พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,615 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาและการพิสูจน์เจตนาทุจริต
มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ป.พ.พ. มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปีไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่จะต้องแบ่งตาม ป.พ.พ. ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม ม.164.
ป.พ.พ. มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปีไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาที่จะต้องแบ่งตาม ป.พ.พ. ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปีตาม ม.164.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาทุจริตเป็นข้อเท็จจริง, อายุความแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา
มีเจตนาทุจริตหรือไม่นั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีที่จะต้องแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ม.164
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 185 เป็นบทบัญญัติเรื่องการขยายอายุความที่จะสิ้นสุดลงในระหว่างเป็นสามีภริยากันอยู่ให้ขยายต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่เป็นเรื่องว่าถ้าทรัพย์ระหว่างสามีภริยาตกอยู่แก่ฝ่ายใดเกิน 1 ปีแล้ว ฝ่ายนั้นจะได้กรรมสิทธิ์ ทรัพย์สินระหว่างสามีที่จะต้องแบ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1512 นั้นไม่มีกำหนดเวลาระบุไว้ จึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตาม ม.164
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 912/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาแบ่งมรดกไม่ตัดสิทธิทายาทในการเรียกร้องทรัพย์ที่ไม่ได้ระบุในสัญญา
ทายาททำสัญญาแบ่งมรดก แต่ไม่ระบุทรัพย์บางรายทายาทมาฟ้องขอแบ่งมรดกทรัพย์ที่ไม่ปรากฏในสัญญาอีกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 791/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตีความเจตนาในการแบ่งทรัพย์มรดก การประมูลทรัพย์สินต้องทำก่อนการชำระเงินค่าหุ้น
คำขอท้ายฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์ของหุ้นส่วนที่มีข้อความว่า 'ขอได้โปรดแบ่งที่ดินพร้อมด้วยโรงสีและห้องแถว.......... ให้เป็นของโจทก์ 1 ส่วนเป็นเงิน 40,000 บาทโดยวิธีประมูลหรือขายทอดตลาด'นั้นมิได้หมายความว่าโจทก์ต้องการเงินค่าทรัพย์สินเพียง 40,000 เท่านั้นการตั้งทุนทรัพย์มาเป็นแต่เพียงเพื่อเสียค่าขึ้นศาล ส่วนการแบ่งทรัพย์ถ้าไม่ตกลงกันต้องประมูลหรือขายทอดตลาด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 635/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในบ้านและทรัพย์สินอื่นที่ปลูกสร้างบนที่ดิน สัญญาให้และสัญญาต่างตอบแทน
ตามคำฟ้องโจทก์อ้างว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่บ้านซึ่งจำเลยมิได้ปฏิเสธประกอบกับคำรับรองของจำเลยว่าเป็นที่บ้านนานมาแล้วทั้งกระชับความให้แน่นแฟ้นว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายด้วยโดยมิได้วางข้อยกเว้นเป็นอย่างอื่นดังนี้ ศาลย่อมฟังว่าเป็นที่บ้านตามกฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จ บทที่ 42 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 538/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประพฤติเนรคุณต่อมารดาเป็นเหตุให้เพิกถอนการให้ทรัพย์สินได้
จำเลยได้ด่าว่าโจทก์ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง เป็นการหมิ่นประมาทอย่างร้ายแรง ถือได้ว่าจำเลยได้ประพฤติเนรคุณโจทก์ผู้เป็นมารดา โจทก์ถอนคืนการให้เสียได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน (นาและบ้าน) ทำให้หนี้เดิมระงับตาม ป.พ.พ.ม.349
