คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
กฎหมาย

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 642/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความคำว่า 'อับเฉา' ในกฎหมายศุลกากร: ความหมายตามพจนานุกรมและข้อเท็จจริงเป็นสำคัญ
ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากรแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 3)2474ซึ่งแก้ไขมาตรา 49 พระราชบัญญัติศุลกากร2469 หมายถึง เรือที่ที่บรรทุกสินค้าหรือมิฉะนั้นก็เป็นเรือที่ไม่ได้บรรทุกสินค้าแต่เป็นเรือที่ต้องมีอับเฉา
โจทก์ยอมรับอยู่แล้วว่าอับเฉาหมายถึงของหนักอื่นๆที่ถ่วงท้องเรือกันมิให้เรือโคลง โจทก์จะขอสืบพยานเพื่อแปลความหมายของคำว่า อับเฉาให้เป็นอย่างอื่น หาได้ไม่
(อ้างฎีกา 6/2484)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 637/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวภายในจังหวัดและการแจ้งประกาศทางกฎหมาย จำเลยไม่ต้องรับผิด
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยตั้งใจขนย้ายข้าวภายในเขตจังหวัดเดียวกัน โดยขนย้ายไปทางทะเลนั้น ดังนี้การกระทำของจำเลย ไม่เป็นผิดตามมาตรา 10,13 พระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งเอาผิดแก่ผู้ขนย้ายข้าวออกนอกเขต ซึ่งคณะกรรมการประกาศกำหนดคดีก็ไม่มีทางลงโทษจำเลยได้
คดีหาว่า จำเลยขนย้ายข้าวทางทะเล อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรมการจังหวัด ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคนั้น เมื่อพยานหลักฐานฝ่ายโจทก์มิได้แสดงว่า จำเลยได้ทราบหรือควรได้ทราบประกาศของพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว คดีก็ลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปรานีประนอมยอมความกับการฟ้องขับไล่: การตกลงยืดเวลาไม่ใช่การยอมออกตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่า จำเลยขอทุเลาการบังคับคดี ศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอทุกเลาการบังคับ และนัดสอบถามจำเลยเรื่องให้ออกจากที่เช่า โจทก์จำเลยได้ยื่นคำแถลงต่อศาลร่วมกันว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาปราณีประนอมยอมความต่อกัน คือจำเลยยอมออกจากห้องพิพาทภายใน 3 เดือน ถ้าพ้นกำหนดนี้แล้ว จำเลยยังไม่ออกจากห้องพิพาท จำเลยถือว่าได้ส่งคืนห้องให้แก่โจทก์แล้ว และยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเข้าอยู่ในห้องนี้ได้ทันที และโจทก์ขอให้งดสอบถาม ดังนี้คำแถลงของโจทก์จำเลยเป็นแต่เพียงตกลงกันยืดเวลาในการบังคับคดีไปเท่านั้น มิใช่เป็นการยอมออกตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน โจทก์จะนำมาฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยใหม่หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 610/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงยืดเวลาบังคับคดีมิใช่การยอมออกตามกฎหมาย จึงไม่ถือเป็นการฟ้องซ้ำ
ศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากที่เช่าจำเลยขอทุเลาการบังคับคดีศาลอุทธรณ์ได้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับ และนัดสอบถามจำเลยเรื่องให้ออกจากที่เช่า โจทก์จำเลยได้ยื่นคำแถลงต่อศาลร่วมกันว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อกัน คือจำเลยยอมออกจากห้องพิพาทภายใน 3 เดือน ถ้าพ้นกำหนดนี้แล้วจำเลยยังไม่ออกจากห้องพิพาทจำเลยถือว่าได้ส่งคืนห้องให้แก่โจทก์แล้ว และยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเข้าอยู่ในห้องนี้ได้ทันที และโจทก์ขอให้งดสอบถาม ดังนี้คำแถลงของโจทก์จำเลยเป็นแต่เพียงตกลงกันยืดเวลาในการบังคับคดีไปเท่านั้นมิใช่เป็นการยอมออกตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันโจทก์จะนำมาฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยใหม่หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 596/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขนย้ายข้าวภายในจังหวัด: ไม่ผิดกฎหมายหากไม่เป็นการขนย้ายออกนอกเขตที่ห้าม
