พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2065/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาในคดีอาญาที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และการฟ้องคดีซ้ำหลังศาลยกฟ้อง
คดีอาญาเรื่องเดียวกันเดิมจำเลยถูกฟ้องด้วยวาจาตามบทบัญญัติของวิธีพิจารณาความอาญาในแขวงโดยศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยด้วยวาจา ซึ่งศาลยังมิได้พิจารณาเรื่องที่ได้ฟ้องแต่ประการใด จึงถือไม่ได้ว่าศาลได้พิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่โจทก์ฟ้อง โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยใหม่ได้ ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)
คดีอาญาที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ฎีกาบันทึกว่า "มีเหตุอันควรรับรองให้ฎีกาได้" นั้นเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คดีอาญาที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นผู้มีอำนาจอนุญาตให้ฎีกาบันทึกว่า "มีเหตุอันควรรับรองให้ฎีกาได้" นั้นเป็นการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1972/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิสูจน์ความผิดฐานเล่นการพนัน: พยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ และขอบเขตการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงโพยสลากกินรวบและเงินของกลางที่จับได้จากจำเลยประกอบกันแล้วฟังต้องกันว่า จำเลยเล่นการพนันสลากกินรวบโดยเป็นผู้ขายฝ่ายเจ้ามือ จำเลยฎีกาคัดค้านว่าเพียงแต่โพยสลากกินรวบเท่านั้นไม่พอฟังว่าเป็นการเล่นการพนันสลากกินรวบอันเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง หาใช่ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายไม่ เมื่อศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยไม่เกินอัตราโทษที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ร่วม, การเพิ่มเติมฟ้อง, และการขอลงโทษหนักขึ้นในชั้นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิม โดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนัดขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้นศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ร่วมจะฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้นศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจโจทก์ร่วม & การขอเพิ่มโทษในชั้นฎีกา: ต้องอุทธรณ์ก่อนจึงฎีกาได้
โจทก์ร่วมจะขอเพิ่มเติมฟ้องของพนักงานอัยการที่มีอยู่เดิมโดยขอเพิ่มเติมบทลงโทษให้หนักขึ้นหาได้ไม่
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
โจทก์ร่วมจะฎีกา ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นอีก โดยที่โจทก์ร่วมมิได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ไว้ในชั้นอุทธรณ์หาได้ไม่ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
โจทก์ร่วมอุทธรณ์ขอเพิ่มเติมฟ้อง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289) และขอให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราที่ขอเพิ่มเติมฟ้องนั้น เมื่อศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาต ให้โจทก์ร่วมเพิ่มเติมฟ้องแล้ว ก็เท่ากับว่าไม่มีคำขอของโจทก์ให้ลงโทษจำเลยตามบทมาตราดังกล่าว ฉะนั้น ศาลอุทธรณ์จะอาศัยเหตุที่โจทก์ร่วมขอเพิ่มเติมฟ้องดังกล่าวนั้น โดยถือว่าโจทก์ร่วมได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยให้หนักขึ้น แล้วพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยหาได้ไม่ เพราะขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212 แม้ปัญหาดังกล่าวนี้จำเลยจะมิได้ฎีกา แต่เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงยกขึ้นวินิจฉัยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายยื่นฎีกา แม้ไม่มีเอกสารแต่งตั้งในสำนวน ศาลอนุญาตแก้ไขและวินิจฉัยฎีกาได้ หากมีพฤติการณ์น่าเชื่อถือ
ฎีกาของจำเลยมี ล. ทนายความลงชื่อในฐานะทนายจำเลยพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่ง ล. เป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับ ล. ไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยได้แต่ง ล. เข้ามาภายหลังแล้ว ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยฎีกาจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1065/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นปฏิเสธการอุทธรณ์ เป็นที่สุด ห้ามฎีกา
คำสั่งศาลอุทธรณ์ซึ่งยืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ เป็นที่สุดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 ฎีกา ต่อไปไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1025/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฎีกาบุคคลภายนอกขอคืนของกลาง, กรรมสิทธิ์รถยนต์โอนเมื่อทำสัญญาซื้อขาย แม้ยังไม่ได้จดทะเบียน
กรณีบุคคลภายนอกขอคืนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา36 ไม่มีกฎหมายจำกัดสิทธิในการอุทธรณ์ฎีกา แม้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันมาให้ยกคำร้องของผู้ร้องผู้ร้องก็ยังฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ คดีไม่ตกอยู่ในบังคับมาตรา 220 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน
การแจ้งโอนทะเบียนรถยนต์ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2473 มาตรา 13 นั้น เป็นเรื่องกฎหมายกำหนดให้มีขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การควบคุมของเจ้าพนักงานเท่านั้นไม่ใช่แบบ ที่กำหนดไว้เพื่อความสมบูรณ์แห่งนิติกรรมซื้อขายรถยนต์ รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์อย่างหนึ่งซึ่งกรรมสิทธิ์ย่อมโอนไปยังผู้ซื้อตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเด็นข้อพิพาทจำกัดเฉพาะการซื้อขายที่ดิน โจทก์ฎีกาประเด็นใหม่ไม่ได้
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อนำสืบเพียงข้อเดียวว่า โจทก์ซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยหรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อนี้ยุติไปแล้วไม่มีปัญหาประเด็นข้อพิพาทในเรื่องแย่งการครอบครอง ทั้งปัญหาข้อนี้โจทก์มิได้ยกขึ้นอ้างในศาลชั้นต้น โจทก์จึงฎีกาในปัญหาเรื่องแย่งการครอบครองนี้ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับ: อุทธรณ์เป็นอำนาจศาลอุทธรณ์ ฎีกาเป็นอำนาจศาลฎีกา
การทุเลาการบังคับนั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป ต่อเมื่อเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาจึงจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกา ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจศาลอุทธรณ์ กฎหมายไม่ประสงค์จะให้ศาลฎีกาไปเกี่ยวข้องกับการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์การขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษ จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งการอุทธรณ์และฎีกาอย่างเรื่องอื่น ๆ
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 101/2491)
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า "ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยจะขอทุเลาการบังคับไม่ได้" ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยก็เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมายศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมขั้นฎีกาให้แก่จำเลยทั้งหมด
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 101/2491)
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลาย จำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า "ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยจะขอทุเลาการบังคับไม่ได้" ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยก็เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมายศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมขั้นฎีกาให้แก่จำเลยทั้งหมด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 759/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับ: อุทธรณ์-ฎีกาแยกกัน, ไม่อุทธรณ์/ฎีกาเรื่องทุเลาการบังคับระหว่างอุทธรณ์
การทุเลาการบังคับนั้น กฎหมายกำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้น ๆ ไป ต่อเมื่อเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาจึงจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกาถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจศาลอุทธรณ์กฎหมายไม่ประสงค์จะให้ศาลฎีกาไปเกี่ยวข้องกับการขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์การขอทุเลาการบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 เป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนดวิธีการไว้เป็นพิเศษ จึงไม่อยู่ในบังคับแห่งการอุทธรณ์และฎีกาอย่างเรื่องอื่น ๆ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 101/2491)
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลายจำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า "ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยจะขอทุเลาการบังคับไม่ได้" ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยก็เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาให้แก่จำเลยทั้งหมด
ศาลชั้นต้นสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และพิพากษาให้ล้มละลายจำเลยอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า "ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด จำเลยจะขอทุเลาการบังคับไม่ได้" ดังนี้ แม้จำเลยจะฎีกาคัดค้านคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ฎีกาของจำเลยก็เป็นฎีกาที่ต้องห้ามตามกฎหมาย ศาลฎีกาพิพากษายกฎีกาจำเลย ให้คืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาให้แก่จำเลยทั้งหมด