พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,589 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสำคัญในคดี: ศาลวินิจฉัยเองจากประเด็นข้อกฎหมาย ไม่ใช่จากพยานหลักฐานหรือการโต้เถียงของคู่ความ
คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย เพราะการวินิจฉัยว่าเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ มิได้อาศัยจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบว่าจริงหรือไม่ แต่เป็นความเห็นของศาลเองที่จะต้องวินิจฉัยถึงประเด็นในคดีที่เป็นข้อพิพาท ประกอบด้วยหลักกฎหมาย แล้วจึงชี้ขาดว่าสำคัญหรือไม่สำคัญ คู่ความจะนำสืบโต้เถียงกันว่าสำคัญหรือไม่สำคัญเสียเองหาได้ไม่
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อสำคัญในคดี: ศาลวินิจฉัยเองจากประเด็นข้อกฎหมาย ไม่ใช่จากพยานหลักฐาน หรือการโต้เถียงของคู่ความ
คำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่เป็นปัญหาข้อกฎหมายเพราะการวินิจฉัยว่าเป็นข้อสำคัญในคดีหรือไม่ มิได้อาศัยจากพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบว่าจริงหรือไม่จริง แต่เป็นความเห็นของศาลเองที่จะต้องวินิจฉัยถึงประเด็นในคดีที่เป็นข้อพิพาท ประกอบด้วยหลักกฎหมายแล้วจึงชี้ขาดสำคัญหรือไม่สำคัญคู่ความจะนำสืบโต้เถียงกันว่าสำคัญหรือไม่สำคัญเสียเองหาได้ไม่ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2506)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ยื่นหลังกำหนด และการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่จะรับฟังพยานหลักฐานซึ่งคู่ความระบุหรือยื่นฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และ 90 หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลเป็นเรื่อง ๆ ไป คดีที่ศาลให้โจทก์นำสืบก่อนนับแต่วันชี้สองสถานถึงวันสืบพยานโจทก์เป็นระยะเวลาถึง 1 เดือน จำเลยก็ไม่ยื่นบัญชีพยานหรือหาทนายแก้ต่าง และจะอ้างว่าไม่ได้ระบุและส่งสำเนาเอกสารเนื่องจากไม่มีทนายความ ตนเองไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้กฎหมาย ดังนี้หาได้ไม่ และที่เพิ่งมายื่นบัญชีพยานและส่งเอกสารที่ตนจะอ้างภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว ทำให้โจทก์เสียเปรียบด้วย กรณีก็ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานและรับฟังพยานหลักฐานนั้น ๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง: เหตุผลที่ไม่เพียงพอ
การที่จะรับฟังพยานหลักฐานซึ่งคู่ความระบุหรือยื่นฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และ 90 หรือไม่เพียงไรนั้น ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์และเหตุผลเป็นเรื่องๆ ไปคดีที่ศาลให้โจทก์นำสืบก่อนนับแต่วันชี้สองสถานถึงวันสืบพยานโจทก์เป็นระยะเวลาถึง 1 เดือน จำเลยก็ไม่ยื่นบัญชีพยานหรือหาทนายแก้ต่าง แล้วจะอ้างว่าไม่ได้ระบุและส่งสำเนาเอกสารเนื่องจากไม่มีทนายความตนเองไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้กฎหมาย ดังนี้หาได้ไม่ และที่เพิ่งมายื่นบัญชีพยานและส่งเอกสารที่ตนจะอ้างภายหลังที่โจทก์สืบพยานเสร็จสิ้นแล้วทำให้โจทก์เสียเปรียบด้วยกรณีก็ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นบัญชีพยานและรับฟังพยานหลักฐานนั้นๆ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงฐานจากสัญญาเช่าเป็นสัญญายืมเรือ ศาลต้องยกฟ้องหากพยานจำเลยมีน้ำหนักกว่า
