คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
ละเมิด

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตสิทธิเครื่องหมายการค้า: การจดทะเบียนที่มีข้อจำกัดและผลต่อการฟ้องละเมิด
เครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่จดทะเบียนไว้เป็นอักษรโรมัน คำว่าTASTE อยู่เหนือรูปปลา ภายในรูปอาร์ม การจดทะเบียนโจทก์ไม่ถือเป็นสิทธิแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรโรมันคำว่า TASTE ทั้งรวมหรือแยกกันแต่ลำพังจากรูปปลา อาร์ม ซึ่งการจดทะเบียนได้ระบุไว้ด้วยว่าไม่ให้สิทธิแก่ผู้ขอจดทะเบียนแต่ผู้เดียวที่จะใช้อักษรโรมันคำว่า TASTE ทั้งรวมหรือแยกกันตามลำพังจากรูปปลา อาร์ม ฉะนั้นโจทก์จึงมีสิทธิเฉพาะเครื่องหมายการค้าตามที่จดทะเบียนไว้เท่านั้น กล่าวคือ ต้องเป็นอักษรโรมันคำว่า TASTE อยู่เหนือรูปปลาภายในรูปอาร์ม เครื่องหมายการค้าที่มีแต่เพียงอักษรโรมันอย่างเดียวใช้คำว่า TASTE หรือการใช้อักษรไทยคำว่า เทสท์ จึงไม่เป็นของโจทก์ที่จะมีสิทธิแต่ผู้เดียวตามความหมายของมาตรา 27 แห่งพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 โจทก์จึงนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนนั้นไม่ได้ ตามมาตรา 29
ความตอนท้ายของมาตรา 19 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2504 มาตรา 6 วรรคแรกที่ว่าคำแสดงปฏิเสธอันลงไว้ในทะเบียนนั้นไม่กระทบสิทธิแห่งเจ้าของโดยประการอันมิได้เป็นปัญหา เนื่องแต่การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่เจ้าของให้คำแสดงปฏิเสธนั้น หมายถึงสิทธิประการอื่นเช่นสิทธิฟ้องร้องคดีซึ่งจำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ ดังมีบัญญัติไว้ในมาตรา 29 วรรคสองเป็นต้น แต่โจทก์มิได้ฟ้องโดยอาศัยสิทธิประการอื่น
เครื่องหมายการค้าโจทก์ใช้ตัวเอนว่า "TASTE" และยังมีอักษรตัวตรงในบรรทัดล่างว่า "Modern from U.S.A." ส่วนเครื่องหมายการค้าจำเลยแม้จะเป็นอักษรโรมันคำว่า TASTE แต่ก็เป็นอักษรตัวตรงและบรรทัดต่อไปใช้อักษรไทยตัวใหญ่กว่าว่า "เทสท์" โดยมีอักษรไทยบรรทัดถัดไปอีกว่า "23 บางลำภู" อันเป็นการแตกต่างกันเห็นได้ชัดแม้แต่ชื่อร้านของจำเลยก็ใช้เป็นภาษาไทยว่า เทสท์ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำละเมิดต่อสิทธิของโจทก์แต่ประการใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าเสียหายจากการตัดขาพิการ: ค่าเสียหายมิใช่ตัวเงิน, ดอกเบี้ยนับจากวันทำละเมิดแต่ไม่เกินคำขอ
ค่าเสียหายฐานละเมิดเพราะต้องตัดขาพิการตลอดชีวิตเป็นค่าเสียหายซึ่งมิใช่ตัวเงิน ไม่ซ้ำกับค่าที่ไม่สามารถประกอบการงานแม้เป็นค่าเสียหายในอนาคตก็คิดดอกเบี้ยตั้งแต่วันผิดนัดคือวันทำละเมิด แต่ไม่เกินคำขอที่โจทก์ขอมาตั้งแต่วันฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาและแพ่งเกี่ยวเนื่อง: ศาลต้องยึดข้อเท็จจริงจากคดีอาญาที่ถึงที่สุดในการพิจารณาคดีละเมิด
ศาลทหารกรุงเทพ (ศาลอาญา) ได้พิพากษายกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มั่นคงยังเป็นที่สงสัย ต้องยกประโยชน์ให้เป็นผลดีแก่จำเลย ฉะนั้นในการพิจารณาคดีแพ่ง ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาของศาลทหารตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 มาตรา 54 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 ว่า โจทก์ไม่มีพยานมาสืบให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้กระผิดตามที่โจทก์ฟ้อง ที่โจทก์นำพยานอื่นมาสืบในคดีนี้ว่า จำเลยที่ 1 ได้กระทำผิดหรือกระทำละเมิดต่อโจทก์ ศาลจะรับฟังไม่ได้ เพราะขัดกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวแล้ว เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 2 และที่ 3 ซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นนายจ้างจึงไม่ต้องรับผิดไปด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความรับผิดทางละเมิดจากข่มขืนและการกำหนดค่าเลี้ยงดูบุตร