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินแล้วไม่ชำระ เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยโจทก์แล้วจำเลยทำเอกสารฉบับหนึ่งรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยดังกล่าวพร้อมทั้งตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทน แล้วจำเลยไม่ยอมให้ตามข้อตกลง จึงฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ แต่เอกสารรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่า จำเลยไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทน และในตอนสุดท้ายมีความว่าถ้าจำเลยปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใดให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องต่อศาลขอให้ตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คือว่าเอกสารหนังสือนี้เป็นการแปลงหนี้ตาม ป.พ.พ.ม.349 จะนำเอกสารฉบับนี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมย่อมไม่ได้ เพราะ ก.ม. ถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ด้วยการชำระหนี้ด้วยทรัพย์สิน และผลของการระงับหนี้เดิม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินแล้วไม่ชำระ เป็นหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยโจทก์แล้วจำเลยทำเอกสารฉบับหนึ่งรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยดังกล่าวพร้อมทั้งตกลงจะสละสิทธิครอบครองที่ดินนาและที่ดินบ้านให้โจทก์แทนแล้วจำเลยไม่ยอมให้ตามข้อตกลงจึงฟ้องขอให้ชำระหนี้เงินกู้ แต่เอกสารรับรองหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยมีข้อตกลงไว้ชัดเจนระหว่างโจทก์จำเลยว่าจำเลยไม่มีเงินใช้หนี้จึงได้ยกนาและบ้านใช้แทนและในตอนสุดท้ายมีความว่าถ้าจำเลยปกครองที่ดินแปลงนี้เวลาใดให้โจทก์นำใบมอบนี้ไปฟ้องต่อศาลขอให้ตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้ถือว่าเอกสารหนังสือนี้เป็นการแปลงหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 349 โจทก์จะนำเอกสารฉบับนี้มาฟ้องเรียกหนี้เดิมย่อมไม่ได้ เพราะ กฎหมายถือว่าหนี้เดิมระงับไปแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1733/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกทรัพย์สินให้เทศบาลและการรับฟังพยานหลักฐาน ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยได้
ในเรื่องแผงลอยเป็นของเทศบาลหรือไม่และโจทก์เสียหายหรือไม่นั้น ได้เป็นประเด็นในคดีซึ่งทั้งโจทก์จำเลยได้นำสืบเสร็จสำนวนมาแล้ว ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะวินิจฉัยพิพากษาให้เสร็จไปได้โดยไม่จำเป็นต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ (อ้างฎีกาที่ 144/2492)
ร้านแผงลอยเป็นสังหาริมทรัพย์
จำเลยอ้างพยานเอกสารไว้ด้วยในการประกอบข้อต่อสู้ที่ว่าโจทก์ได้ยกร้านแผงลอยซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้เทศบาลแล้วแต่เมื่อจำเลยเพียงนำพยานบุคคลมาสืบก็รับฟังได้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำพยานเอกสารเช่นว่านั้นมาสืบ
ร้านแผงลอยเป็นสังหาริมทรัพย์
จำเลยอ้างพยานเอกสารไว้ด้วยในการประกอบข้อต่อสู้ที่ว่าโจทก์ได้ยกร้านแผงลอยซึ่งเป็นสังหาริมทรัพย์ ให้เทศบาลแล้วแต่เมื่อจำเลยเพียงนำพยานบุคคลมาสืบก็รับฟังได้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องนำพยานเอกสารเช่นว่านั้นมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1682/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลักทรัพย์สำเร็จ: การล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินออกมาแล้ว แม้ทรัพย์สินจะหล่นก่อนถึงมือผู้กระทำผิด
จำเลยลักทรัพย์โดยวิธีล้วงกระเป๋า จำเลยแกะกระดุมเปิดฝากระเป๋ากางเกงเอาธนบัตรออกมานอกกระเป๋า แล้วพอดีเจ้าทรัพย์รู้ตัวใช้มือตบกระเป๋าบังเอิญไปถูกมือจำเลยซึ่งกำลังกุมธนบัตรอยู่ ธนบัตรร่วงหล่นจากมือจำเลยลงไปที่เท้าเจ้าทรัพย์ ดังนี้เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วไม่ใช่เป็นความผิดฐานพยายาม