มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 459/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องแย่งการครอบครองที่ดินต้องภายในอายุความ 1 ปี หากเกินกำหนดสิทธิเรียกร้องจะสิ้นสุดลง
ที่ดินที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 พิพาทกันเมื่อปี 2504มีเนื้อที่เพียง 2 ไร่. มิได้พิพาทกันรวมทั้งแปลงตามเนื้อที่พิพาทกันในคดีนี้. เฉพาะที่ดิน 2 ไร่ โจทก์เพิ่งมาฟ้องเมื่อเกินเวลา 1 ปีนับแต่เวลาที่โจทก์อ้างว่าถูกจำเลยที่ 1 แย่งการครอบครอง. ไม่ได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว. จึงย่อมเสียสิทธิที่จะเอาที่ 2 ไร่นั้นคืน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: การรบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียวไม่ทำให้ขาดอายุความ
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลยกฟ้องเนื่องจากฟ้องเกิน 1 ปี และคดีก่อนถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้ เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อนฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้ โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1225/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องแย่งการครอบครอง และฟ้องซ้ำ: ศาลวินิจฉัยฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่ถือเป็นคำพิพากษาถึงที่สุด
จำเลยเข้ารบกวนการครอบครองเพียงครั้งเดียว. โจทก์นำคดีมาฟ้องเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ภายหลังจากที่โจทก์ถูกรบกวนในครั้งนั้น. โจทก์จึงหมดสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อปลดเปลื้องการรบกวนต่อไป.
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์. โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง. และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง. โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก. ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว. ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้. เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน. ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย. เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง. จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้. โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องโจทก์. โดยวินิจฉัยว่าประธานกรรมการและกรรมการบริษัทโจทก์ไม่มีอำนาจลงชื่อแทนบริษัทประการหนึ่ง. และโจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลยเพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครองอีกประการหนึ่ง. โจทก์จึงกลับมาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีก. ดังนี้ เมื่อศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียแล้ว. ก็ย่อมไม่มีอำนาจที่จะวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่เกี่ยวกับฟ้องของโจทก์ได้. เพราะการที่จะวินิจฉัยไปถึงประเด็นอื่นดังกล่าวได้ ฟ้องของโจทก์จะต้องเป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายเสียก่อน. ฉะนั้น ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีก่อนด้วยว่า โจทก์หมดสิทธิฟ้องจำเลย. เพราะไม่ฟ้องภายใน 1 ปี. นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง. จึงเป็นคำวินิจฉัยที่เกินเลยไปจะถือว่ามีคำพิพากษาถึงที่สุดในประเด็นข้อนี้แล้วไม่ได้. โจทก์นำคดีนี้มาฟ้องจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการฟ้องแย่งการครอบครองที่เกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมาย
คู่กรณีพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินราคา 15,000 บาท ศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาล 437.50 บาท เห็นได้ว่าเรียกค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 17,500 บาท (ราคาที่ดินรวมกับค่าเสียหาย) จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 928/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการหมดสิทธิฟ้องร้องเนื่องจากไม่ฟ้องแย่งการครอบครองภายใน 1 ปี
คู่กรณีพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินราคา 15,000 บาทศาลชั้นต้นเรียกค่าขึ้นศาล 437.50 บาท เห็นได้ว่าเรียกค่าขึ้นศาลในทุนทรัพย์ 17,500 บาท (ราคาที่ดินรวมกับค่าเสียหาย) จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว
จำเลยเข้าไปปลูกห้องแถวในที่พิพาทโดยไม่ได้อาศัยสิทธิจากโจทก์แต่อย่างใดเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ถูกแย่งการครอบครอง แต่โจทก์ไม่ได้ฟ้องเรียกคืนภายในกำหนดหนึ่งปี นับแต่วันถูกแย่งครอบครอง โจทก์หมดสิทธิฟ้องร้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 แล้ว