คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอนุญาตฎีกาต้องมีเหตุผลปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด การอนุญาตฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเป็นไปโดยไม่ถูกต้อง
ผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งฎีกาของจำเลยว่า "คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ขณะเจ้าพนักงานขอตรวจใบอนุญาตขับขี่ จำเลยก็ควักให้เจ้าพนักงานตรวจโดยดี หาได้มีการส่อพิรุธอย่างใดไม่ ใบอนุญาตของกลางตามเอกสารหมาย จ.1. ก็ปรากฏว่า แม้บุคคลธรรมดาก็หาได้รู้ไม่ว่าจะเป็นของปลอม กรณีจำเลยอาจจะไม่รู้ว่าเป็นของปลอมก็เป็นได้ เห็นสมควรอนุญาตให้ฎีกาได้เพื่อศาลฎีกาจะได้วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานต่อไป สำเนาให้โจทก์แก้ " ตามคำสั่งดังกล่าวไม่มีข้อความตอนใดแสดงหรืออนุมานได้ว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด ที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา จึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณาในปัญหาข้อเท็จจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3071-3072/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งความรับผิดในคดีละเมิด, ข้อจำกัดการอุทธรณ์/ฎีกา, ผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ, และการชำระหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกได้
โจทก์สามคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวของโจทก์แต่ละคนตามลำพังฟ้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอันเกิดจากการละเมิดทำให้รถยนต์ของโจทก์แต่ละคนเสียหาย แม้จะรวมฟ้องมาในคดีเดียวกันก็ต้องพิจารณาจำนวนทุนทรัพย์ของคดีสำหรับโจทก์แต่ละคนถ้าทุนทรัพย์ไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เล็กน้อยก็ฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ส่วนทุนทรัพย์ที่ไม่เกิน20,000 บาทนั้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริง แม้ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยข้อเท็จจริงมาก็เป็นการมิชอบ เพราะปัญหาดังกล่าวยุติตั้งแต่ศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 4 ในสำนวนหลังฎีกา แต่ในสำนวนหลังนี้ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยที่ 4 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 4 จึงหาอาจเรียกพยานของตนเข้าสืบได้ไม่ ดังนั้นพยานที่จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในสำนวนแรกนำสืบรวมมาในสำนวนแรก จึงไม่อาจนำมาวินิจฉัยในสำนวนหลังได้
แม้จำเลยที่ 4 จะฎีกาแต่ผู้เดียว แต่คำพิพากษาศาลฎีกาในส่วนที่เป็นผลดีแก่จำเลยที่ 4 เกี่ยวด้วยการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้ จึงมีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้ฎีกาด้วย
จำเลยทั้งสองต่างขับรถยนต์ด้วยความเร็วแซงและแข่งกันมาเป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ซึ่งจอดอยู่ พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดของจำเลยทั้งสองมีเท่ากัน และเป็นกรณีต่างทำละเมิดโดยไม่ได้ร่วมกัน จึงไม่ต้องร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทนทั้งหมดแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองต้องรับผิดแบ่งออกเป็นส่วนเท่าๆ กัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยึดทรัพย์สินร่วมจากหนี้ส่วนตัว: ศาลไม่รับฎีกาข้อเท็จจริง
จำเลยผิดสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลที่ทำไว้กับโจทก์โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินหนึ่งแปลงพร้อมเรือนหนึ่งหลังซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวอ้างว่าเป็นของจำเลยผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลกันเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินและโรงเรือนดังกล่าวไว้จ่ายให้ผู้ร้องครึ่งหนึ่งเพราะทรัพย์ดังกล่าวเป็นของผู้ร้องและจำเลยรวมกันได้มาระหว่างอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องและจำเลยอยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาและต่างก็มีรายได้ที่ดินและเรือนพิพาทเป็นทรัพย์สินที่ผู้ร้องและจำเลยทำมาหาได้ร่วมกันหนี้สินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นเรื่องเฉพาะตัวดังนี้ การที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยไปยืมเงินโจทก์มาใช้จ่ายในการดำรงชีพและนำมาซื้อที่ดินพร้อมทั้งปลูกเรือนพิพาทและผู้ร้องรู้เห็นในการกู้ยืมด้วยจึงเป็นการฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2518 มาตรา 6 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2713/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาจำกัดเฉพาะประเด็นที่ได้ยกขึ้นต่อสู้ไว้ในชั้นศาลล่าง การบอกเลิกสัญญาเช่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการฟ้องขับไล่
จำเลยให้การแต่เพียงว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะจำเลยไม่ได้ผิดสัญญาเช่า ส่วนข้อที่ว่ามีการบอกเลิกสัญญาเช่าหรือไม่นั้น จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ไว้ จำเลยจึงยกขึ้นอ้างอิงในชั้นฎีกาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2606/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้าม กรณีคัดค้านข้อเท็จจริงหลังศาลอุทธรณ์ยืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือน ปรับ 1,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี และริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโดยฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด จำเลยฎีกาขอให้สั่งคืนของกลางโดยอ้างว่าของกลางไม่ใช่ทรัพย์สินที่ใช้ในการกระทำผิด เป็นฎีกาคัดค้านในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ทำให้ไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นนั้นได้
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต แต่จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2588/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้น ทำให้ไม่มีสิทธิฎีกา แม้จะมีการอ้างถึงบุคคลภายนอก
จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกบุคคลภายนอกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต แต่จำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140 (3) วรรคสอง จำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามาศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2492/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นฎีกาภายในกำหนดหลังศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ทนายจำเลยรับหมายนัดของศาลชั้นต้นให้มาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2522 แล้วจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟัง ถือได้ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้อ่านแล้วในวันดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 140(3) วรรคสองจำเลยต้องยื่นฎีกาภายในวันที่ 20 มีนาคม 2522 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 247 แต่จำเลยยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นในวันที่ 22 มีนาคม 2522 ซึ่งพ้นกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้วจึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับฎีกามา ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องคดีซ้ำ และการอนุญาตฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
คดีอาญาเรื่องเดียวกันเดิมจำเลยถูกฟ้องด้วยวาจาตามบทบัญญัติของวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงโดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยด้วยวาจา ซึ่งศาลยังมิได้พิจารณาเรื่องที่ได้ฟ้องแต่ประการใด จึงถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้อง โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยใหม่ได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คดีอาญาที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ฎีกาบันทึกว่า "มีเหตุอันควรรับรองให้ฎีกาได้" นั้นเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
of 303