ชายข่มขืนชำเราหญิงอายุ 15 ปี จนมีครรภ์คลอดบุตรศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรของชายตามฟ้องของหญิง ให้ใช้นามสกุลชายให้เด็กอยู่กับหญิงและให้หญิงเป็นผู้ปกครองเด็กให้ค่าอุปการะเลี้ยงดูจนอายุ 20 ปี ให้ใช้ค่าเสียหายแก่หญิง
ชายต่อสู้ว่าข้อหาละเมิดขาดอายุความ ศาลยกฟ้องโดยเหตุอื่นหญิงอุทธรณ์ฎีกา ชายมิได้อ้างอายุความในคำแก้อุทธรณ์ฎีกา ถือว่าชายไม่ยกอายุความขึ้นต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ฎีกา
คำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขานิติเวชวิทยาตรวจร่างกายและเลือดของชายหญิงและเด็ก เห็นว่าไม่มีข้อปฏิเสธว่าเด็กไม่ใช่บุตรเกิดจากชายและหญิง มีน้ำหนักดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2538/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในละเมิดของนายจ้างจากการใช้รถของกรมทางหลวงฯตามคำขอ
ลูกจ้างกรมทางหลวงฯ ขับรถยนต์ของกรมทางหลวงฯไปรับเสด็จตามคำขอของนายอำเภอ ซึ่งนายช่างโครงการหัวหน้าศูนย์ของกรมทางหลวงฯอนุมัติ และผู้ขับรถประจำยอมให้ขับและนั่งไปด้วย ถือได้ว่าได้ใช้รถในทางการที่กรมทางหลวงฯจ้างนายจ้างต้องรับผิดในละเมิดของลูกจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2467/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การแทงผู้กระทำละเมิดหลายครั้ง แม้เป็นการป้องกันบุตรสาว
ส.บุตรสาวของจำเลยลงไปอาบน้ำที่บันไดริมแม่น้ำในเวลา 1 ทุ่มเศษ น้ำลึกแค่หน้าอก ผู้ตายดำน้ำมากอดเอวจับนมและของลับของ ส. ส.ร้องเรียกให้จำเลยช่วย จำเลยจึงคว้ามีดลงไปช่วยและแทงผู้ตายจนผู้ตายจมหายไป ดังนี้ ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกัน ส. แต่ผู้ตายเพียงแต่ดำน้ำมาจับเอวจับนมและของลับของ ส.เท่านั้น การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผนที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล คือ ที่นมขวา เหนือลิ้นปี่ ต้นแขนขวา ต้นแขนซ้าย และส้นเท้าซ้าย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2385/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของตัวการต่อการกระทำละเมิดของตัวแทนโดยปริยาย
จำเลยที่ 2 เจ้าของเรือยนต์ขับเรือไม่เป็น ได้ใช้จำเลยที่ 1 ขับเรือโดยนั่งไปในเรือด้วย จำเลยที่ 2 เป็นตัวการต้องรับผิดในละเมิดที่จำเลยที่ 1 ตัวแทนโดยปริยายได้ขับเรือโดยประมาทเลินเล่อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2222/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความละเมิด: ยื่นฟ้องหลังวันหยุดราชการ ศาลรับได้
อายุความคดีละเมิด 1 ปี ครบกำหนดวันที่ 8 ซึ่งเป็นวันเสาร์โจทก์ยื่นฟ้องวันจันทร์ที่ 10 ดังนี้ ไม่ขาดอายุความ ศาลรู้เองตามปฏิทินว่าเป็นวันหยุดราชการประจำสัปดาห์ โดยโจทก์ไม่ต้องเบิกความถึง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในต้นยางบนที่ดินในเขตป่าสงวน และความรับผิดทางละเมิดจากไฟไหม้
สวนยางของโจทก์อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่โจทก์ปลูกต้นยางและครอบครองก็ตาม โจทก์มีสิทธิในต้นยางดีกว่าผู้อื่นระหว่างเอกชนด้วยกัน จำเลยทำละเมิดให้ไฟไหม้ต้นยางของโจทก์เสียหาย ต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม มาตรา 420

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2079/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการละเมิด
