คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ฎีกา

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 3,024 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1107/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้น และการเปลี่ยนแปลงคำขอในคำแก้ฎีกา
จำเลยฎีกาว่าจำเลยได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ.2517 มีสิทธิที่จะเช่านาพิพาทจนครบ6 ปี แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้ไว้แต่ศาลชั้นต้นจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 แม้ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าไม่มีเหตุอันสมควรที่จะยกขึ้นวินิจฉัย ก็ไม่ยกขึ้นวินิจฉัยให้
โจทก์มิได้ฎีกาขอให้ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ได้รับค่าเสียหายเต็มตามฟ้อง แม้จะได้ขอเช่นนั้นมาในคำแก้ฎีกา ศาลฎีกาก็พิพากษาเพิ่มค่าเสียหายขึ้นไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตรับฎีกาและการสิ้นสุดกระบวนการเมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล
ศาลชั้นต้นยกคำร้องที่จำเลยขออุทธรณ์อนาถาจำเลยร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง ให้วางค่าธรรมเนียมใน 15 วัน จำเลยฎีกาคำสั่ง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาศาลฎีกายกคำร้องฎีกาคำสั่งไม่รับฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์เป็นที่สุด จำเลยขอขยายเวลาที่ศาลอุทธรณ์กำหนดอีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดการฎีกาเรื่องทุนทรัพย์ และการนำสืบหักล้างสัญญาเช่าซื้อว่าเป็นนิติกรรมอำพราง
ฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ 37,500 บาท ส่วนฟ้องแย้งมีทุนทรัพย์ 30,000 บาท คำขออื่นตามฟ้องแย้งเป็นคำขอไม่มีทุนทรัพย์ต่อเนื่องจากคำขอมีทุนทรัพย์ ดังนั้น ทุนทรัพย์ที่พิพาทตามฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่เกินห้าหมื่นบาท เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2518 มาตรา 6
การที่จำเลยนำสืบว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญากู้ยืมตกเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้นั้น มิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร หากแต่เป็นการนำสืบหักล้างสัญญาเช่าซื้อว่าไม่ถูกต้องสมบูรณ์ทั้งหมด จำเลยนำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 943/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำกัดสิทธิฎีกาเมื่อทุนทรัพย์ไม่เกินห้าหมื่นบาท และข้อยกเว้นการห้ามนำสืบเปลี่ยนแปลงเอกสาร
ฟ้องโจทก์มีทุนทรัพย์ 37,500 บาท ส่วนฟ้องแย้งมีทุนทรัพย์ 30,000 บาท คำขออื่นตามฟ้องแย้งเป็นคำขอไม่มีทุนทรัพย์ต่อเนื่องจากคำขอมีทุนทรัพย์ดังนั้นทุนทรัพย์ที่พิพาทตามฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลยที่ 1 จึงไม่เกินห้าหมื่นบาทเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 6)พ.ศ.2518 มาตรา 6
การที่จำเลยนำสืบว่าสัญญาเช่าซื้อเป็นนิติกรรมอำพรางสัญญากู้ยืมตกเป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้นั้น มิใช่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารหากแต่เป็นการนำสืบหักล้างสัญญาเช่าซื้อว่าไม่ถูกต้องสมบูรณ์ทั้งหมด จำเลยนำสืบได้ไม่ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 908/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าด้วยวัตถุระเบิดกำลังอ่อน ศาลอุทธรณ์แก้ไขโทษจาก 80 เป็น 81 จำเลยฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานมีวัตถุระเบิดไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38,74 ให้จำคุก 2 ปี กระทงหนึ่ง และมีความผิดฐานพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80 ให้จำคุก 10 ปี อีกกระทงหนึ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่า เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 81 ให้จำคุก 4 ปี ดังนี้ ข้อหาฐานมีวัตถุระเบิดฯ ต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ส่วนข้อหาฐานพยายามฆ่านั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขมาก จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้
