พบผลลัพธ์ทั้งหมด 356 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การนับโทษต่อเมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตแล้ว ก็ยังสามารถให้นับโทษต่อได้
แม้คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษคดีนี้ต่อศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตแล้ว ศาลก็อาจสั่งให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีนั้นอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 721/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ปล้นทรัพย์ด้วยความรุนแรงและการแก้ไขโทษโดยประกาศคณะปฏิวัติ ศาลฎีกาพิพากษากลับตามรูปคดี
จำเลยทั้งสองกับพวกใช้ปืนขู่เอาช้าง 2เชือกจากควาญช้าง แล้วบังคับให้ควาญช้าง 2 คนนั้นขี่ช้าง คนละเชือกจำเลยทั้งสองไล่ช้างให้เดินไป เมื่อไปได้ 2 กิโลเมตร จำเลยทั้งสองกับพวกให้ควาญช้างล่ามช้างไว้กับต้นไม้ จำเลยที่ 2 ใช้ผ้าขาวม้ามัดข้อมือควาญช้างทั้งสองคนติดกัน พวกของจำเลยคนหนึ่งใช้ปืนยิงช้างทีละเชือกเมื่อช้างตายจำเลยทั้งสองกับพวกใช้มีดชำแหละเอางาช้างไป การกระทำของจำเลยทั้งสองกับพวกเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
เมื่อปรากฏว่าในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ออกใช้บังคับ โดยข้อ 14ของประกาศดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมให้ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 4 มีโทษเบากว่าเดิมศาลฎีกาต้องลงโทษจำเลยตามประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2333/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการลงโทษฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืน ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขโทษให้ถูกต้องได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 6 ฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง จำเลยทั้งสี่นี้อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 3 ด้วยจำเลยที่ 6 ฎีกา ขอให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 3 และที่ 6 กระทำผิดตามฟ้อง และเมื่อพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับเรื่องใช้ปืนยิงแล้ว เห็นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับพวกมิได้ใช้ปืนยิงในการปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้ฎีกาด้วยศาลฎีกาก็มีอำนาจแก้ไขลงโทษจำเลยให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยฎีกาในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดีแพ่ง: ศาลฎีกาจะไม่วินิจฉัยเกินประเด็นที่ฎีกาขอ หากโจทก์พอใจในโทษ
คดีอาญาซึ่งโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายนั้น ประเด็นโดยตรงแห่งคดีมีแต่เพียงว่าจำเลยกระทำผิดโดยประมาทหรือไม่ การที่ศาลล่างกล่าวหาผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยนั้น เป็นเพียงเพื่อจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยเท่านั้น และข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งศาลที่จะพิจารณาคดีส่วนแพ่งจะต้องถือตามนั้นก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีอาญาโดยตรงเท่านั้น เมื่อโจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่าคดีควรฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้ประมาทด้วย ส่วนข้ออื่น ๆรวมทั้งโทษที่ศาลอุทธรณ์วางไว้โจทก์พอใจแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้ เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตการวินิจฉัยฎีกาในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับคดีแพ่ง ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยประเด็นที่โจทก์ไม่ขอให้เปลี่ยนแปลงโทษ
คดีอาญาซึ่งโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นตายนั้น ประเด็นโดยตรงแห่งคดีมีแต่เพียงว่า จำเลยกระทำผิดโดยประมาทหรือไม่ การที่ศาลล่างกล่าวหาผู้ตายมีส่วนประมาทอยู่ด้วยนั้นเป็นเพียงเพื่อจะนำมาใช้ประกอบดุลพินิจในการกำหนดโทษจำเลยเท่านั้น และข้อเท็จจริงในคดีอาญาซึ่งศาลที่จะพิจารณาคดีส่วนแพ่งจะต้องถือตามนั้นก็ต้องเป็นข้อเท็จจริงซึ่งเป็นประเด็นแห่งคดีอาญาโดยตรงเท่านั้น เมื่อโจทก์ฎีกาเพียงข้อเดียวว่าคดีควรฟังว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาทฝ่ายเดียว ผู้ตายมิได้ประมาทด้วย ส่วนข้ออื่น ๆรวมทั้งโทษที่ศาลอุทธรณ์วางไว้โจทก์พอใจแล้ว ดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่วินิจฉัยให้เพราะไม่เป็นประโยชน์แก่คดีนี้แต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1737/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษพยายามฆ่า: ประเด็นประสิทธิภาพอาวุธปืน, เจตนา, และการแก้ไขคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 81, 288, 83 ประกอบด้วยมาตรา 53 (2)ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 และลดโทษตามมาตรา 78ให้อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 83 ประกอบด้วยมาตรา 53 (1)ลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งตามมาตรา 75 และลดโทษตามมาตรา 78ให้อีกกึ่งหนึ่งแล้ว จำคุก 4 ปี ดังนี้ เป็นการพิพากษาแก้ทั้งบททั้งโทษจึงเป็นการแก้ไขมาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และ 220
