พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 574/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาก่อนสมรสและสัญญาเช่า: การรับฟังพยานหลักฐาน, การพิสูจน์ข้อเท็จจริง, และข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์
โจทก์ระบุพยานว่า สัญญาก่อนสมรสหรือสำเนาสัญญาก่อนสมรสอยู่ที่โจทก์ เมื่อโจทก์นำต้นฉบับมาส่งศาลไม่ได้เนื่องจากโจทก์ส่งไว้ที่ศาลอื่นในคดีอีกเรื่องหนึ่งโจทก์ก็นำสำเนาสัญญาก่อนสมรสซึ่งอยู่ที่โจทก์ส่งศาลตามที่ระบุไว้ในบัญชีระบุพยานได้ ไม่เป็นเรื่องสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร
โจทก์อ้างสำเนาหนังสือก่อนสมรสเป็นพยาน และโจทก์กับสามีโจทก์ได้เบิกความรับรองว่าได้ทำกันโดยถูกต้องก่อนทำการสมรสจริงย่อมรับฟังได้
สำเนาเอกสารไม่มีผู้เซ็นรับรอง แต่เมื่อตัวผู้กระทำได้มาเบิกความรับรองว่าได้กระทำโดยถูกต้องตามสำเนานั้น ย่อมถือว่ารับฟังได้
โจทก์อ้างสำเนาหนังสือก่อนสมรสเป็นพยาน และโจทก์กับสามีโจทก์ได้เบิกความรับรองว่าได้ทำกันโดยถูกต้องก่อนทำการสมรสจริงย่อมรับฟังได้
สำเนาเอกสารไม่มีผู้เซ็นรับรอง แต่เมื่อตัวผู้กระทำได้มาเบิกความรับรองว่าได้กระทำโดยถูกต้องตามสำเนานั้น ย่อมถือว่ารับฟังได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 478/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงวันเวลาเกิดเหตุในฟ้องมีผลต่อการรับฟังพยานหลักฐานและทำให้จำเลยหลงต่อสู้ ศาลต้องยกฟ้อง
ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2507 เวลากลางคืนก่อนเที่ยงแต่พยานโจทก์ที่เห็นเหตุการณืใกล้ชิดเบิกความแสดงว่าเห็นเหตุการณ์ลักทรัพย์เกิดขึ้นในคืนวันที่ 17 เวลาประมาณตี 1 เศษ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบผิดวันต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นข้อสารสำคัญ นอกจากนี้จำเลยยังหลงข้อต่อสู้ด้วย ต้องยกฟ้อง
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรับของโจร โจทก์ไม่ได้อ้างบทขอให้ลงโทษ และบรรยายความมาในฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีความประสงค์ขอให้ลงโทษณจำเลยในฐานรับของโจร ศาลจะลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรไม่ได้
แม้จะเป็นความจริงว่าจำเลยรับของโจร โจทก์ไม่ได้อ้างบทขอให้ลงโทษ และบรรยายความมาในฟ้องเพื่อแสดงให้เห็นว่าโจทก์มีความประสงค์ขอให้ลงโทษณจำเลยในฐานรับของโจร ศาลจะลงโทษจำเลยในฐานรับของโจรไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความรับผิดทางอาญา: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยนำเข้าเงินตราและสินค้าโดยผิดกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ แต่รองเท้าไม้ของกลางจับได้จากนายประเสริฐ (ไม่ใช่จำเลย)เป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาตริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก โจทก์ฎีกาศาลฎีกาฟังว่ารองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเองแต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นของคนอื่น ไม่พอฟังว่าจับได้จากจำเลยพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางได้ด้วยน่าจะเป็นเพราะมีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้วน่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 251-252/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พินัยกรรม, ฟ้องซ้ำ, สิทธิรับมรดก, สินสมรส, พยานหลักฐาน
บุตรไม่อาจอ้างว่าบิดานำสินสมรสของบิดามารดามาทำพินัยกรรม ในเมื่อมารดาผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงมิได้โต้แย้งคัดค้าน
โจทก์ฟ้องคดีแรกขอให้เพิกถอนหรือทำลายพินัยกรรม แล้วมาฟ้องคดีหลังขอให้สั่งว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก แม้ฟ้องคดีหลังจะมีประเด็นขอให้กำจัดมิให้รับมรดกและเรียกค่าเสียหายด้วยก็ตาม เฉพาะประเด็นให้เพิกถอนพินัยกรรมนั้นต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
หากพยานฝ่ายที่นำสืบภายหลังเบิกความแตกต่างกับที่เคยเบิกความไว้ในคดีอาญาและฝ่ายที่นำสืบก่อนเพิ่งทราบเช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุตธรรม ศาลอนุญาตให้ฝ่ายนำสืบก่อนอ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานได้
