พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3073/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อตกลงสภาพการจ้าง และสิทธิในการเลิกจ้างลูกจ้างที่เล่นการพนันนายจ้างต้องปฏิบัติตามข้อตกลงเดิม
การที่นายจ้างกับลูกจ้างจะทำข้อตกลงกันใหม่หรือแก้ไขเพิ่มเติมข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องกระทำให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 13 แล้วดำเนินการตามบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 13 ด้วย นายจ้างไม่อาจกระทำได้ฝ่ายเดียว
การที่ลูกจ้างเล่นการพนันในบริเวณโรงงานเป็นครั้งแรก ไม่ถือว่าลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างในกรณีที่ร้ายแรง นายจ้างจึงไม่มีสิทธิเลิกจ้างโดยมิได้ว่ากล่าวและตักเตือนเป็นหนังสือก่อน ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 (3)
ในการการชี้ขาดคำร้องตามมารา 125 เมื่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เห็นว่าการกระทำของนายจ้างตามที่ถูกลูกจ้างยื่นคำร้องกล่าวหาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก็มีอำนาจสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายได้ โดยไม่ต้องมีคำขอเรียกร้องค่าเสียหาย
การที่ลูกจ้างเล่นการพนันในบริเวณโรงงานเป็นครั้งแรก ไม่ถือว่าลูกจ้างฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้างในกรณีที่ร้ายแรง นายจ้างจึงไม่มีสิทธิเลิกจ้างโดยมิได้ว่ากล่าวและตักเตือนเป็นหนังสือก่อน ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 123 (3)
ในการการชี้ขาดคำร้องตามมารา 125 เมื่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์เห็นว่าการกระทำของนายจ้างตามที่ถูกลูกจ้างยื่นคำร้องกล่าวหาเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรม คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ก็มีอำนาจสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายได้ โดยไม่ต้องมีคำขอเรียกร้องค่าเสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2982-2983/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิฟ้องผู้รับประกันภัยโดยตรงเมื่อเกิดความเสียหายจากรถคันเอาประกันภัย ลูกจ้างขับประมาท ผู้รับประกันภัยต้องรับผิด
โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากความประมาทของผู้ขับรถยนต์คันที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้ ย่อมมีสิทธิฟ้องจำเลยได้โดยตรงในฐานะเป็นผู้รับประกันภัยโดยไม่ต้องฟ้องผู้เอาประกันภัย
เมื่อลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยด้วยความประมาทก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ผู้ต้องเสียหายโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
เมื่อลูกจ้างของผู้เอาประกันภัยได้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยด้วยความประมาทก่อให้เกิดความเสียหายซึ่งผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวย่อมต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ผู้ต้องเสียหายโดยตรง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 887
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794-2795/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดต่อละเมิดของลูกจ้างที่เกิดจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ และสิทธิค่าขาดไร้อุปการะแม้มีผู้เลี้ยงดู
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์ประจำทางให้กับบริษัทจำเลยที่ 2 ตอนเกิดเหตุรถชนกันจำเลยที่ 1 ได้ขับรถไปส่งพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 2 ตามบ้านแม้มีระเบียบของบริษัทว่าเมื่อพนักงานขับรถนำรถเข้ามาในบริษัทนำลูกกุญแจไปแขวนไว้แล้วจะนำรถออกไปอีกต้องรับอนุญาตจากผู้จัดการก่อน ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบปฏิบัติภายใน จะนำมาใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ ทั้งระเบียบที่ว่านี้ก็มิได้ปฏิบัติเคร่งครัดถือได้ว่าการนำรถออกไปส่งพนักงานของบริษัทฯ อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2