อ.ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เบิกความว่า บริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดส่งใบรับรองภาษาอังกฤษของหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีเจ้าหน้าที่ลงนามรับรอง พร้อมกับคำแปล นอกจากนี้ใบมอบอำนาจซึ่งมีคำแปรประกอบก็ปรากฏว่า ท. ประธานกรรมการบริษัทโจทก์เป็นผู้มอบอำนาจและแต่งตั้งให้ อ. ฟ้องคดีนี้ มี ม. ผู้จัดการหอการค้ารับรองลายเซ็นชื่อ กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นรับรองลายเซ็นของผู้จัดการหอการค้าฯ และสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียวรับรองลายเซ็นชื่อของเจ้าพนักงานกระทรวงการต่างประเทศอีกชั้นหนึ่ง ดังนี้ เมื่อจำเลยมิได้นำสืบหักล้างว่าเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารแท้จริง และมิได้เถียงว่าคำแปลไม่ถูกต้อง จึงเป็นการเพียงพอที่จะให้ฟังได้ว่าบริษัทโจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลมอบอำนาจให้ อ.ฟ้องคดีนี้แทนได้ และคดีหาจำเป็นต้องมีพยานบุคคลมาสืบการแปลเอกสารนั้นอีกไม่
เครื่องหมายการค้าของโจทก์พิมพ์เป็นอักษรโรมันไว้ที่หีบห่อ(กล่อง) สำหรับบรรจุสินค้าเครื่องกันสะเทือนว่า KAYABA และ KYB ส่วนของจำเลยใช้คำว่า KAYADA และ KYD ซึ่งต่างกับของโจทก์เพียงอักษร D ส่วนของโจทก์เป็นอักษร B เท่านั้น นอกนั้นเหมือนกันหมดทุกตัวอักษร ทั้งสำเนียงการอ่านก็คล้ายกัน ลักษณะหีบห่อ(กล่อง) สีสรร ตลอดจนการวางรูปของตัวอักษรก็เหมือนกันหรือคล้ายกับของโจทก์ที่สุด และยังใช้สินค้าเครื่องกันสะเทือนเหมือนกัน ดังนี้ นับได้ว่าอาจทำให้สาธารณชนหลงผิดว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงมีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ เมื่อโจทก์เป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้าของโจทก์มาก่อนจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการเลียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และเป็นการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลย และชอบที่จะฟ้องร้องเกี่ยวกับกรณีพิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยว่าฝ่ายใดสมควรที่จะได้รับการจดทะเบียนดีกว่ากันนั้นได้
ในกรณีดังกล่าว แม้โจทก์จะมีสิทธิจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ดีกว่าจำเลย และจำเลยไม่มีสิทธิจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลย เพราะเป็นการเลียนแบบล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าของโจทก์ก็ตาม แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ยังมิได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ และนับแต่ได้ใช้พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาจนถึงวันฟ้องก็เป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีแล้ว ดังนี้ โจทก์จึงนำคดีสู่ศาลเพื่อป้องกันหรือเรียกค่าเสียหายในการล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าของโจทก์ไม่ได้ เพราะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2474 มาตรา 29 วรรคแรก และกรณีไม่ต้องด้วยวรรค 2 เพราะไม่มีประเด็นเรื่องการลวงขาย โจทก์จึงหมดสิทธิเรียกค่าเสียหายให้การล่วงสิทธิเครื่องหมายการค้าจากจำเลย และตราบใดที่โจทก์ยังไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของโจทก์ให้บริบูรณ์ตามกฎหมายเสียก่อน โจทก์ย่อมไม่สิทธิที่จะร้องขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้จำเลยผลิตสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลย และไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลบังคับให้จำเลยเรียกเก็บคืนซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าของจำเลยจากตลาดการค้าได้
of 278