คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
เลิกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,045 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2806-2807/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สถานะองค์การฟอกหนังกับการคุ้มครองแรงงาน: การเลิกจ้างและการจ้างใหม่
ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดตั้งองค์การรัฐบาล มาตรา 3การจัดตั้งองค์การให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และมาตรา 4 ให้องค์การที่จัดตั้งขึ้นเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายองค์การฟอกหนัง จำเลยจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การฟอกหนัง มิได้มีบทบัญญัติให้จำเลยเป็นหน่วยงานหรือกรมหรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมสังกัดอยู่ในกระทรวงกลาโหม ทั้งตามมาตรา 6 และ 7 แห่ง พระราชกฤษฎีกาดังกล่าว จำเลยมีวัตถุประสงค์ในทางการค้ามิใช่หน่วยงานบริหารราชการแผ่นดิน จำเลยจึงมิใช่ราชการส่วนกลางตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 1(1)
ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การฟอกหนังได้กำหนดวัตถุประสงค์ขององค์การฟอกหนังจำเลยไว้ตามมาตรา 6(3) และ (4) ที่จะผลิตและประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับหรือต่อเนื่องกับอุตสาหกรรมฟอกหนังและสินค้าสำเร็จรูปจากหนังฟอกหรือจากวัตถุอย่างอื่นแทนหนังฟอกได้มาตรา 7(3)(4)(7)(9) ให้จำเลยมีอำนาจทำการค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ขององค์การทุกชนิดร่วมการงาน หรือสมทบกับบุคคลอื่นรวมทั้งการเข้าหุ้นส่วนจำพวกจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วน หรือถือหุ้นในบริษัทจำกัด รับเป็นสาขาตัวแทน ตัวแทนค้าต่างอันเกี่ยวกับกิจการตามวัตถุประสงค์และกระทำกิจการอื่นใดเกี่ยวกับการผลิตการค้าซึ่งเครื่องอุตสาหกรรมหนังหรือที่ต่อเนื่อง ดังนี้องค์การจำเลยได้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อแสวงกำไรในทางเศรษฐกิจ ไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 2
เมื่อจำเลยเป็นองค์การของรัฐที่มิได้รับการยกเว้น การใช้บังคับประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ทั้งได้ความว่าจำเลยจ้างโจทก์ให้ทำงานโดยมีค่าจ้างเป็นประโยชน์ตอบแทนตรงตามความหมายของคำว่านายจ้างลูกจ้างตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน การที่จำเลยวางระเบียบข้อบังคับการทำงานและอื่น ๆ เหมือนหรืออ้างอิงระเบียบของทางราชการ หาทำให้จำเลยไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายแรงงานไม่
การที่จำเลยออกคำสั่งให้โจทก์พ้นจากตำแหน่งและได้รับเงินบำเหน็จตามระเบียบข้อบังคับนั้น เป็นการเลิกจ้างโจทก์ฐานเป็นลูกจ้างขาดตอนไป ที่จำเลยมีคำสั่งใหม่แม้จะเป็นวันเดียวกันให้จ้างโจทก์ต่อไป ก็เป็นการจ้างโจทก์ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2800-2801/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและการจ่ายค่าเสียหายระหว่างถูกเลิกจ้าง: ศาลมีอำนาจสั่งจ่ายค่าเสียหายแม้สั่งให้กลับเข้าทำงาน
การที่ลูกจ้างข่มขู่นายจ้าง ถือว่ามีเหตุอันสมควรที่นายจ้างจะเลิกจ้างลูกจ้างได้ มิใช่เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ลูกจ้างไม่มีสิทธิได้รับค่าเสียหาย
การที่นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ทำให้ลูกจ้างเสียหายนายจ้างต้องรับผิดในค่าเสียหายของลูกจ้างในระหว่างที่นายจ้างเลิกจ้าง ศาลมีอำนาจให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายในระหว่างเลิกจ้าง ในเมื่อศาลได้สั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงานต่อไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างที่ศาลแรงงานอนุญาต ย่อมไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม
นายจ้างขออนุญาตศาลแรงงานให้เลิกจ้างกรรมการลูกจ้างศาลแรงงานมีคำสั่งอนุญาต คดีถึงที่สุด แล้วต่อมาลูกจ้างร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าการเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ดังนี้ แม้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะมีคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานก็ไม่มีผลบังคับเพราะไม่มีอำนาจวินิจฉัยได้ทั้งนี้เนื่องจากมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ ได้ให้อำนาจศาลแรงงานที่จะอนุญาตให้นายจ้างเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ฉะนั้น เมื่อนายจ้างเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามที่ศาลแรงงานอนุญาตแล้ว จึงหาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2675/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างที่ศาลแรงงานอนุญาต ย่อมไม่เป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมตามกฎหมายแรงงานสัมพันธ์
นายจ้างขออนุญาตศาลแรงงานให้เลิกจ้างกรรมการลูกจ้างศาลแรงงานมีคำสั่งอนุญาต คดีถึงที่สุด แล้วต่อมาลูกจ้างร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ว่าการเลิกจ้างดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ดังนี้ แม้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์จะมีคำสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างกลับเข้าทำงานก็ไม่มีผลบังคับเพราะไม่มีอำนาจวินิจฉัยได้ทั้งนี้เนื่องจากมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ฯ ได้ให้อำนาจศาลแรงงานที่จะอนุญาตให้นายจ้างเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างไม่ว่าจะเป็นกรณีใดๆ ฉะนั้น เมื่อนายจ้างเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างตามที่ศาลแรงงานอนุญาตแล้ว จึงหาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมแต่อย่างใดไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โอนการจ้างไม่ใช่เลิกจ้าง: สิทธิค่าชดเชยเมื่อมีการเปลี่ยนนายจ้าง
การที่โจทก์พ้นจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยแล้วเข้าเป็นลูกจ้างของบริษัท ส. นั้น โจทก์ได้ทำงานรับจ้างต่อไป ตามเดิม ได้รับสิทธิและประโยชน์ต่างๆ จากนายจ้างคนใหม่เช่นที่เคยได้รับอยู่เดิมและได้นับระยะเวลาการทำงานระหว่างเป็นลูกจ้างของจำเลยกับเป็นลูกจ้างของบริษัท ส.ติดต่อกัน ดังนี้ เห็นได้ว่ามิได้มีการเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีการจ้างต่อไปตามเดิม เพียงแต่เปลี่ยนตัวนายจ้างจากจำเลยเป็นบริษัทส. เท่านั้น จึงเป็นเรื่องโอนการจ้างหาใช่เลิกจ้างไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชยจากจำเลย
แม้การโอนการจ้างนี้จะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับบริษัท ส. ก็ถือได้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยโดยปริยายเพราะกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบผูกพันต่อโจทก์ในเรื่องการว่าจ้างทำงานในโรงงานแห่งนี้ หากจำเลยดำเนินการตามสัญญาเช่าไม่ได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องรับโจทก์เป็นลูกจ้างต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนการจ้างไม่ใช่การเลิกจ้าง: สิทธิค่าชดเชยเมื่อมีการเปลี่ยนนายจ้าง
การที่โจทก์พ้นจากการเป็นลูกจ้างของจำเลยแล้วเข้าเป็นลูกจ้างของบริษัท ส. นั้น โจทก์ได้ทำงานรับจ้างต่อไป ตามเดิม ได้รับสิทธิและประโยชน์ต่างๆ จากนายจ้างคนใหม่เช่นที่เคยได้รับอยู่เดิมและได้นับระยะเวลาการทำงานระหว่างเป็นลูกจ้างของจำเลยกับเป็นลูกจ้างของบริษัท ส.ติดต่อกัน ดังนี้ เห็นได้ว่ามิได้มีการเลิกจ้างโจทก์ยังคงมีการจ้างต่อไปตามเดิม เพียงแต่เปลี่ยนตัวนายจ้างจากจำเลยเป็นบริษัทส. เท่านั้น จึงเป็นเรื่องโอนการจ้างหาใช่เลิกจ้างไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิได้ค่าชดเชยจากจำเลย
