คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
พยานหลักฐาน

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เอกสารที่ยื่นเพิ่มเติมหลังศาลอุทธรณ์ไม่เป็นพยานหลักฐาน สัญญาค้ำประกันยังผูกพัน
เอกสารของคู่ความที่แนบท้ายคำแถลงการณ์ซึ่งยื่นในชั้นศาลอุทธรณ์มิใช่พยานหลักฐานที่ได้อ้างและยื่นต่อศาลโดยถูกต้องตามกระบวนพิจารณาศาลฎีกาย่อมไม่รับวินิจฉัย
ลูกหนี้ทำหนังสือรับรองต่อเจ้าหนี้ว่าจะชำระหนี้ให้ภายในกำหนด 1 เดือน ดังนี้ เป็นหนังสือที่ลูกหนี้ทำขึ้นฝ่ายเดียวให้แก่เจ้าหนี้เพื่อเป็นหลักฐานการรับสภาพหนี้ของลูกหนี้ ไม่ใช่ลูกหนี้และเจ้าหนี้ตกลงกันใหม่ที่จะให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากฐานะผู้ค้ำประกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 918/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำสืบพยานหลักฐานเรื่องการกู้ยืมเงินและโอนที่ดินชำระหนี้ ศาลฎีกาพิจารณาได้ตามข้อเท็จจริงที่จำเลยให้การ
ศาลเป็นผู้พินิจพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยตามที่นำสืบมาในสำนวน การตรวจพิจารณาลายเซ็นชื่อของโจทก์ในสัญญากู้เปรียบเทียบกับลายเซ็นชื่อของโจทก์ในเอกสารต่างๆ ตามที่ปรากฏในสำนวนก็เป็นการพิจารณาอย่างหนึ่งที่ศาลมีอำนาจกระทำได้
จำเลยให้การโดยชัดแจ้งว่าโจทก์กู้ยืมเงินจำเลยไป 5,000 บาท ต่อมาไม่มีเงินชำระเงินต้น โจทก์จึงเอาส่วนพิพาทตีราคาใช้หนี้จำเลยในราคา 3,000 บาท โดยทำสัญญายกสวนให้จำเลย ดังนี้ จำเลยย่อมนำสืบได้ ส่วนการที่ต้องทำสัญญาเป็นสัญญายกให้ก็เนื่องจากเจ้าหน้าที่ขัดข้องที่จะทำสัญญาเป็นสัญญาซื้อขาย จึงต้องทำเป็นสัญญายกให้ตามที่เจ้าหน้าที่ชี้แจง ซึ่งเป็นการนำสืบแสดงถึงเหตุที่ต้องทำเป็นสัญญายกให้เท่านั้น ถึงแม้จำเลยจะมิได้ให้การไว้โดยชัดแจ้ง จำเลยก็นำสืบได้ มิใช่จำเลยนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารและนำสืบนอกประเด็นข้อต่อสู้แต่อย่างใด
ข้อที่ว่าจำเลยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือแสดงว่าได้มีการชำระหนี้ 3,000 บาทมาแสดงต่อศาล โจทก์มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์นี้ ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 905/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับคำให้การ, การนำสืบพยานหลักฐาน, และการสืบพยานบุคคลแทนเอกสารสัญญาซื้อขาย
จำเลยยื่นคำร้องมีข้อความว่า จำเลยขอให้การปฏิเสธ และติดใจที่จะต่อสู้คดี ไม่ขอให้การใดๆ ก่อนสืบพยานโจทก์ และต่อมาในระยะเวลาที่จำเลยจะยื่นคำให้การได้ จำเลยยื่นคำให้การต่อสู้คดีไว้ ดังนี้ ศาลชอบที่จะรับคำให้การของจำเลยไว้ได้ หาใช่จำเลยได้แสดงความจำนงไม่ใช้สิทธิต่อสู้คดีไม่
เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่า ส.ค. 1 ของจำเลยเป็นเอกสารปลอม โจทก์จะต้องนำสืบข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างนั้น การที่โจทก์แถลงคัดค้านไว้ ไม่ทำให้หน้าที่นำสืบของโจทก์เปลี่ยนแปลงไป
จำเลยขอสืบพยานบุคคลแทนหนังสือสัญญาซื้อขาย ระบุชัดแจ้งว่าหนังสือสัญญาหายสาปสูญค้นหาไม่พบ โจทก์คัดค้านแต่เพียงว่า เป็นคำร้องกำกวมเคลือบคลุม ศาลย่อมอนุญาตให้จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 868/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความเช็ค 1 ปี, การต่อสู้เรื่องการชำระเงิน, การนำสืบพยานคดีซื้อขาย
อายุความในการที่ผู้ทรงเช็คฟ้องผู้สั่งจ่ายเช็คนั้น มีกำหนดเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เช็คถึงกำหนดมิใช่ 6 เดือน
หนังสือสัญญาขายที่ดินมีข้อความว่า จำเลยชำระเงินค่าที่ดินรายนี้เสร็จแล้วแต่โจทก์นำพยานบุคคลเข้าสืบว่าโจทก์ไม่ได้รับเงิน ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าจำเลยชำระค่าที่ดินด้วยเช็คแต่ขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยต่อสู้ว่าได้ชำระค่าที่ดินด้วยเงินสด มิใช่ชำระด้วยเช็คโจทก์จึงนำสืบได้ตามฟ้องว่าตามสัญญาดังกล่าว เพราะจำเลยได้ออกเช็ครายพิพาทให้โจทก์ยึดถือไว้ ต่อมาจำเลยผิดนัดผิดสัญญาการชำระเงินตามเช็ค โจทก์ขอให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามเช็ค จึงไม่เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องคดีของหญิงไม่ได้จดทะเบียนสมรส และการรับฟังพยานหลักฐานการเช่า
หญิงที่แต่งงานโดยมิได้จดทะเบียนสมรสมีอำนาจฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากสามี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าที่พิพาทโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ต่อมาจำเลยกลับอ้างว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย จึงขอให้ขับไล่ ดังนี้ เป็นการฟ้องจำเลยฐานละเมิด มิได้อาศัยสิทธิการเช่า การนำสืบถึงการเช่าจึงไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ศาลรับฟังพยานบุคคลได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐาน: ภาพถ่ายเอกสารไม่ใช่ต้นฉบับ และหลักการวินิจฉัยนอกฟ้อง
ภาพถ่ายเอกสาร (ซึ่งถ่ายจากต้นฉบับ) ไม่ใช่ต้นฉบับของเอกสาร. จึงต้องห้ามมิให้รับฟัง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 93.
ฟ้องว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาเช่าหุ้นส่วน เมื่อศาลไม่เชื่อว่าเป็นหุ้นส่วนกันตามหนังสือสัญญาหุ้นส่วนนั้น. ศาลจะนำพฤติการณ์อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องมาวินิจฉัยว่ามีหุ้นส่วนกันมิได้. เพราะเป็นการวินิจฉัยนอกฟ้อง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ศาลไม่จำเป็นต้องชี้สองสถานหากพยานหลักฐานเพียงพอ และไม่ต้องวินิจฉัยทุกประเด็นหากข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นเพียงพอ
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมิได้บังคับให้ศาลจำต้องชี้สองสถานเสมอไป ฉะนั้น การที่ศาลมิได้ชี้สองสถานในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่จำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้โจทก์ทำขึ้นเอง และลายเซ็นช่องผู้กู้ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลยนั้น จึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมาย
การวินิจฉัยพยานหลักฐานนั้น เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นวินิจฉัยเพียงพอแก่การชี้ขาดแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นขึ้นวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการวินิจฉัยพยานหลักฐานและการไม่ชี้สองสถาน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มิได้บังคับให้ศาลจำต้องชี้สองสถานเสมอไปฉะนั้น การที่ศาลมิได้ชี้สองสถานในคดีที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้ แต่จำเลยต่อสู้ว่าสัญญากู้โจทก์ทำขึ้นเอง และลายเซ็นช่องผู้กู้ไม่ใช่ลายเซ็นของจำเลยนั้นจึงไม่เป็นการขัดต่อกฎหมาย
การวินิจฉัยพยานหลักฐานนั้น เมื่อศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นวินิจฉัยเพียงพอแก่การชี้ขาดแล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหยิบยกข้อเท็จจริงอื่นขึ้นวินิจฉัยต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 243/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้คำรับสารภาพชั้นสอบสวนประกอบพยานหลักฐานอื่น และการขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน
คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนไว้โดยชอบย่อมใช้เป็นพยานหลักฐานยันจำเลยได้และศาลย่อมอาศัยคำรับสารภาพของจำเลยชั้นสอบสวนประกอบคำพยานบุคคลของโจทก์ได้
การกระทำของจำเลยที่ฟังได้ว่าจำเลยใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อขู่เจ้าพนักงานตำรวจไม่ให้ไล่จับจำเลยต่อไปนั้น เป็นการกระทำส่วนหนึ่งตามฟ้องของโจทก์ที่บรรยายว่า จำเลยบังอาจต่อสู้ขัดขวางการจับกุมของเจ้าพนักงานโดยใช้อาวุธปืนยิงแม้จะยังไม่ถึงขั้นยิงทำร้ายเจ้าพนักงานโดยเจตนาฆ่าก็หาใช่นอกข้อหาคำฟ้องของโจทก์ไม่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ยังลงโทษจำเลยตามข้อเท็จจริงนั้นได้
การที่จำเลยยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อขู่ตำรวจมิให้ไล่จับกุมจำเลยต่อไปนั้นเป็นการขัดขวางเจ้าพนักงานมิให้จับกุมจำเลยหรือมิให้ปฏิบัติการตามหน้าที่ ตามความหมายในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 138 บัญญัติเป็นความผิดแล้ว ต้องลงโทษตามมาตรา 140