ข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าลูกระเบิดที่จำเลยขว้างผู้เสียหายนั้นเป็นลูกระเบิดชนิดรา้ยแรงเพียงใดหรือไม่ แต่ปรากฏบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับทั้ง ๆ ที่ผู้เสียหายอยู่ตรงจุดระเบิดนั้นเองว่า มีบาดแผลเพียง 4 แห่งคือ 1. บริเวณกกหูขวา หูขวา และใบหน้าแถบขวา แผลจุดแดงเล็ก ๆ ทั่วบริเวณและผิวหนังแดงพอง 2. บริเวณคอแถบขวาแผลยาว 1.5 เซนติเมตร2 แห่ง รอบแผลบวมแดง 3. สะบักขวาผิวหนังขาดกว้าง 4 เซนติเมตร ยวา 4 เซนติเมตร ลึก 0.5 เซนติเมตร รอบแผลบวมมาก และบริเวณเดียวกันมีแผลยาว 2 เซนติเมตร 3 แห่ง รอบ ๆ แผลมีจุดแดง ๆ เล็ก ๆ ทั่วไป ผิวหนังพอง 4. เนื้อไหม้เป็นวงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 นิ้วฟุต ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน รุ่งขึ้นแพทย์ก็ให้กลับบ้านได้ เพียงแต่ให้ไปรักษาบาดแผลที่โรงพยาบาลอีกเท่านั้น ดังนี้ แสดงว่าวัตถุระเบิดนั้นมีกำลังอ่อน ไม่อาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ แม้จำเลยมีเจตนาฆ่า แต่การกระทำของจำเลยไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยซึ่งใช้ในการกระทำผิด การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,81หาใช่มาตรา 288,80 ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาต้องห้ามตาม ม.248 และการฎีกาไม่ชัดแจ้งตาม ม.249 กรณีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์และที่สาธารณะ
คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจให้เช่าได้เดือนละ 200 บาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะ มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธินั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เช่นนี้จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
จำเลยฎีกาลอยๆ ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม มิได้ยกเหตุขึ้นอ้างอิงว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ถูกต้องด้วยเหตุใด ไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องกรรมสิทธิ์และประเด็นฟ้องเคลือบคลุม: การฎีกาต้องเฉพาะเจาะจงข้อผิดพลาดในการวินิจฉัยของศาล
คดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์ซึ่งอาจให้เช่าได้เดือนละ 200 บาท จำเลยให้การว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณะมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์นั้นเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นโดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ เช่นนี้จำเลยจะฎีกาในข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินอีกไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248
จำเลยฎีกาลอย ๆ ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมมิได้ยกเหตุขึ้นอ้างอิงว่าศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไม่ถูกต้องด้วยเหตุใดไม่เป็นฎีกาที่ชัดแจ้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 249

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกในคดียาเสพติด: การเปลี่ยนแปลงโทษเล็กน้อยทำให้ไม่สามารถฎีกาได้
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ตรี จำคุก 1 ปี และตามมาตรา 20 ทวิ จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 6 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานมีไว้เพื่อขายและขายยาเสพติดให้โทษ ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2465 มาตรา 20 ทวิ จำคุก 5 ปี ลดโทษให้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษคดียาเสพติดโดยศาลอุทธรณ์: ข้อจำกัดในการฎีกา
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465 มาตรา 20ตรี จำคุก 1 ปีและตามมาตรา 20ทวิ จำคุก 5 ปี รวมจำคุก 6 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 6 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษจำเลยฐานมีไว้เพื่อขายและขายยาเสพติดให้โทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2465. มาตรา 20ทวิ จำคุก 5 ปี ลดโทษให้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 4 ปี ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลฎีกาวินิจฉัยให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 756/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกในศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลย 2 กระทง ฐานมีเฮโรอีนจำคุก 1 ปี ฐานจำหน่ายเฮโรอีน จำคุก 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเฮโรอีนกระทงเดียว จำคุก 5 ปี จึงเป็นการพิพากษายืนในความผิดกระทงนี้ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
of 303