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าเรือโจทก์ไปและผิดสัญญาเช่า ขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าเช่าเรือและค่าเสียหายในการซ่อมแซมเรือ จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้เช่าเรือโจทก์ แต่โจทก์ได้ให้จำเลยยืมเรือไปบรรทุกฟืนโดยไม่คิดค่าอะไร ดังนี้ หากทางพิจารณาได้ความว่าเป็นเรื่องให้ยืมเรือ ไม่ใช่เรื่องให้เช่าเรือดังฟ้องของโจทก์ ศาลก็ต้องยกฟ้อง ส่วนในเรื่องค่าเสียหายในการซ่อมแซมเรือนั้น โจทก์เรียกร้องตามมูลสัญญาเช่า เมื่อไม่ใช่เรื่องการเช่าแล้ว ก็ไม่มีประเด็นจะต้องวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดตามสัญญายืมต่อไป เป็นเรื่องที่โจทก์จะต้องว่ากล่าวตามสัญญายืม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 515/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานโฉนดที่ดิน แม้ไม่ส่งสำเนาตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
โฉนดไม่ใช่เอกสารเป็นชุดดังที่กล่าวไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 90 (1) เพราะจะมีขึ้นสำหรับที่ดินแปลงใดก็เพียง 2 ฉบับ โดยทำเป็นอย่างเดียวกัน หาได้ออกเป็นชุดไม่ แต่โฉนดเป็นเอกสารที่ทางราชการออกให้ ข้อความในโฉนดย่อมเป็นที่เชื่อถือได้ แม้คู่ความฝ่ายที่อ้างจะยื่นต่อศาลในวันสืบพยานโดยมิได้ส่งสำเนาให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามมาตรา 90 แต่เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามมาตรา 87 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 381/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เอกสารขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมยังไม่ถึงขั้นสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงยังใช้เป็นพยานหลักฐานได้
เรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ซึ่งไม่ได้ระบุถึงข้อตกลงว่าจะแบ่งกันอย่างไร และให้กันเพราะเหตุใด นั้น ถือว่าเป็นเพียงพฤติการณ์ที่แสดงเจตนาจะทำการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเท่านั้น ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความกัน จึงไม่ใช่เอกสารที่ต้องห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไข ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 94 (ข)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1700/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีประกันภัยที่ยังไม่ชอบ เนื่องจากศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้พิจารณาพยานหลักฐานของทั้งสองฝ่ายอย่างครบถ้วน
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยรับประกันพลอยของโจทก์ซึ่งประสงค์จะส่งไปยังธนาคาร บ.เพื่อส่งต่อและเรียกเก็บเงินจากห้าง จ. โดยโจทก์ได้ส่งพลอยนั้นทางพัสดุไปรษณีย์ในวันเดียวกันนั้น ปรากฎว่าไปรษณีย์ส่งพลอยนั้นให้แก่ห้าง จ. โดยตรง ไม่ส่งให้ธนาคารดังที่โจทก์จ่าหน้า ขอให้จำเลยใช้เงินตามมูลค่าแห่งกรมธรรม์ประกันภัย จำเลยให้การว่าโจทก์ขอประกันภัยต่อจำเลยโดยระบุนามผู้รับไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ 2357 ว่า บริษัท จ.