พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,377 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1627-1632/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่ชัดเจนของวันกระทำผิดในฟ้องอาญา ทำให้ฟ้องไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2491 เวลากลางวัน จำเลยนี้ เป็นทหารกองเกินและได้รับหมายเรียกของคณะกรมการอำเภอให้มาให้คณะกรรมการ ตรวจเลือกเข้ากองประจำการทหารจำเลยบังอาจหลีกเลี่ยงไม่มาให้คณะกรรมการตรวจเลือกตามกำหนดเวลา ทั้งนี้เพื่อจะไม่เข้ารับราชการทหารกองประจำการตามพระราชบัญญัติ เหตุเกิด ฯลฯดังนี้ จำเลยย่อมเข้าใจฟ้องของโจทก์ไม่ได้ดีว่าโจทก์หาว่าจำเลยกระทำผิดในวันใด ฟ้องโจทก์จึงไม่ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1533/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงข้างหลังขณะผู้ถูกทำร้ายจะผละหนี ไม่เป็นเหตุป้องกันตัวตามกฎหมาย
ผู้ตายได้โต้เถียงและทำร้ายบิดาจำเลย ๆ ได้วิ่งเข้ามา ผู้ตายได้ใช้ไม้ตีจำเลย ๆ จึงใช้มีดแทงผู้ตายไป 1 ที และผู้ตายได้ตีจำเลยอีก 1 ที แล้วเอี้ยวตัวจะผละหนี จำเลยก็แทงผู้ตายที่หลังอีก 1 ที ดังนี้การที่จำเลยแทงครั้งหลังนั้นไม่เป็นการป้องกันตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 50 เพราะจำเลยแทงข้างหลัง ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องแทงผู้ตายเพื่อให้บิดาหรือตัวจำเลยพ้นภยันตรายจากการกระทำของผู้ตาย การกระทำของจำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา แต่กระทำลงโดยบรรดาลโทษะ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1479/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งกายเลียนแบบตำรวจโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
จำเลยแต่งตัวสวมเสื้อแบบตำรวจมีเครื่องหมายที่คอเสื้อทั้งสองข้าง ใส่หมวกแก๊บแบบตำรวจ มีเครื่องหมายที่หน้าหมวก และถือปืนยาวของตำรวจแต่นุ่งกางเกงดำขาสั้นแบบกางเกงจีนพยานว่า ถ้าไม่รู้จักจำเลยมาก่อนพยานต้องเข้าใจว่าจำเลยเป็นตำรวจ ดังนี้ จำเลยย่อมผิดฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 141/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีอาญาขาดอายุความเนื่องจากระยะเวลาร้องทุกข์เกินกำหนดตามกฎหมาย
ฟ้องโจทก์หาว่า จำเลยยักยอกเมื่อเดือนมกราคม 2490 ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2490 เป็นเวลาล่วงเลย 3 เดือน คดีย่อมขาดอายุความตาม ก.ม. ลักษณะอาญา มาตรา 80 แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 131/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคไม่ใช่กฎหมาย การเพิกถอนการควบคุมมีผลย้อนหลังไม่ได้
ประกาศของเจ้าหน้าที่ออกตาม พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคฯ ไม่ใช่กฎหมาย ฉะนั้น เมื่อภายหลังวันโจทก์หาว่าจำเลยได้ทำผิดคือยักย้ายผ้าได้มีประกาศเลิกการควบคุมผ้า จึงมิใช่เป็นเรื่องมีกฎหมายใหม่ยกเลิกความผิด
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯ มีความผิด หาได้มีข้อความจะพึงให้เห็นว่า จำเลยต้องมีเจตนาเพื่อมิให้ถูกควบคุมหรือเพื่อให้ควบคุมยากด้วยจึงจะมีความผิดไม่./
พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภค ฯลฯ ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของคณะกรรมการฯ มีความผิด หาได้มีข้อความจะพึงให้เห็นว่า จำเลยต้องมีเจตนาเพื่อมิให้ถูกควบคุมหรือเพื่อให้ควบคุมยากด้วยจึงจะมีความผิดไม่./
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1236/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของพินัยกรรมและความถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แม้มีการอ้างอิงกฎหมายที่ถูกยกเลิก
พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม พ.ศ.2475 มีข้อความอย่างเดียวกับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มาตรา 1658
พินัยกรรมทำเมื่อ พ.ศ.2489 เป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองโดยมีบันทึกท้ายพินัยกรรมเขียนไว้ว่าพินัยกรรมนี้ได้ทำถูกต้องตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 มาตรา 7 อนุมาตรา1 ถึง 3 นั้น แปลความหมายได้ว่า พินัยกรรมได้ทำถูกต้องตามความในอนุมาตรา 1 ถึง 3 ของมาตรา 1658นั่นเอง จึงเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์
พินัยกรรมทำเมื่อ พ.ศ.2489 เป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองโดยมีบันทึกท้ายพินัยกรรมเขียนไว้ว่าพินัยกรรมนี้ได้ทำถูกต้องตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยการทำพินัยกรรม 2475 มาตรา 7 อนุมาตรา1 ถึง 3 นั้น แปลความหมายได้ว่า พินัยกรรมได้ทำถูกต้องตามความในอนุมาตรา 1 ถึง 3 ของมาตรา 1658นั่นเอง จึงเป็นพินัยกรรมที่สมบูรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไม่ถือเป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติ ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผลผูกพัน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ตามนิตินัยไม่ใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้.
