คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ลูกจ้าง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,226 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1604/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของบริษัทต่อการขนแร่เกินปริมาณที่ได้รับอนุญาต โดยลูกจ้างกระทำผิด
ธ. รับจ้างขนแร่ของบริษัทเกินจำนวนในใบอนุญาตให้ขนกว่าร้อยละ 5 บริษัทต้องรับผิดในการกระทำของลูกจ้างตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ.2510 มาตรา 10 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2516 มาตรา 8 ธ. ขนแร่ของตนรวมไปกับแร่ของบริษัท ถือว่าการขนแร่เป็นความผิดที่ผู้รับใบอนุญาตต้องรับผิดเป็นตัวการด้วยและถือเป็นแร่ผิดกฎหมายทั้งหมดตาม มาตรา110 ต้องริบตามมาตรา 154 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2516 มาตรา39 ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำผิดฐานมีไม้แปรรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต: ผู้กระทำเป็นลูกจ้างเฝ้าไม้ไม่ได้มีไว้ในความครอบครองเอง
จำเลยเป็นลูกจ้าง ได้ร่วมกับพวกไปตัดฟันไม้มาทำการแปรรูปโดยไม่มีใบอนุญาตขณะถูกจับกุมจำเลยกำลังนอนเฝ้าไม้เหล่านั้นไว้ ดังนี้ การกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นผู้มีไม้ของกลางไว้ในความครอบครองอันจะต้องได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติป่าไม้แต่ถือได้ว่าเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายจ้าง ซึ่งเป็นผู้มีไว้ในความครอบครองจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1320/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลูกจ้างทำความสะอาดและเก็บเงินในร้านตัดผม มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา แม้ทำงานเกี่ยวกับกิจการร้านค้า ไม่ถือเป็นงานบ้าน
งานทำความสะอาดร้านตัดผมและเก็บเงินจากลูกค้าที่ ล.ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะลูกจ้างนั้น เป็นงานเกี่ยวกับร้านตัดผมที่จำเลยประกอบกิจการอยู่ โดยเฉพาะหน้าที่เก็บเงินจากลูกค้าที่มาตัดผม ย่อมเห็นได้ว่าไม่เกี่ยวกับงานบ้าน กรณีถือไม่ได้ว่า ล. เป็นลูกจ้างซึ่งทำงานเกี่ยวกับงานบ้าน ตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ล. จึงมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1245/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหลังการยื่นข้อเรียกร้อง - การบังคับใช้ข้อตกลงสภาพการจ้างและการคุ้มครองลูกจ้าง
ข้อตกลงเกี่ยกับสภาพการจ้างที่ผู้แทนโจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างกับผู้แทนฝ่ายลูกจ้างได้ทำความตกลงกันทำขึ้น มิได้กำหนดระยะเวลาไว้ จึงมีผลใช้บังคับหนึ่งปีนับแต่ที่ตกลงกัน
การที่นายจ้างเลิกกิจการไม่ทำให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างสิ้นสุดลง เมื่อข้อตกลงระบุว่าในกรณีนายจ้างจำเป็นต้องยุบหรือเลิกกิจการแผนกใด นายจ้างรับจะพิจารณาหาตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมให้ลูกจ้าง แล้วนายจ้างยุบเลิกแผนกโดยไม่หาตำแหน่งใหม่ให้ลูกจ้างจึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 123 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ และเมื่อมีพฤติการณืฟังได้ว่านายจ้างยุบเลิกแผนกส่งของเพื่อเลิกจ้างเนื่องจากลูกจ้างในแผนกนี้หลายคนเป็นผู้นำในการยื่นข้อเรียกร้องให้ปรับปรุงค่าจ้างและสวัสดิการก่อให้เกิดความยุ่งยากแก่นายจ้าง จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 121 (1) อีกด้วย ดังนี้ ถือได้ว่าการกระทำของนายจ้างเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ย่อมมีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของลูกจ้างและสั่งให้นายจ้างจ่ายค่าเสียหายได้
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ ฯ มาตรา 40, 41 เป็นบทบัญญัติว่าด้วยการประชุมและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์โดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการแรงงานสัมพันธ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องไล่เบี้ยค่าเสียหายจากลูกจ้าง กรณีเกิดจากอุบัติเหตุทางละเมิดที่เกิดจากการปฏิบัติงาน
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงิน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้ว โดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์ คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1133/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเรียกร้องค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของลูกจ้าง: การชดใช้ค่าเสียหายซ้ำซ้อนและความชัดเจนของจำนวนเงินที่ได้รับ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ ได้กระทำละเมิดในทางการที่จ้าง โดยขับรถยนต์ประมาทชนนายหนูใบถึงแก่ความตาย โจทก์ในฐานะนายจ้างของจำเลยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่นางจวงภรรยานายหนูใบผู้ตายไปแล้วเป็นเงิน 30,000 บาท โจทก์จึงฟ้องไล่เบี้ยจำเลยให้ชดใช้เงินคืน โจทก์ได้รับชดใช้คืนบ้างแล้วโดยได้รับชดใช้เงินคืนจากผู้ค้ำประกันจำเลยในการเข้าทำงานกับโจทก์เป็นเงิน 30,000 บาท กับได้รับชดใช้จากการหักเงินเดือนของจำเลยอีก 287 บาท 94 สตางค์คงเหลือที่จำเลยจะต้องใช้คืนอีก 26,712 บาท 06 สตางค์ ดังนี้ เห็นได้ชัดว่าจำนวนเงินที่โจทก์ได้รับชดใช้คืนจากผู้ค้ำประกัน น่าจะมีความผิดพลาดในรายละเอียด เพราะนอกจากโจทก์จะได้ยืนยันถึงจำนวนเงินคงเหลือที่โจทก์จะได้รับชดใช้ไล่เบี้ยเอาจากจำเลยอีกเป็นเงิน 26,712 บาท 06 สตางค์แล้ว ตามคำขอท้ายฟ้องก็ยังระบุให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์อีก กรณีมิใช่โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหายครบถ้วนแล้วยังมาฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก จึงชอบที่ศาลชั้นต้นจะได้ทำการชี้สองสถานและดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนของนายจ้างจากอุบัติเหตุที่ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บ/เสียชีวิต และขอบเขตความรับผิดของจำเลย