ใช้ปืนแก๊ปยาวยิง 2 นัด ขณะผู้เสียหายเดินมาห่างจำเลย4 - 5 วา กระสุนปืนถูกใบหน้า คือ ที่หน้าผาก 2 รู โดนจมูกและเข้าตาขวาตาขวาบอด ถูกยิงแล้วโลหิตไหลเต็มใบหน้าตามพฤติการณ์แสดงชัดว่ากระสุนปืนเฉียดเฉียงไป ไม่ถูกด้านตรง กระสุนปืนจึงไม่เจาะลึกเข้าไปภายในศีรษะและใบหน้า ผู้เสียหายจึงไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต ตามธรรมดาอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ใช้ประหัตประหารกันให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายและแน่นอนกว่าอาวุธอื่น จะสันนิษฐานว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่มีประสิทธิภาพเพราะผู้เสียหายถูกยิงในระยะใกล้ แต่ได้รับอันตรายเพียงบาดเจ็บไม่ถึงแก่ความตายหาได้ไม่
ใช้ปืนแก๊ปยาวยิง 2 นัด ขณะผู้เสียหายเดินมาห่างจำเลย4 - 5 วา กระสุนปืนถูกใบหน้า คือ ที่หน้าผาก 2 รู โดนจมูกและเข้าตาขวาตาขวาบอด ถูกยิงแล้วโลหิตไหลเต็มใบหน้าตามพฤติการณ์แสดงชัดว่ากระสุนปืนเฉียดเฉียงไป ไม่ถูกด้านตรง กระสุนปืนจึงไม่เจาะลึกเข้าไปภายในศีรษะและใบหน้า ผู้เสียหายจึงไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต ตามธรรมดาอาวุธปืนเป็นอาวุธที่ร้ายแรง ใช้ประหัตประหารกันให้ถึงแก่ความตายได้ง่ายและแน่นอนกว่าอาวุธอื่น จะสันนิษฐานว่าปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่มีประสิทธิภาพเพราะผู้เสียหายถูกยิงในระยะใกล้ แต่ได้รับอันตรายเพียงบาดเจ็บไม่ถึงแก่ความตายหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2247/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
โทษตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2469: ปรับรวมสำหรับความผิดครั้งเดียว
โทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ทวิแม้จะมิได้บัญญัติว่าสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ เหมือนดังที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ก็ตามก็มีความหมายว่าเป็นโทษสำหรับความผิดครั้งหนึ่ง ๆ เช่นเดียวกัน จึงต้องปรับจำเลยทุกคนรวมกัน จะนำเอาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 31 ที่ให้ปรับเรียงตามตัวบุคคลมาในกรณีนี้ไม่ได้เพราะ พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 ได้บัญญัติไว้เป็นพิเศษแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 211-212/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาโทษอาญาคดีใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่น ศาลฎีกาพิจารณาความร้ายแรงของอาวุธและบาดแผล
จำเลยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นซึ่งมีลูกกระสุนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 7 มิลลิเมตร ยิงนาย ค. ในระยะ 3 วา มีรอยกระสุนปืน 4 แห่ง ๆ ละ 1 แผลคือที่แขนซ้าย ก้นกบ ข้างตะโพกซ้าย และที่ขาขวา จากการถ่ายภาพรังษีพบมีกระสุนปืนในเนื้อเยื่อแห่งละ 1 นัด รักษาตัวในโรงพยาบาล 4 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายใน 14 วัน และจำเลยได้ยิงนาย ส. มีรอยกระสุนหลายรอยที่บริเวณตะโพกซ้าย บริเวณรอบแผลบวมและช้ำ รักษาตัวในโรงพยาบาล 7 วัน ถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนจะหายใน 20 วัน และได้ความจากแพทย์ว่าถ้าผู้เสียหายทั้งสองไม่มารับการรักษาที่โรงพยาบาลทันทีและมีโลหิตออกมากเกินควรอาจถึงแก่ชีวิตได้แสดงว่าอาวุธปืนที่จำเลยใช้ยิงมีประสิทธิภาพร้ายแรง อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แม้จะถูกอวัยวะในที่ซึ่งไม่สำคัญ กรณีจึงต้องปรับด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาที่ไม่รับพิจารณาเนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจโทษของศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 220
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 1,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำคุก 1 ปีสถานเดียว และไม่รอการลงโทษ คู่ความจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 จำเลยจึงฎีกาในเรื่องดุลพินิจขอให้วางโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 124/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิ่มลดโทษตามมาตรา 54 และผลกระทบของพระราชบัญญัติล้างมลทินต่อการกักกัน
ศาลชั้นต้นกำหนดโทษจำคุกจำเลย และให้เพิ่มโทษตามมาตรา 93 กึ่งหนึ่งกับลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง ดังนี้ ส่วนของการเพิ่มเท่ากับส่วนของการลด ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจเห็นสมควรไม่เพิ่มไม่ลดโทษที่กำหนดไว้นั้นได้ ตามมาตรา 54 ประมวลกฎหมายอาญาจำเลยไม่อาจอ้างได้ว่าส่วนของการเพิ่มน้อยกว่าส่วนของการลดถ้าหากเพิ่มโทษเสียก่อนแล้วลดในภายหลัง
จำเลยพ้นจากการกักกันภายหลังวันที่ 13 พฤษภาคม 2500 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ใช้บังคับย่อมไม่ได้รับผลการล้างมลทินตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยอาจถูกพิพากษาให้กักกันในฐานที่เป็นผู้เคยถูกศาลพิพากษาให้กักกันมาแล้วได้
จำเลยพ้นจากการกักกันภายหลังวันที่ 13 พฤษภาคม 2500 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ ใช้บังคับย่อมไม่ได้รับผลการล้างมลทินตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จำเลยอาจถูกพิพากษาให้กักกันในฐานที่เป็นผู้เคยถูกศาลพิพากษาให้กักกันมาแล้วได้