แม้การโอนการจ้างนี้จะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกรมโรงงานอุตสาหกรรมกับบริษัท ส. ก็ถือได้ว่ากรมโรงงานอุตสาหกรรมกระทำในฐานะเป็นตัวแทนของจำเลยโดยปริยายเพราะกรมโรงงานอุตสาหกรรมมีความรับผิดชอบผูกพันต่อโจทก์ในเรื่องการว่าจ้างทำงานในโรงงานแห่งนี้ หากจำเลยดำเนินการตามสัญญาเช่าไม่ได้ กรมโรงงานอุตสาหกรรมก็ต้องรับโจทก์เป็นลูกจ้างต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2487/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การละทิ้งหน้าที่งานต่อเนื่อง แม้มีวันหยุดคั่น นายจ้างมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯข้อ 47ที่กำหนดให้นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างประจำ ที่ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันนั้นมุ่งหมายมิให้ลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ครั้งเดียวกันหลายวันทำงานฉะนั้น เมื่อลูกจ้างละทิ้งหน้าที่ในวันที่ 18, 19, 20, 21, 22และ 23 แม้วันที่ 19, 21 และ 22 จะเป็นวันหยุดก็ตาม ก็เป็นการละทิ้งหน้าที่ครั้งเดียวกัน ความเสียหายของนายจ้างไม่น้อยไปกว่าลูกจ้างละทิ้งหน้าที่สามวันทำงานโดยไม่มีวันหยุดคั่นจึงถือได้ว่าโจทก์ละทิ้งหน้าที่ตามประกาศดังกล่าวแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 246/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าชดเชยเลิกจ้างเป็นหนี้ตามกฎหมาย แยกจากค่าเสียหายอันเกิดจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม
ค่าชดเชยตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานเป็นหนี้ตามกฎหมายที่นายจ้างจะต้องจ่ายแก่ลูกจ้างประจำเมื่อเลิกจ้าง โดยมิต้องคำนึงถึงว่าการเลิกจ้างนั้นนายจ้างได้ฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ว่าด้วยการกระทำอันไม่เป็นธรรมหรือไม่ และถ้าการเลิกจ้างนั้นคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์มีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่าเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายแก่ลูกจ้างนายจ้างก็จะต้องชำระแก่ลูกจ้างอีกส่วนหนึ่งต่างหากจากค่าชดเชย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2426/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจแต่ผู้เดียว
ลูกจ้างฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า การที่นายจ้างเลิกจ้างเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม ขอให้นายจ้างรับกลับเข้าทำงานกับให้ใช้ค่าเสียหาย ปรากฏว่านายจ้างถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดก่อนฟ้องแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจต่อสู้คดีใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินของนายจ้างได้แต่ผู้เดียวตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ เมื่อการที่ลูกจ้างฟ้องเป็นการขอบังคับชำระหนี้เอาแก่นายจ้าง ศาลย่อมไม่รับฟ้องไว้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 893/2510)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2415-2420/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจ้างงานช่วงและลูกจ้างมีกำหนดเวลา: จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยหากเลิกจ้างตามกำหนดสัญญา
จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างเพื่อปฏิบัติงานตามโครงการสำรวจที่ดินเพื่อเวนคืนโดยครั้งแรกคาดว่างานตามโครงการจะเสร็จภายใน 8 เดือน แต่เมื่องานไม่เสร็จ การจ้างโจทก์จึงกระทำเป็นช่วง ๆ ติดต่อกันมา เมื่อช่วงสุดท้ายสัญญาจ้างสิ้นสุดลง จำเลยก็เลิกจ้างโจทก์ตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้ จึงเป็นการตกลงจ้างโจทก์โดยมีกำหนดระยะเวลาจ้างที่แน่นอนทุกช่วง โจทก์จึงเป็นลูกจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาการจ้างไว้แน่นอน และจำเลยเลิกจ้างตามกำหนดระยะเวลานั้น เข้าข้อยกเว้นที่จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้
of 205