โจทก์ฟ้องจำเลยหาว่า ขนย้ายข้าวทางทะเล เป็นการฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ขอให้ลงโทษฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ แต่ประกาศของคณะกรรมการดังที่โจทก์ฟ้องปรากฎว่า เป็นประกาศอนุญาตให้ขนย้ายข้าวได้ภายในเขตต์จังหวัดเดียวกัน ดังนี้ จำเลยหามีความผิดฐานขนย้ายข้าวออกนอกเขตต์ตามฟ้องโจทก์ไม่ เพราะการที่จะเป็นผิดตาม มาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าวที่โจทก์อ้าง ต้องปรากฎว่าเป็นการขนย้ายออกนอกเขตต์ตามมาตรา 10 เสียก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับวินิจฉัยเนื่องจากฎีกาในประเด็นข้อเท็จจริงต้องห้ามตามกฎหมาย และไม่มีผู้รับรองฎีกา
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลย แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 ก.ม. ลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 51/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฎีกาที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนและข้อกำหนดของกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทำให้ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยทำผิดจริงดังฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลยแต่ให้รอการลงอาญาไว้ตาม มาตรา 41,42 กฎหมายลักษณะอาญา โจทก์จะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ฎีกาโจทก์ไม่มีผู้รับรองตามมาตรา 221 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อไฟฟ้า/น้ำประปา, การผิดสัญญา, ละเมิด, การกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย, สิทธิของคู่สัญญา
จำเลยที่ 1 เป็นเทศบาลได้รับสัมปทานจากรัฐบาลให้ตั้งโรงไฟฟ้ามีหน้าที่จำหน่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลผู้ร้องขอใช้ไฟฟ้าภายในเขตสัมปทานโจทก์เป็นราษฎรฟ้องหาว่าจำเลยทำผิดข้อสัญญากับโจทก์ในการจำหน่ายกระแสไฟมิได้ฟ้องโดยอาศัยสิทธิตามข้อกำหนดในสัมปทานประกอบกับบทบัญญัติมาตรา 374 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นปัญหาที่ว่าโจทก์จะได้สิทธิตามสัมปทานโดยอาศัยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 นี้หรือไม่ จึงไม่เกิดขึ้น
สัญญาซื้อกระแสไฟฟ้าไม่ปรากฏว่ามีกำหนดระยะเวลา อาจมีการเลิกกันเมื่อใดก็ได้ เมื่อผู้ซื้อไม่ชำระค่ากระแสไฟ ผู้ขายก็ตัดสายไฟ ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องขอให้บังคับผู้ขายให้ต่อสายไฟและจ่ายกระแสไฟให้ต่อไป
สภาพย่อมไม่เปิดช่องให้บังคับได้ตามขอ
เมื่อเทศบาลซึ่งเป็นคู่สัญญากับโจทก์ ผิดสัญญาจะต้องใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ แต่ฟ้องโจทก์ไม่เรียกค่าเสียหายจากเทศบาลซึ่งเป็นจำเลยที่ 1 เป็นแต่เรียกจากจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นคนงานและตัวแทนของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้เป็นคู่สัญญากับโจทก์ดังนี้ ก็ไม่มีทางให้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
เทศบาลทำน้ำประปาโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือได้รับสัมปทานตาม พระราชบัญญัติควบคุมกิจการค้าขายอันกระทบถึงความปลอดภัยหรือผาสุขของสาธารณะชนแล้ว การที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับห้ามมิให้เทศบาลเรียกเก็บค่าน้ำประปานั้น ศาลจะบังคับให้ไม่ได้เพราะเป็นการรับรองให้โจทก์ได้รับผลจากการกระทำอันไม่ถูกต้องกับกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชันสูตรพลิกศพไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย ไม่ตัดสิทธิโจทก์ในการฟ้องคดีอาญา
ในการชันสูตรพลิกศพผู้ตาย มีปลัดอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ทำการชันสูตรพลิกศพ เพราะในท้องที่ใกล้เคียงนั้นไม่มีแพทย์ ดังนี้ ถือว่าการชันสูตรพลิกศพไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย แต่ไม่ตัดอำนาจโจทก์ที่นำคดีมาฟ้องได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 414/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบแร่ที่ได้จากการทำเหมืองผิดกฎหมาย ต้องวินิจฉัยตามกฎหมายเหมืองแร่ ไม่ใช่กฎหมายอาญา
แร่ที่จำเลยร่อน มี และซื้อโดยฝ่าฝืนกฎหมายจะถูกริบหรือไม่นั้นต้องวินิจฉัยตามกฎหมายว่าด้วยการทำเหมืองแร่ จะนำกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 27 มาใช้หาได้ไม่ กฎหมายเรื่องการทำเหมืองแร่ ไม่ได้บัญญัติให้ริบ
of 238