คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
อำนาจศาล

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,218 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 163/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอดถอนตรัสตี: ไม่ใช่เรื่องสัญญา แต่เป็นผลจากการละเมิดหน้าที่
ผู้ก่อตั้งตรัสต์ได้มอบทรัพย์สินของตนให้แก่ตรัสตีเป็นผู้ดูแลจัดการผลประโยชน์เพื่อรับประโยชน์แห่งตรัสต์นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องสัญญาต่างตอบแทนที่คู่สัญญาจะต้องปฎิบัติการชำะระหนี้แต่อย่างใด ฉะนั้น เมื่อตรัสตีคนใดทำผิดหน้าที่และละเมิดตรัสต์ ศาลก็ย่อมจะพิพากษาถอดถอนตรัสตีผู้นั้นเสียได้ โดยไม่ต้องเลิกล้มทำลายหนังสือสัญญาก่อตั้งตรัสต์
การถอดถอนตรัสตีนั้นไม่มีหลัก ก.ม.ว่าทรัสตีจะต้องกระทำการถึงเป็นการทุจริตจึงจะถอดถอนได้ เพียงแต่ละเลยไม่ปฎิบัติหน้าที่ของตนถึงขนาดไม่สมควรจะดำรงตำแหน่งเป็นตรัสตีต่อไปแล้ว ศาลก็ย่อมถอดถอนได้
ฟ้องขอให้ถอดถอนตรัสตีตามตราสารก่อตั้งตรัสต์ที่ได้กระทำไว้ในประเทศไทย นั้นแม้ทรัพย์สินอันเป็นกองตรัสต์ส่วนมากจะอยู่ในต่างประเทศก็ฟ้องในศาลไทยได้ เพราะมิใช่เรื่องที่จะต้องบังคับแก่ทรัพย์สินแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการยกกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40 ใช้กับ พ.ร.บ.การพนันได้
จำเลยต้องรับโทษจำคุก ตาม พ.ร.บ.การพนัน มาตรา 14 ทวิ (2) นั้น ศาลมีอำนาจยกกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 40มาใช้ได้ มิได้เป็นการขัดแย้งกับ พ.ร.บ.การพนัน
(อ้างฎีกา 170/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1227/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลดโทษโดยอ้างอิงกฎหมายลักษณะอาญา แม้มีกฎหมายเฉพาะอื่นอยู่
จำเลยต้องรับโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติการพนันมาตรา14 ทวิ (2) นั้น ศาลมีอำนาจยกกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 40 มาใช้ได้ มิได้เป็นการขัดแย้งกับพระราชบัญญัติการพนัน (อ้างฎีกา 170/2489)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุพยานในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่มีผู้ระบุอ้างเป็นพยาน
ในคดีหาว่า จำเลยมีและจำหน่ายธนบัตรปลอม ธนบัตรปลอมของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลริบและนำส่งเป็นของกลาง และจำเลยได้ตรวจดูแล้วไม่คัดค้านอย่างใด ธนบัตรของกลางจึงเป็นวัตถุของกลางซึ่งเป็นตัวพิพาทในคดี เป็นหน้าที่ของศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดอยู่แล้วว่าเป็นของดีหรือปลอม ถึงจะไม่มีใครระบุอ้างเป็นพยาน ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเป็นหลักฐานพยานในคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1176/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วัตถุพยานในคดีอาญา: ศาลมีอำนาจวินิจฉัยแม้ไม่มีผู้ระบุอ้าง
ในคดีหาว่าจำเลยมีและจำหน่ายธนบัตรปลอม ธนบัตรปลอมของกลางที่โจทก์ขอให้ศาลริบและนำส่งเป็นของกลาง และจำเลยได้ตรวจดูแล้วไม่คัดค้านอย่างใด ธนบัตรของกลางจึงเป็นวัตถุของกลางซึ่งเป็นตัวพิพาทในคดีเป็นหน้าที่ของศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดอยู่แล้วว่าเป็นของดีหรือปลอม ถึงจะไม่มีใครระบุอ้างเป็นพยาน ศาลก็ยกขึ้นวินิจฉัยเป็นหลักฐานพยานในคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนนัดสืบพยานเพื่อรับฟังคำให้การจำเลยเพิ่มเติม และอำนาจศาลในการอนุญาตเลื่อนนัด
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟัง และให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ ในวันที่ 26 มิถุนายน 2490 ครั้นถึงวันนัดพิจารณา จำเลยให้การว่าตามที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้อง เรื่อง เพิ่มโทษว่าเคยต้องโทษจริงแต่พ้นโทษมาเกิน 5 ปี แล้ว โจทก์ไม่ได้ระบุพยานและไม่มีพยานมาสืบในข้อที่จำเลยเคยต้องโทษในวันนัด ดังนี้ศาลไม่ควรจะสั่งงดสืบพยานโจทก์ เพราะเมื่อก่อนได้ทราบคำให้การจำเลยโจทก์ไม่ทราบประเด็นที่จะต้องสืบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: แบ่งตามชั้นศาลอุทธรณ์และฎีกา
การทุเลาการบังคับคดีตามมาตรา 231 กำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นคั่น ๆ ไป กล่าวคือถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกา จึงจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกา
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์เมื่อศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องทุเลาการบังคับเป็นอย่างไรแล้ว+ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ต่อ ศาลฎีกา+ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 101/2491

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการทุเลาการบังคับคดี: แยกตามขั้นตอนการพิจารณาคดี
การทุเลาการบังคับคดีตามมาตรา 231 กำหนดวิธีการให้อยู่ในอำนาจของศาลเป็นขั้นๆ ไป กล่าวคือถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับคดีในระหว่างอุทธรณ์ก็เป็นเรื่องอยู่ในอำนาจของศาลอุทธรณ์ ถ้าเป็นการขอทุเลาการบังคับในระหว่างฎีกาจึงจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกา
คดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ เมื่อ ศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องทุเลาการบังคับเป็นอย่างไรแล้วจะฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาอีกไม่ได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 5/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2490 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงพิจารณาคดีฉ้อโกงและคำขอคืนทรัพย์สิน
ในคดีฉ้อโกงทรัพย์ซึ่งมีอัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้น แม้โจทก์จะขอให้ใช้ทรัพย์ที่ฉ้อโกงเป็นราคามากมายเท่าใด ศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์แยกฟ้องคดีส่วนแพ่งจากคดีส่วนอาญาตาม ป.ม.วิ.อาญา ม. 41 นั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา ตาม ม. 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 888/2490

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวงในคดีฉ้อโกงและการพิจารณาคำขอเรียกทรัพย์สิน: คำสั่งแยกฟ้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา
ในคดีฉ้อโกงทรัพย์ซึ่งมีอัตราโทษอยู่ในอำนาจศาลแขวงนั้นแม้โจทก์จะขอให้ใช้ทรัพย์ที่ฉ้อโกงเป็นราคามากมายเท่าใด ศาลแขวงก็มีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งให้โจทก์แยกฟ้องคดีส่วนแพ่งจากคดีส่วนอาญาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 41 นั้น เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 196
of 222