พัสดุภัณฑ์นี้ได้ส่งไปถึงบริษัท จ. ผู้รับถูกต้องแล้ว และโจทก์แปลคำว่า Non Delivery ในสัญญากรมธรรม์ผิด ที่ถูกต้องแปลว่า "ไม่มีการส่งของ" ไม่ใช่ส่งไม่ถึงที่หรือส่งผิด แม้ส่งผิด จำเลยก็ไม่ต้องรับผิดบริษัท จ.ก็ได้ยินยันมายังโจทก์ว่าได้รับไปรษณีย์นั้นแล้ว โจทก์จะมาฟ้องให้จำเลยใช้หนี้แทนลูกหนี้ของโจทก์ไม่ได้ ดังนี้ ปัญหาสำคัญอยู่ที่ว่า พัสดุภัณฑ์ที่โจทก์ส่งไปนั้นจ่าหน้าถึงใครเป็นผู้รับกันแน่ คู่ความยังโต้แย้งกันอยู่ และต่างมีเอกสารหลักฐานมาสนับสนุนข้ออ้างของตน และยังโต้เถียงการแปลคำว่า Non Delivery ในกรมธรรม์กันด้วย ต่างยังมิได้รับรองเอกสารหลักฐานของอีกฝ่ายหนึ่ง เมื่อสืบพยานโจทก์ได้เพียงคนเดียวแล้วศาลจะสั่งงดสืบพยาน โจทก์จำเลยต่อไปแล้วฟังว่าไปรษณีย์ส่งพัสดุภัณฑ์นั้นให้บริษัท จ. ผิดไปจากจ่าหน้า แต่บริษัท จ.ได้แจ้งมายังโจทก์ว่าได้รับของแล้ว ชอบที่โจทก์จะเรียกร้องเอาแก่บริษัท จ.ผู้ซื้อโดยตรงให้ชำระราคาได้ก็ดี ศาลแปลคำว่า Non Delivery ดังที่จำเลยให้การ แล้วเห็นว่าเมื่อของนี้ได้ส่งถึงมือผู้ซื้อแล้ว ความรับผิดของจำเลยจึงหมดไปก็ดี หรือฟังว่า ในกรมธรรม์ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งและหลักฐานเท่าที่มีในสำนวนก็ไม่มีว่าจำเลยทราบหรือมีข้อตกลงกันว่าจะต้องส่งพัสดุภัณฑ์นั้นแก่ธนาคาร บ.จึงพิพากษาให้โจทก์แพ้คดีก็ดี ดังนี้ ยังไม่เป็นการที่ชอบ สมควรฟังพยานหลักฐานของโจทก์จำเลยให้สิ้นกระแสความเสียก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงหนี้ การไต่สวนพยานหลักฐาน และเงื่อนไขการถอนอายัด
เมื่อศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์ของจำเลยโดยได้ไต่สวนพยานหลักฐานของโจทก์ แล้วจำเลยจะต้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นว่าพยานหลักฐานไม่พอที่จะออกคำสั่งเช่นนั้นไม่ได้ ได้แต่ร้องขอให้ถอนการอายัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 261 ซึ่งจะต้องแสดงเหตุให้ศาลเห็นว่าไม่สมควรใช้วิธีการที่กำหนดไว้นั้นต่อไปหรือสมควรแก้ไขวิธีการนั้น
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255 (2) (ข) ได้แล้ว
ถ้าตามรูปคดีและพฤติการณ์มีทางน่ากลัวว่าจำเลยอาจโอนทรัพย์ไปเพื่อหลีกเลี่ยงการชำระหนี้ ก็เป็นเหตุให้ศาลสั่งยึดหรืออายัดตามมาตรา 255 (2) (ข) ได้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการเรียกพยานหลักฐานเพิ่มเติมระหว่างไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา และคำสั่งรอคดีที่ไม่ทำให้ประเด็นคดีเสร็จ
ในการไต่สวนมูลฟ้องคดีอาญา แม้เมื่อโจทก์แถลงว่าหมดพยานแล้วศาลก็มีอำนาจสั่งเรียกพยานหลักฐานมาเองเพื่อประกอบการวินิจฉัยทำคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้องได้ และคำสั่งที่ให้รอคดีเพื่อฟังพยานหลักฐานเช่นนี้ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196 และถึงแม้ว่าในคำสั่งนั้นศาลจะได้สั่งไว้ด้วยว่าให้จำหน่ายคดีเสียชั่วคราว ถ้าสำนวนคดีที่ศาลสั่งเรียกมาเพื่อประกอบการวินิจฉัยนั้นเสร็จเมื่อใดก็ให้โจทก์แถลงให้ศาลทราบ เพื่อจะได้ยกคดีที่มีการไต่สวนมูลฟ้องนี้ขึ้นพิจารณาสั่งต่อไป ดังนี้ ก็ต้องถือว่าเป็นการสั่งจำหน่ายคดีที่ไม่ทำให้ประเด็นแห่งคดีเสร็จไป โจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งนี้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 18/2506)