เรื่องค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะมีคนอื่นอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ หรือโจทก์มีฐานะดีไม่ได้รับความเดือนร้อน โจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทน
เรื่องค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะมีคนอื่นอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ หรือโจทก์มีฐานะดีไม่ได้รับความเดือนร้อน โจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2794-2795/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
นายจ้างต้องรับผิดในผลละเมิดของลูกจ้างที่ขับรถในทางการที่จ้าง แม้มีระเบียบภายในและผู้ตายมีผู้ดูแล
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถยนต์ประจำทางให้กับบริษัทจำเลยที่ 2 ตอนเกิดเหตุรถชนกันจำเลยที่ 1 ได้ขับรถไปส่งพนักงานของบริษัทจำเลยที่ 2 ตามบ้านแม้มีระเบียบของบริษัทว่าเมื่อพนักงานขับรถนำรถเข้ามาในบริษัทนำลูกกุญแจไปแขวนไว้แล้ว จะนำรถออกไปอีกต้องรับอนุญาตจากผู้จัดการก่อน ระเบียบดังกล่าวเป็นระเบียบปฏิบัติภายใน จะนำมาใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ทั้งระเบียบที่ว่านี้ก็มิได้ปฏิบัติเคร่งครัดถือได้ว่าการนำรถออกไปส่งพนักงานของบริษัทฯ อยู่ในระหว่างปฏิบัติงานทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2
เรื่องค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะมีคนอื่นอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ หรือโจทก์มีฐานะดีไม่ได้รับความเดือดร้อนโจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทน
เรื่องค่าขาดไร้อุปการะ แม้จะมีคนอื่นอุปการะเลี้ยงดูโจทก์ หรือโจทก์มีฐานะดีไม่ได้รับความเดือดร้อนโจทก์ก็มีสิทธิจะได้รับค่าสินไหมทดแทน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 236/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขระเบียบเงินบำนาญกระทบสิทธิลูกจ้างเดิม นายจ้างต้องไม่ตัดสิทธิเดิม
ตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 20 บัญญัติห้ามนายจ้างทำสัญญาจ้างแรงงานกับลูกจ้างขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เว้นแต่สัญญาจ้างแรงงานนั้นจะเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่า ดังนั้น จำเลยจะแก้ไขระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินบำนาญ ให้แก่ลูกจ้างให้กระทบกระเทือนเป็นที่เสียหายแก่สิทธิของลูกจ้างที่มีอยู่แล้วไม่ได้
บำนาญหมายถึงเงินเลี้ยงชีพที่จ่ายให้โดยมีกำหนดเวลาสำหรับความดีความชอบในการทำงานที่ได้ทำมา เมื่อโจทก์ทำงานกับบริษัทจำเลยมานานเกิน 10 ปี จึงมีสิทธิได้รับบำนาญตามระเบียบของจำเลยฉบับเดิม ถึงแม้โจทก์จะลาออกเอง ก็มีสิทธิได้รับบำนาญโดยไม่จำเป็นต้องทำงานให้ครบเกษียณ
บำนาญหมายถึงเงินเลี้ยงชีพที่จ่ายให้โดยมีกำหนดเวลาสำหรับความดีความชอบในการทำงานที่ได้ทำมา เมื่อโจทก์ทำงานกับบริษัทจำเลยมานานเกิน 10 ปี จึงมีสิทธิได้รับบำนาญตามระเบียบของจำเลยฉบับเดิม ถึงแม้โจทก์จะลาออกเอง ก็มีสิทธิได้รับบำนาญโดยไม่จำเป็นต้องทำงานให้ครบเกษียณ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายของบริษัท และความรับผิดร่วมกับลูกจ้างในการชำระภาษีที่ไม่ได้หัก
เมื่อบริษัทโจทก์จ่ายเงินค่าจ้างรายเดือนให้แก่คนงาน อันเป็นเงินได้ พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 40(1) บริษัทโจทก์จึงมีหน้าที่ หักภาษีเงินได้ไว้ทุกคราวที่จ่ายค่าจ้าง ตามวิธีการในบทบัญญัติของมาตรา 50(1) โดยคำนวณภาษีจากจำนวนเงินเสมือนหนึ่งว่าได้จ่ายทั้งปี หาจำต้องรอให้ครบรอบปีภาษีเพื่อให้มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่จะต้องเสียภาษี และผู้มีเงินได้ ต้องยินยอมให้หักภาษีเสียก่อนไม่