โจทก์ฟ้องคดีแรกขอให้เพิกถอนหรือทำลายพินัยกรรม แล้วมาฟ้องคดีหลังขอให้สั่งว่าพินัยกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมายอีก แม้ฟ้องคดีหลังจะมีประเด็นขอให้กำจัดมิให้รับมรดกและเรียกค่าเสียหายด้วยก็ตาม เฉพาะประเด็นให้เพิกถอนพินัยกรรมนั้นต้องถือว่าเป็นฟ้องซ้ำ
หากพยานฝ่ายที่นำสืบภายหลังเบิกความแตกต่างกับที่เคยเบิกความไว้ในคดีอาญาและฝ่ายที่นำสืบก่อนเพิ่งทราบเช่นนี้ เพื่อประโยชน์แห่งความยุตธรรม ศาลอนุญาตให้ฝ่ายนำสืบก่อนอ้างสำนวนคดีอาญาเป็นพยานได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำให้การชั้นสอบสวนใช้ยันในชั้นพิจารณาได้ หากมีพยานหลักฐานสนับสนุนและจำเลยไม่โต้แย้ง
คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนใช้ยันจำเลยในชั้นพิจารณาของศาลได้ หากมีพยานหลักฐานประกอบฟังได้ว่าจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนชั้นศาล จำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ และเมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างจำเลยก็ไม่ได้ถามค้านให้เห็นว่าจำเลยไม่เคยให้การรับสารภาพคำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างมิใช่ลายมือชื่อของจำเลย การที่จำเลยนำสืบในภายหลังว่าคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยจึงเป็นการนำสืบเอาข้างเดียว ไม่มีน้ำหนัก
โจทก์บรรยายในฟ้องว่า จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนชั้นศาล จำเลยให้การปฏิเสธลอยๆ และเมื่อโจทก์นำพนักงานสอบสวนเข้าเบิกความเป็นพยานโจทก์ประกอบคำให้การรับสารภาพ ชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างจำเลยก็ไม่ได้ถามค้านให้เห็นว่าจำเลยไม่เคยให้การรับสารภาพคำให้การชั้นสอบสวนที่โจทก์อ้างมิใช่ลายมือชื่อของจำเลย การที่จำเลยนำสืบในภายหลังว่าคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยจึงเป็นการนำสืบเอาข้างเดียว ไม่มีน้ำหนัก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ตัวผู้ขับขี่ในคดีขับรถประมาท การพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อตัดสินว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยประมาทชนกับรถที่สวนมา เป็นเหตุให้ผู้โดยสารถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยมิได้เป็นคนขับรถคนที่ชนกันนี้ ศาลพิพาษายกฟ้อง (ประชุมใหญ่ ครั้ง 25/2507)
(หมายเหตุ มีบันทึกท่านอาจารย์ประกอบ หุตะสิงห์เจ้าของสำนวน(รับโอน) ความว่า ท่านตรวจสำนวนแล้วตามฟ้องและที่จำเลยเถียง ประเด็นคงเหลือว่าจำเลยเป็นคนขับหรือคนอื่นขับเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้รับ จึงยกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่า จำเลยขับ ประเด็นที่เสนอเป็นข้อกฎหมายเข้าประชุมใหญ่มีว่า "จำเลยเป็นผู้ขับรถคันที่ชนกันนี้เป็นประจำ แต่ได้ปล่อยให้คนอื่นขับจนเป็นเหตุให้รถชนกันมีคนตาย จำเลยจะมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทด้วยหรือไม่ " นั้น จึงไม่มีในสำนวน ท่านจึงชึ้ขาดข้อเท็จจริงแต่อย่างเดียว โดยไม่ได้กล่าวถึงมติที่ประชุมใหญ่ เพราะจะเป็นการวินิฉัยนอกประเด็น)
(หมายเหตุ มีบันทึกท่านอาจารย์ประกอบ หุตะสิงห์เจ้าของสำนวน(รับโอน) ความว่า ท่านตรวจสำนวนแล้วตามฟ้องและที่จำเลยเถียง ประเด็นคงเหลือว่าจำเลยเป็นคนขับหรือคนอื่นขับเท่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้รับ จึงยกฟ้อง โจทก์ฎีกาว่า จำเลยขับ ประเด็นที่เสนอเป็นข้อกฎหมายเข้าประชุมใหญ่มีว่า "จำเลยเป็นผู้ขับรถคันที่ชนกันนี้เป็นประจำ แต่ได้ปล่อยให้คนอื่นขับจนเป็นเหตุให้รถชนกันมีคนตาย จำเลยจะมีความผิดฐานทำให้คนตายโดยประมาทด้วยหรือไม่ " นั้น จึงไม่มีในสำนวน ท่านจึงชึ้ขาดข้อเท็จจริงแต่อย่างเดียว โดยไม่ได้กล่าวถึงมติที่ประชุมใหญ่ เพราะจะเป็นการวินิฉัยนอกประเด็น)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416-1418/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสืบพยานโดยการตรวจสถานที่ การขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติม และการใช้ดุลยพินิจของศาลในการพิจารณาคดี
