พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,244 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 562/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการสั่งยึดทรัพย์ก่อนคำพิพากษา ต้องเป็นไปตามกระบวนการวิธีพิจารณา และศาลชั้นต้นมีอำนาจหน้าที่ก่อนศาลอุทธรณ์
การยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวนั้น ถ้าศาลอุทธรณ์ยังมิได้รับสำนวนลงสารบบก็เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น
การที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดีคือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
การที่ศาลอุทธรณ์จะวินิจฉัยเรื่องใดอย่างน้อยจะต้องมีคำฟ้องคำแก้ซึ่งศาลชั้นต้นส่งขึ้นมา
ศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีหรือทำคำวินิจฉัยเกี่ยวกับการบังคับคดีคือศาลที่พิจารณาคดีนั้นในชั้นต้น "ฯลฯ"
การที่กฎหมายบัญญัติ มาตรา 240 และ 302 ไว้ก็เพื่อจะมิให้มีการก้าวก่ายสับสนหน้าที่กัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่? ศาลฎีกาตัดสินคดีรับของโจรโดยยืนตามศาลอุทธรณ์
พฤติการณ์ที่ถือว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 435/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาจำกัดเฉพาะประเด็นข้อกฎหมาย ศาลฎีกาต้องยึดข้อเท็จจริงตามศาลอุทธรณ์ การฟ้องเรียกค่าเสียหายแยกจากค่าเช่า
คดีที่ฎีกาได้แต่ปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยชี้ขาด ไว้แล้วในสำนวน
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้นย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย
ในกรณีที่โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าจากจำเลยได้นั้นย่อมไม่ตัดสิทธิโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยเมื่อปรากฏว่าจำเลยยึดถือทรัพย์ของโจทก์ไว้โดยปราศจากสิทธิอันชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 315/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมสมบูรณ์ แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยประเด็นอื่นผิด แต่ผลบังคับตามสัญญายังคงมีผล
สามีภรรยาทำสัญญาแบ่งที่ดินต่อกัน เมื่อยังไม่มีการบอกล้างสัญญานั้นก็คงสมบูรณ์
โจทก์ฟ้องว่าได้ทำสัญญาแบ่งที่ดินกับจำเลย แล้วจำเลยบุกรุกส่วนของโจทก์ขอให้ห้ามและแบ่งแยกโฉนด จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นภรรยาในที่สุดคู่ความตกลงขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อเดียวว่า สัญญานั้นสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ดังนี้ ย่อมหมายความว่าเมื่อสัญญาใช้ได้แล้ว ก็ต้องบังคับตามสัญญานั้นด้วย แต่การแบ่งแยกโฉนดไม่มีสัญญาและไม่มีคำท้า ศาลจะให้แบ่งแยกโฉนดด้วยไม่ได้
โจทก์ฟ้องว่าได้ทำสัญญาแบ่งที่ดินกับจำเลย แล้วจำเลยบุกรุกส่วนของโจทก์ขอให้ห้ามและแบ่งแยกโฉนด จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์เป็นภรรยาในที่สุดคู่ความตกลงขอให้ศาลวินิจฉัยประเด็นข้อเดียวว่า สัญญานั้นสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ดังนี้ ย่อมหมายความว่าเมื่อสัญญาใช้ได้แล้ว ก็ต้องบังคับตามสัญญานั้นด้วย แต่การแบ่งแยกโฉนดไม่มีสัญญาและไม่มีคำท้า ศาลจะให้แบ่งแยกโฉนดด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฎีกา: การนับอายุความเริ่มต้นจากวันรุ่งขึ้นหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยฟังคำพิพากษาวันที่ 1 กรกฎาคม 2489 ยื่นฎีกาวันที่ 1 สิงหาคม 2489 ได้ ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฎีกา: การนับระยะเวลาเริ่มต้นจากวันรุ่งขึ้นหลังอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
จำเลยฟังคำพิพากษาวันที่ 1 กรกฎาคม 2489 ยื่นฎีกาวันที่ 1 สิงหาคม 2489 ได้ ไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2490
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีโดยจำเลยและการงดสืบพยานของศาล ศาลฎีกาพิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เมื่อสืบพยานโจทก์แล้วนัดสืบพยานจำเลยครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2488 ทนายจำเลยแถลงว่า จำเลยป่วยขอเลื่อนฝ่ายโจทก์คัดค้านว่า ไม่มีใบรับรองของแพทย์มาแสดง ทนายจำเลยแถลงรับรองต่อศาลว่าถ้านัดหน้าจำเลยมาไม่ได้ ทนายจะแถลงก่อนวันนัดให้ศาลไปเผชิญสืบ ศาลให้เลื่อนไปวันที่ 21 มิถุนายน 2488 ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยป่วยไม่รู้จะหายเมื่อไรหากจะหายป่วยอีกนานและขอให้ศาลไปเผชิญสืบศาลชั้นต้นไม่อนุญาตแล้วเรียกพยานอื่นเข้าสืบ หลังจากศาลถามชื่อและที่อยู่ของพยานปากแรกแล้ว ทนายแถลงว่า ไม่ขอสืบพยานปากนี้ และขอเลื่อนไปสืบพยานอื่น พฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่า จำเลยประวิงความการที่ศาลชั้นต้นงดสืบพยานจำเลยจึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้สืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์ย้อนสำนวนไปให้สืบพยานต่อไป แล้วพิพากษาใหม่นั้น เมื่อมีฎีกาก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามทุนทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 85/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการฎีกา: ประเด็นที่เคยตัดสินแล้ว และประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลอุทธรณ์
ปัญหาข้อใดที่ศาลฎีกาได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วจะฎีกาคัดค้านอีกไม่ได้
ปัญหาใดที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จะฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249
ปัญหาใดที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ จะฎีกาไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา249
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 553/2489
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยฟ้องเคลือบคลุมและการป้องกันตัว ศาลฎีกาพิจารณาเองได้และยืนตามศาลอุทธรณ์
คดีที่ศาลยกฟ้องแล้วโจทก์ฎีกานั้น เมื่อจำเลยต้องการให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ก็กล่าวในแก้ฎีกาขึ้นมาได้ ไม่ต้องทำเป็นฎีกา เพราะปัญหาที่ว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ศาลย่อมต้องพิเคราะห์อยู่แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2489 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคำให้การจำเลยในคดีอาญา: ศาลอุทธรณ์ต้องยึดข้อเท็จจริงจากคำให้การทั้งหมดในสำนวน
คำให้การจำเลยที่ถือว่าจำเลยไม่ได้ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำผิดตามฟ้อง
การพิจารณาคำให้การจำเลยว่า จำเลยรับผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น จะพิจารณาฉะเพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอบ
การพิจารณาคำให้การจำเลยว่า จำเลยรับผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น จะพิจารณาฉะเพาะคำให้การจำเลยบางตอนมาวินิจฉัยไม่ชอบ