บริษัทโจทก์มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แต่มิได้หักและนำส่งเงินภาษีนั้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 52 จึงต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม ตามมาตรา 27 แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 206 ลงวันที่ 15 กันยายน 2515 ข้อ 10 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 52 เดิม เพิ่มความตอนท้ายว่า "ไม่ว่า ตนจะไดัหักภาษีไว้แล้วหรือไม่" ก็เพื่อให้ได้ความชัดเจนขึ้นเท่านั้น หาใช่มาตรา 52 เดิมมีความหมายว่า เมื่อบริษัทโจทก์ไม่ได้หักภาษีไว้ก็ไม่มีหน้าที่นำส่ง และเมื่อ ไม่ต้องนำส่งจึงไม่ต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 ไม่
บริษัทโจทก์เป็นผู้จ่ายเงินตามมาตรา 50 แต่มิได้หักภาษีและมิได้นำส่ง เงินภาษีนั้นตามมาตรา 52 บริษัทโจทก์จึงต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างผู้มีเงินได้ ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่ไม่ได้หักและนำส่ง ตามมาตรา 54 วรรคแรก และภาษีเงินได้ดังกล่าวเป็นประเภทภาษีอากรประเมิน ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินเกี่ยวกับภาษีในหมวดภาษีเงินได้นี้ ตามมาตรา 38 เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีจาก โจทก์ได้ แม้จะยังไม่ได้ประเมินเรียกเก็บเอาแก่ลูกจ้างผู้มีเงินได้
บริษัทโจทก์มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายตามมาตรา 50 แต่มิได้หักและนำส่งเงินภาษีนั้นภายในกำหนดเวลาตามมาตรา 52 จึงต้องรับผิดเสียเงินเพิ่ม ตามมาตรา 27 แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 206 ลงวันที่ 15 กันยายน 2515 ข้อ 10 แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 52 เดิม เพิ่มความตอนท้ายว่า "ไม่ว่า ตนจะไดัหักภาษีไว้แล้วหรือไม่" ก็เพื่อให้ได้ความชัดเจนขึ้นเท่านั้น หาใช่มาตรา 52 เดิมมีความหมายว่า เมื่อบริษัทโจทก์ไม่ได้หักภาษีไว้ก็ไม่มีหน้าที่นำส่ง และเมื่อ ไม่ต้องนำส่งจึงไม่ต้องเสียเงินเพิ่มตามมาตรา 27 ไม่
บริษัทโจทก์เป็นผู้จ่ายเงินตามมาตรา 50 แต่มิได้หักภาษีและมิได้นำส่ง เงินภาษีนั้นตามมาตรา 52 บริษัทโจทก์จึงต้องรับผิดร่วมกับลูกจ้างผู้มีเงินได้ ในการเสียภาษีที่ต้องชำระตามจำนวนเงินภาษีที่ไม่ได้หักและนำส่ง ตามมาตรา 54 วรรคแรก และภาษีเงินได้ดังกล่าวเป็นประเภทภาษีอากรประเมิน ซึ่งเจ้าพนักงานประเมินเป็นผู้ประเมินเกี่ยวกับภาษีในหมวดภาษีเงินได้นี้ ตามมาตรา 38 เจ้าพนักงานประเมินจึงมีอำนาจประเมินเรียกเก็บภาษีจาก โจทก์ได้ แม้จะยังไม่ได้ประเมินเรียกเก็บเอาแก่ลูกจ้างผู้มีเงินได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1896/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจสั่งไล่ลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร: การใช้ดุลพินิจทางปกครองและการก้าวก่าย
ระเบียบว่าด้วยลูกจ้างของกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2516 เป็นระเบียบที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายอยู่ที่โจทก์เข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำของกรุงเทพมหานคร จำเลยก็โดยอาศัยระเบียบดังกล่าว การที่จำเลยเห็นว่าโจทก์ทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงและสั่งไล่โจทก์ออกจากงานก็โดยอาศัยอำนาจตามระเบียบ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจสั่งการตามอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายบริหารโดยแท้ โจทก์จึงขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเพิกถอนคำสั่งของจำเลยอันเป็นการก้าวก่ายดุลพินิจตามอำนาจของจำเลยไม่ได้
ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกลั่นแกล้งโจทก์และปฏิบัตินอกเหนืออำนาจ แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำละเมิดหรือไม่
ที่โจทก์อ้างว่าจำเลยกลั่นแกล้งโจทก์และปฏิบัตินอกเหนืออำนาจ แต่โจทก์ก็มิได้ฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทน จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำละเมิดหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1674/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ขอบเขตความผิดยักยอกทรัพย์: ลูกจ้างกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้จัดการทรัพย์สินหรือผู้มีอาชีพที่ประชาชนไว้วางใจ
สมุห์บัญชีและพนักงานบัญชีของกลุ่มเกษตรกรไม่ใช่ผู้ได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สิน หรือมีอาชีพธุรกิจที่ประชาชนไว้วางใจการยักยอกไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา353,354
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1621/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเปลี่ยนแปลงระเบียบจ่ายเงินบำนาญนายจ้างต้องไม่เป็นคุณต่อลูกจ้างเดิม และระเบียบเดิมยังคงมีผลบังคับ
ระเบียบจ่ายเงินบำนาญออกเมื่อใช้ พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์แล้วใช้เฉพาะผู้เข้าทำงานหลังวันออกระเบียบ ผู้ทำงานมาก่อนใช้ระเบียบที่มีอยู่เดิม เป็นข้อตกลงเกี่ยวกับการจ้างนายจ้างแก้ไม่ได้ เว้นแต่เป็นคุณแก่ลูกจ้าง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1608/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองอาวุธปืนของลูกจ้างเพื่อรักษาความปลอดภัยของนายจ้าง ต้องขออนุญาตตามกฎหมายอาวุธปืน
ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา 14 หากว่าบุคคลใดมีความประสงค์ให้ผู้อื่นมีและใช้อาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับรักษาทรัพย์สินของตนอันจักต้องใช้บุคคลอื่นดูแลอาจขอรับหนังสืออนุญาตพิเศษจากนายทะเบียนท้องที่ที่บุคคลนั้นมีถิ่นที่อยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ว่า กรณีดังกล่าวกฎหมายถือว่าเป็นการมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง จึงบัญญัติให้ขอรับหนังสืออนุญาตพิเศษจากนายทะเบียนท้องที่
จำเลยเป็นลูกจ้างเหมืองแร่ ว.มีหน้าที่เป็นยามดูแลรักษาความปลอดภัยในเหมืองแร่ ส.ผู้จัดการเหมืองแร่มอบอาวุธและกระสุนปืนของกลางซึ่ง ส.ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนห้องที่ให้มีไว้ในครอบครองให้จำเลยไว้เพื่อใช้ในการเป็นยามดูแลรักษาความปลอดภัยในเหมืองแร่ โดยจำเลยจะไปรับอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเวลา 18 นาฬิกาแล้วนำไปคืนเวลา 8 นาฬิกาวันรุ่งขึ้นทุกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมด้วยอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางได้ที่บ้านพักจำเลยในบริเวณเหมืองแร่ เมื่อจำเลยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตดังกล่าว จำเลยย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามกฎหมาย
จำเลยเป็นลูกจ้างเหมืองแร่ ว.มีหน้าที่เป็นยามดูแลรักษาความปลอดภัยในเหมืองแร่ ส.ผู้จัดการเหมืองแร่มอบอาวุธและกระสุนปืนของกลางซึ่ง ส.ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนห้องที่ให้มีไว้ในครอบครองให้จำเลยไว้เพื่อใช้ในการเป็นยามดูแลรักษาความปลอดภัยในเหมืองแร่ โดยจำเลยจะไปรับอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางเวลา 18 นาฬิกาแล้วนำไปคืนเวลา 8 นาฬิกาวันรุ่งขึ้นทุกวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมจำเลยพร้อมด้วยอาวุธปืนและกระสุนปืนของกลางได้ที่บ้านพักจำเลยในบริเวณเหมืองแร่ เมื่อจำเลยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตดังกล่าว จำเลยย่อมมีความผิดฐานมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่รับอนุญาตตามกฎหมาย