โจทก์มิใช่ผู้ถูกทำละเมิด หากเป็นเพียงนายจ้างของผู้ถูกทำละเมิด เป็นบุคคลภายนอก ที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเอากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ต้องมีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง (ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศพ ค่าทดแทน และค่าชดเชย) ของผู้ถูกทำละเมิด เป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้ลูกจ้างตามคำสั่งของแรงงานจังหวัด ผูกพันตามกฎหมายแรงงานซึ่งเป็นคนละเรื่องกับค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์กรณีที่ต้องขาดแรงงานในมูลละเมิด
ตามฟ้องของโจทก์ได้ความแล้วว่า โจทก์เป็นนายจ้างของลูกจ้างที่ได้รับอันตรายถึงตายและบาดเจ็บเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ต้องขาดแรงงานระหว่างลูกจ้างบาดเจ็บต้องจ่ายเงินเดือนระหว่างลูกจ้างปฏิบัติงานไม่ได้ โรงงานต้องหยุดกิจการเพราะขาดแรงงาน ถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 แล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1047/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายจ้างเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้าง: สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายแรงงานและประมวลกฎหมายแพ่ง
โจทก์มิใช่ผู้ถูกทำละเมิด หากเป็นเพียงนายจ้างของผู้ถูกทำละเมิด เป็นบุคคลภายนอก ที่โจทก์จะใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเอากับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ต้องมีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง (ค่ารักษาพยาบาล ค่าทำศพ ค่าทดแทน และค่าชดเชย)ของผู้ถูกทำละเมิดเป็นเงินที่โจทก์จ่ายให้ลูกจ้างตามคำสั่งของแรงงานจังหวัด ผูกพันกันตามกฎหมายแรงงานซึ่งเป็นคนละเรื่องกับค่าสินไหมทดแทนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 จะต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์กรณีที่ต้องขาดแรงงานในมูลละเมิด
ตามฟ้องของโจทก์ได้ความแล้วว่า โจทก์เป็นนายจ้างของลูกจ้างที่ได้รับอันตรายถึงตายและบาดเจ็บเพราะการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 โจทก์ต้องขาดแรงงานระหว่างลูกจ้างบาดเจ็บต้องจ่ายเงินเดือนระหว่างลูกจ้างปฏิบัติงานไม่ได้ โรงงานต้องหยุดกิจการเพราะขาดแรงงาน ถือได้ว่าโจทก์เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 445 แล้ว จำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทนส่วนนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 991/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องค่าเสียหายจากการฝากทรัพย์ และความรับผิดของผู้รับฝากต่อความเสียหายจากลูกจ้าง
โจทก์ที่ 1 บรรยายฟ้องว่า โจทก์ที่ 1 ฝากรถยนต์ไว้กับจำเลยที่ 1 โดยมีบำเหน็จค่าฝาก จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถที่จำเลยที่ 1 รับฝากออกไปขับทำให้รถเสียหาย จำเลยที่ 1 ต้องรับผิดในค่าเสียหายนี้ ส่วนฟ้องของโจทก์ที่ 2 เพียงแต่กล่าวว่าจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของโจทก์ที่ 1 ไปขับประมาท เป็นเหตุให้ชนรถของโจทก์ที่ 2 เสียหาย ฟ้องของโจทก์ที่ 1 เป็นเรื่องให้บังคับตามสัญญาฝากทรัพย์ ส่วนฟ้องของโจทก์ที่ 2 เป็นเรื่องละเมิดฟ้องของโจทก์ที่ 1 ไม่เคลือบคลุม แต่สำหรับฟ้องของโจทก์ที่ 2 ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ในการงานอะไร และการที่จำเลยที่ 2 นำรถของโจทก์ที่ 1 ออกไปขับเป็นการกระทำไปในทางการที่จำเลยที่ 1 จ้างจึงเป็นฟ้องที่ขาดข้อความสำคัญที่จะให้จำเลยที่ 1 ร่วมรับผิดในผลอันเกิดแต่มูลละเมิดที่จำเลยที่ 2 ก่อให้เกิดขึ้น ศาลจะอาศัยฟ้องเช่นนี้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 425 มิได้
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่มีมติว่า การฟ้องขอให้ผู้รับฝากทรัพย์ใช้ค่าซ่อมรถยนต์ที่เกิดการเสียหายเนื่องจากความผิดของผู้รับฝากเป็นการฟ้องเรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวกับการฝากทรัพย์ จึงต้องห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นเวลาหกเดือนนับแต่วันสิ้นสัญญาตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 671 และถือว่าวันสิ้นสุดสัญญาคือวันที่โจทก์ที่1 ได้รับรถยนต์คืนมา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 17-18/2519)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างที่อยู่นอกเหนือขอบเขตหน้าที่
ลูกจ้างประจำปั๊มน้ำมันของจำเลย มีหน้าที่เติมน้ำมันล้างรถยนต์ลูกจ้างแก้รถยนต์ของโจทก์ที่เครื่องยนต์ดับเพราะน้ำท่วม แล้วนำรถออกไปลองเครื่อง ไม่เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง รถของโจทก์เกิดอุบัติเหตุเสียหาย จำเลยไม่ต้องรับผิด
of 223