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1633/2509

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความคลาดเคลื่อนวันเกิดเหตุในฟ้อง ไม่กระทบต่อการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษา
จำเลยฎีกาว่าพยานโจทก์เบิกความ วันเกิดเหตุแตกต่างกับวันที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ศาลต้องยกฟ้อง ได้ความว่าโจทก์ฟ้องว่าเหตุเกิดวันที่ 3 กรกฎาคม 2508 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 5 ค่ำ เดือน 8 ในชั้นพิจารณาจำเลยคนหนึ่งและพยานของจำเลยผู้ฎีกาเบิกความว่าเหตุเกิดตรงกับวันที่โจทก์กล่าวในฟ้อง จำเลยเองก็เบิกความรับว่าเหตุเกิดที่บ้านนายช่วงนางพุ่มซึ่งมีงานบวชนาค จำเลยกับผู้ตายต่างไปที่บ้านงาน และรับว่าเหตุเกิดตรงตามเวลาที่โจทก์ฟ้อง ดังนี้ เห็นได้ว่าการที่พยานโจทก์บางคนเบิกความถึงวันเกิดเหตุว่า เหตุเกิดวันขึ้น 3 ค่ำเดือน 8 ผิดพลาดไปจากที่กล่าวในฟ้องนั้น อาจเนื่องจากจำผิดพลาดก็ได้ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
of 259