พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้หลังมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หนี้เดิมยังคงมีผลบังคับใช้ ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้
ลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค ซึ่งเป็นหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94 แม้ต่อมาจะมีการทำสัญญาขายลดเช็คฉบับใหม่เพื่อเปลี่ยนกับสัญญาเดิมอันเป็นการแปลงหนี้ใหม่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วซึ่งลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำตามมาตรา 24 การ แปลงหนี้ใหม่จึงไม่สมบูรณ์หนี้เดิมย่อมยังไม่ระงับสิ้นไปตามบทบัญญัติมาตรา 351 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ผู้ขอรับชำระหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้หลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไม่สมบูรณ์ หนี้เดิมยังคงมีผล ผู้ขอรับชำระหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้
ลูกหนี้เป็นหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ตามสัญญาขายลดเช็ค ซึ่งเป็นหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 94แม้ต่อมาจะมีการทำสัญญาขายลดเช็คฉบับใหม่ เพื่อเปลี่ยนกับสัญญาเดิมอันเป็นการแปลงหนี้ใหม่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วซึ่งลูกหนี้ต้องห้ามมิให้กระทำตามมาตรา 24 การ แปลงหนี้ใหม่จึงไม่สมบูรณ์หนี้เดิมย่อมยังไม่ระงับสิ้นไปตามบทบัญญัติมาตรา 351 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ขอรับชำระหนี้จึงมีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3204/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาต่างตอบแทนยังไม่สมบูรณ์ ไม่เป็นเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.350
โจทก์มีข้อตกลงอยู่กับจำเลยที่ 1ในลักษณะเป็นสัญญาต่างตอบแทนเมื่อโจทก์ยังมิได้ชำระหนี้ 40,000 บาท ที่เหลือแก่จำเลยที่ 1สิทธิเรียกร้องที่จะให้จำเลยที่ 1 โอนตึกและที่ดินพิพาทตามข้อตกลงยังมิอาจบังคับกันได้ โจทก์จึงไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าหนี้ของจำเลยที่ 1 ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์-หลักฐานพิรุธ-สิทธิรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย
สัญญากู้ยืมที่เจ้าหนี้อ้างส่งไว้แล้วในศาลชั้นต้นปิดอากรแสตมป์ไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย เจ้าหนี้มิได้ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตนำสัญญากู้ยืมไปปิดแสตมป์ให้บริบูรณ์ก่อนศาลชั้นต้นชี้ขาดตัดสินคดีเพิ่งขอมาในชั้นฎีกา จึงไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะอนุญาต ดังนั้น จึงใช้เป็นพยานหลักฐานแห่งการกู้ยืมไม่ได้ เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย มีหน้าที่นำพยานหลักฐานมาแสดงต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เพื่อพิสูจน์ ว่าหนี้ที่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้มีอยู่จริง เจ้าหนี้จึงจะมีสิทธิได้รับชำระหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญากู้ยืมไม่สมบูรณ์เมื่อไม่มีการส่งมอบเงิน ผู้กู้มีสิทธิโต้แย้งและนำสืบได้
การกู้ยืมเงินเข้าลักษณะยืมใช้สิ้นเปลือง ย่อมบริบูรณ์ต่อ เมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม จำเลยย่อมนำสืบได้ว่าจำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ อันเป็นการนำสืบว่าจำเลยมิได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์ ซึ่งเป็นเหตุให้สัญญากู้ไม่บริบูรณ์ ทั้งไม่มีมูลหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลย ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3869/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องอาญาไม่สมบูรณ์หากมิได้ระบุข้อกฎหมายรอง (กฎกระทรวง) ที่จำเลยฝ่าฝืน แม้มีกฎหมายหลักรองรับ
ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองตามกฎหมายไว้ในความครอบครอง โดยมิได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ฯลฯ มิได้กล่าวอ้างกฎกระทรวงฉบับที่ 11(พ.ศ. 2520) ออกตามความในพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 อันเป็นกฎหมายที่จำเลยฝ่าฝืนไว้ในฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2526)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยื่นค่าใช้จ่ายเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐานไม่ถือเป็นเท็จตามกฎหมาย หากเป็นเพียงการยื่นเอกสารไม่สมบูรณ์
พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ไม่มีบทมาตราใดที่บัญญัติว่า การยื่นรายการค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินหรือมีหลักฐานการจ่ายเงินไม่ครบถ้วนตาม มาตรา 34(3) ให้ถือว่าการยื่นรายการค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นเท็จตาม มาตรา 87 ฉะนั้นการยื่นรายการค่าใช้จ่ายเป็นเท็จที่จะต้องรับโทษตาม มาตรา 87 จึงหมายถึงการยื่นรายการค่าใช้จ่ายที่ไม่ตรงกับค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่จำเลยได้จ่ายไปจริง การที่จำเลยไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินตามรายการที่ยื่นไว้ให้ครบถ้วนตาม มาตรา 34 (3) เป็นการยื่นที่บกพร่องหรือไม่สมบูรณ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ซึ่งไม่มีบทกำหนดโทษเอาไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และขาดเจตนา การฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยสัญญาที่ไม่ถูกต้อง
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 70,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้ ต่อมาฝ่ายโจทก์ได้เขียนกรอกข้อความในสัญญาและเขียนจำนวนเงินกู้เป็น 136,770 บาท โดยจำเลยทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินหรือค้ำประกันตามจำนวนเงินที่ปรากฏในสัญญานั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยหลักฐานสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1624/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาที่ไม่สมบูรณ์และข้อตกลงที่แตกต่างกัน: สิทธิเรียกร้องจากการกู้ยืมและค้ำประกัน
จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ไป 70,000 บาท โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน แต่จำเลยทั้งสองได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินและสัญญาค้ำประกันโดยไม่ได้กรอกข้อความให้โจทก์ไว้ ต่อมาฝ่ายโจทก์ได้เขียนกรอกข้อความในสัญญาและเขียนจำนวนเงินกู้เป็น 136,770 บาท โดยจำเลยทั้งสองมิได้กู้ยืมเงินหรือค้ำประกันตามจำนวนเงินที่ปรากฏในสัญญานั้น โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีโดยอาศัยหลักฐานสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันดังกล่าวได้
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและสัญญาค้ำประกันฉบับระบุจำนวนเงินกู้ 136,770 บาท ไม่ได้ฟ้องโดยอาศัยสัญญากู้ยืมและค้ำประกันจำนวน 70,000 บาท ตามที่จำเลยยอมรับ ศาลจะพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 70,000 บาทตามที่จำเลยยอมรับไม่ได้ เพราะสัญญาฉบับที่โจทก์ฟ้องกับสัญญาที่จำเลยยอมรับเป็นคนละฉบับกัน และโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดใช้เงินให้ตามสัญญาที่จำเลยยอมรับ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความระมัดระวังของผู้ซื้อเช็คลดราคา การชำระหนี้ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิในการเรียกร้อง
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)