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฎว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่กฎหมายอันรู้ถึงประชาชนเสมอไป ต้องได้รับการสนับสนุนจากกฎหมายจึงมีผล
ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้นตามนิตินัยมิใช่ว่าประกาศใดที่ออกในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะต้องถือว่าเป็นกฎหมายอันรู้ถึงประชาชน ทั้งนี้ต้องแล้วแต่ว่าประกาศที่ออกแล้วนั้น จะได้รับการสนับสนุนให้มีผลใช้ได้ในกฎหมายเพียงใด
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ซึ่งลงในราชกิจจานุเบกษานั้นเป็นประกาศธรรมดาไม่ใช่เป็นกฎหมายอันประชาชนจะพึงปฏิเสธไม่ได้ ฉะนั้น โจทก์ก็จะต้องนำสืบว่าจำเลยได้ทราบประกาศนั้นแล้ว เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ทราบก็จะเอาผิดลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1048/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับรองบุตรโดยมิได้จดทะเบียนสมรส และการพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย
คดีร้องขอให้รับรองบุตรนั้น ผู้ร้องย่อมขอแก้วันเกิดของเด็กได้ในเมื่อไม่ทำให้ผู้คัดค้านเสียเปรียบในเชิงคดี
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1519 บัญญัติแต่เพียงว่า เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภรรยาชาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรของชายผู้เป็นสามี มิได้วางข้อบัญญัติไว้โดยเด็ดขาดว่าเป็นบุตรของชายผู้เป็นสามี จึงเป็นเรื่องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานได้ และบทบัญญัติในเรื่องฟ้องขอให้รับรอง ก็มิได้วางข้อบัญญัติกีดกั้นมิให้ฟ้องในกรณีเช่นนี้ ฉะนั้นเมื่อเข้าหลักเกณฑ์ในเรื่องฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรแล้ว ผู้ร้องก็ย่อมมีอำนาจฟ้องได้
เด็กซึ่งเกิดกับชายชู้นั้นมารดาของเด็กย่อมร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายชู้ได้ มาตรา 1529 (4) ไม่ได้กีดกันถึงกรณีที่เป็นชู้กันด้วย.
ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1519 บัญญัติแต่เพียงว่า เด็กเกิดแต่หญิงขณะเป็นภรรยาชาย ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นบุตรของชายผู้เป็นสามี มิได้วางข้อบัญญัติไว้โดยเด็ดขาดว่าเป็นบุตรของชายผู้เป็นสามี จึงเป็นเรื่องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานได้ และบทบัญญัติในเรื่องฟ้องขอให้รับรอง ก็มิได้วางข้อบัญญัติกีดกั้นมิให้ฟ้องในกรณีเช่นนี้ ฉะนั้นเมื่อเข้าหลักเกณฑ์ในเรื่องฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรแล้ว ผู้ร้องก็ย่อมมีอำนาจฟ้องได้
เด็กซึ่งเกิดกับชายชู้นั้นมารดาของเด็กย่อมร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายชู้ได้ มาตรา 1529 (4) ไม่ได้กีดกันถึงกรณีที่เป็นชู้กันด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1043/2492
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจการขอจ่ายสินบนนำจับในคดีป้องกันการค้ากำไรเกินควร: ความแตกต่างระหว่าง พ.ร.บ. 2489 และ พ.ร.บ. 2490
พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 มาตรา 30 ได้บัญญัติถึงการบังคับให้ใช้สินบนนำจับไว้เป็นพิเศษแตกต่างไปจากที่บัญญัติไว้ในมาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำความผิด พ.ศ.2489
คำขอให้จ่ายค่าสินบนนำจับตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 พนักงานอัยการไม่มีอำนาจจะขอแทนได้ เพราะ พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ไม่ได้ระบุอำนาจไว้
คำขอให้จ่ายค่าสินบนนำจับตาม พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 พนักงานอัยการไม่มีอำนาจจะขอแทนได้ เพราะ พ.ร.บ.ป้องกันการค้ากำไรเกินควร พ.ศ.2490 ไม่ได้ระบุอำนาจไว้