โดยที่โจทก์จำเลยร้องขอต่อศาลให้ไปเดินเผชิญสืบตรวจดูว่าพนังทุ่งปุยรายพิพาทจะเป็นประโยชน์ในการเพาะปลูกของจำเลยหรือไม่ฉะนั้น การที่ศาลไปตรวจดูจึงเป็นการไปสืบพยานตามที่ทั้งสองฝ่ายอ้าง และการที่คู่ความทั้งสองฝ่ายขอ ศาลก็ได้ไปตรวจดูตามที่ขอนั้น ก็ถือได้ว่าเป็นการสืบตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้(ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226,241) แล้วและแม้คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยื่นแสดงรายการแห่งวัตถุพยานไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ก็ชอบที่จะขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามมาตรานี้วรรคสามฉะนั้นการที่ศาลชั้นต้นได้ไปตรวจดูที่พิพาทตามคำขอของคู่ความทั้งสองฝ่าย จึงถือได้ว่าเป็นการอนุญาตตามที่ศาลเห็นว่าเพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1106/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารสรุปผลการซักถามทางการแพทย์โดยผู้ไม่เบิกความ ถือเป็นพยานไม่ได้ในการพิสูจน์เจ็บป่วยก่อนทำประกัน
บันทึกข้อสรุปของนักศึกษาแพทย์ที่ได้จากการสอบถามสามีของผู้ป่วยถึงประวัติและอาการของผู้ป่วย โดยผู้ทำเอกสารนั้นมิได้มาเบิกความรับรองถึงความถูกต้องและแท้จริงนั้นรับฟังเป็นพยานไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1105/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งการวินิจฉัยข้อเท็จจริงของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์โดยอ้างพยานหลักฐานที่มิได้นำสืบ
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคลาดเคลื่อน โจทก์มีภาพถ่ายเป็นวัตถุพยาน จะฟังว่าโจทก์ไม่มีพยานมาสืบย่อมไม่ได้ เพราะศาลชั้นต้นมิได้หยิบยกขึ้นวินิจฉัย ถ้าหยิบยกภาพถ่ายขึ้นพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทประกอบการค้า โดยโจทก์มิได้อ้างว่าศาลล่างฟังข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวน หรือผิดต่อบทกฎหมายแต่อยางใด เช่นนี้ถือว่าเป็นฎีกาโต้แย้งคัดค้านว่าศาลล่างไม่ฟังข้อเท็จจริงตามที่ควรจะฟัง จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1080/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขฟ้อง, การรับฟังพยานหลักฐาน, ความชัดเจนของฟ้อง, การตกลงเล่นการพนัน, การยืนยันเอกสารของกลาง
(1) ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับจำนวนเงินของกลางที่จับได้เป็นการแก้ไขรายละเอียดเรื่องของกลางซึ่งต้องแถลงในฟ้อง
(2) ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพยานเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 8 นาฬิกาได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านจำเลยเล่นการพนัน แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ามีสายลับมาแจ้งพยานเมื่อเวลา 4 โมงเช้า ถือว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน แต่กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเวลาซึ่งคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อยเท่านั้น
(3) ฟ้องโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรับแทงสลากกินรวบจากผู้เล่นทั่วไป ไม่กล่าวให้ชัดว่ารับแทงจากใคร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
(4) จำเลยเป็นเจ้ามือรับเงินที่แทงจากผู้แทงไป ถือว่าได้ตกลงเล่นการพนันกันแล้ว
(5) ภายหลังที่โจทก์ถามติงพยานโจทก์แล้วโจทก์ขอให้พยานดูเอกสารที่ส่งศาลไว้แล้ว พยานดูแล้วว่าใช่ของกลางที่จับได้จากจำเลยตามที่เบิกความแล้วดังนี้ ไม่ใช่เรื่องถามติง เป็นแต่เพียงให้พยานยืนยันเอกสารที่พยานเบิกความถึงมาแล้ว
(2) ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าพยานเบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา 8 นาฬิกาได้รับแจ้งจากสายลับว่าที่บ้านจำเลยเล่นการพนัน แต่ศาลอุทธรณ์ฟังว่ามีสายลับมาแจ้งพยานเมื่อเวลา 4 โมงเช้า ถือว่าศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในสำนวน แต่กล่าวรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเวลาซึ่งคลาดเคลื่อนกันเล็กน้อยเท่านั้น
(3) ฟ้องโจทก์กล่าวเพียงว่าจำเลยเป็นเจ้ามือรับแทงสลากกินรวบจากผู้เล่นทั่วไป ไม่กล่าวให้ชัดว่ารับแทงจากใคร ไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
(4) จำเลยเป็นเจ้ามือรับเงินที่แทงจากผู้แทงไป ถือว่าได้ตกลงเล่นการพนันกันแล้ว
(5) ภายหลังที่โจทก์ถามติงพยานโจทก์แล้วโจทก์ขอให้พยานดูเอกสารที่ส่งศาลไว้แล้ว พยานดูแล้วว่าใช่ของกลางที่จับได้จากจำเลยตามที่เบิกความแล้วดังนี้ ไม่ใช่เรื่องถามติง เป็นแต่เพียงให้พยานยืนยันเอกสารที่พยานเบิกความถึงมาแล้ว