พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,780 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2687/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีแนวเขตที่ดินกับการละเมิดสิทธิครอบครอง
คดีก่อน จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ อ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 1861 ของจำเลยคลาดเคลื่อนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 1862 ของโจทก์ เนื้อที่ 100ไร่เศษเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองโจทก์ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นฟังว่า เขตที่ดินโฉนดเลขที่ 1861 ของจำเลยทางทิศใต้อยู่ติดกับเขตที่ดินโฉนดที่ 1862 ของโจทก์ทางทิศเหนือ มีคันนาและกอไผ่เป็นคันเขตจำเลยไม่ได้ปกครองรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดเลขที่ 1862 ของโจทก์พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ส่วนคดีหลัง โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยเข้าไปอาศัยปลูกกระท่อมและอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่1862ของโจทก์บางส่วนเนื้อที่ 100 ไร่เศษ โดยอาศัยสิทธิการเช่าของบุคคลอื่นที่ขอเช่าที่ดินไปจากโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อกระท่อมออกไปให้พ้นที่ดินโจทก์และอย่าเข้ามาทำนาต่อไปจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อกระท่อมห้ามเข้าเกี่ยวข้องทำนาต่อไป และเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ประเด็นแห่งคดีก่อน ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเฉพาะแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์และจำเลยด้านที่ติดกัน ว่าอยู่ตรงไหนกับชี้ขาดว่าไม่มีการครอบครองที่ดินเป็นปรปักษ์ต่อกัน ส่วนประเด็นแห่งคดีหลังเป็นเรื่องละเมิดกับเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นคนละเรื่องและคนละประเด็นกัน มิใช่เรื่องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องคดีหลังจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2687/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องซ้ำหรือไม่: คดีแนวเขตที่ดินกับการละเมิดสิทธิครอบครองเป็นคนละประเด็น ศาลล่างวินิจฉัยคลาด
คดีก่อน จำเลยยื่นคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ อ้างว่าจำเลยได้ครอบครองที่ดินโฉนดเลขที่ 1861 ของจำเลยคลาดเคลื่อนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโฉนดเลขที่ 1862 ของโจทก์ เนื้อที่ 100ไร่เศษ เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยโดยทางครอบครองโจทก์ยื่นคำคัดค้าน ศาลชั้นต้นฟังว่า เขตที่ดินโฉนดเลขที่ 1861 ของจำเลยทางทิศใต้อยู่ติดกับเขตที่ดินโฉนดที่ 1862 ของโจทก์ทางทิศเหนือ มีคันนาและกอไผ่เป็นคันเขต จำเลยไม่ได้ปกครองรุกล้ำเข้าไปในเขตโฉนดเลขที่ 1862 ของโจทก์ พิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด ส่วนคดีหลัง โจทก์ฟ้องจำเลยว่าจำเลยเข้าไปอาศัยปลูกกระท่อมและอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่1862 ของโจทก์บางส่วนเนื้อที่ 100 ไร่เศษ โดยอาศัยสิทธิการเช่าของบุคคลอื่นที่ขอเช่าที่ดินไปจากโจทก์ โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยรื้อกระท่อมออกไปให้พ้นที่ดินโจทก์และอย่าเข้ามาทำนาต่อไป จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อกระท่อม ห้ามเข้าเกี่ยวข้องทำนาต่อไป และเรียกค่าเสียหาย ดังนี้ ประเด็นแห่งคดีก่อน ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเฉพาะแนวเขตโฉนดที่ดินของโจทก์และจำเลยด้านที่ติดกัน ว่าอยู่ตรงไหนกับชี้ขาดว่าไม่มีการครอบครองที่ดินเป็นปรปักษ์ต่อกัน ส่วนประเด็นแห่งคดีหลังเป็นเรื่องละเมิดกับเรียกค่าเสียหาย จึงเป็นคนละเรื่องและคนละประเด็นกัน มิใช่เรื่องในประเด็นที่ศาลได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ฟ้องคดีหลังจึงไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446-2447/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนคานเรือใต้ผิวน้ำ ทำให้เรือเสียหายและขาดประโยชน์จากการใช้งาน
อู่ซ่อมเรืออยู่ติดกับท่าเทียบเรือที่ริมทะเลสาบ มีเสาปักอยู่ห่างจากตลิ่งราว 23 เมตร ตรงเขตติดต่ออู่ซ่อมเรือนี้มีรางเหล็ก3 รางวางเรียบขนานกันบนไม้หมอนจากอู่เรือถึงริมตลิ่งและต่อเรื่อยลงไปตามพื้นดินในทะเลสาบอีกประมาณ 30 เมตรใช้เป็นรางสำหรับวางสาลี่นำเรือขึ้นลงอู่ ปากทางเข้าอู่อีกด้านหนึ่งก็ปักเสาติดเครื่องหมายอู่เรือห่างตลิ่งราว 15 เมตรโจทก์นำเรือยนต์จับปลาขึ้นซ่อมในอู่ซ่อมเรือนี้ ขณะที่เรือของโจทก์ยังอยู่บนคานซ่อมจำเลยเป็นนายเรือผู้ควบคุมเรือยนต์เดินทะเลรู้อยู่แล้วว่ารางเหล็กคานเรือของอู่ซ่อมเรือนั้นทอดลึกลงไปในทะเลสาบด้วย จะนำเรือเข้าเทียบท่าเทียบเรือได้ถือท้ายล้ำเข้าไปในเขตอู่ซ่อมเรือ ท้องเรือจึงชนเกยขึ้นไปบนรางเหล็กท่อนกลางทำให้รางคดงอเคลื่อนหลุดจากไม้หมอน ไม้หมอนฉีกแตกใช้สาลี่ลงตามรางไม่ได้ต้องเสียเวลาซ่อมเปลี่ยนราง เป็นเหตุให้เรือของโจทก์ต้องค้างอยู่บนอู่ พฤติการณ์ของจำเลยดังนี้ถือว่าเป็นความประมาทจำเลยจะอ้างเหตุว่าเป็นเพราะรางเหล็กคานเรือรุกล้ำทางสาธารณะทั้งที่จำเลยรู้อยู่แล้วหาได้ไม่ และเมื่อเรือโจทก์ซ่อมเสร็จแล้วนำลงจากอู่ไม่ได้เพราะรางเหล็กที่จะบรรทุกสาลี่ชำรุดจากผลการกระทำโดยประมาทของจำเลย ต้องตกค้างอยู่จนกว่าจะซ่อมเปลี่ยนรางเสร็จทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการออกเรือจับสัตว์น้ำในระยะเวลานั้นความเสียหายของโจทก์จึงเป็นผลและสัมพันธ์กับการละเมิดของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ และหนี้นี้เกิดแต่มูลละเมิด โจทก์หาต้องบอกกล่าวทวงถามล่วงหน้าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2446-2447/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดจากการชนเรือทำให้รางเหล็กชำรุด ทำให้เรืออื่นไม่สามารถลงจากอู่ได้ ผู้กระทำผิดต้องชดใช้ค่าเสียหาย
อู่ซ่อมเรืออยู่ติดกับท่าเทียบเรือที่ริมทะเลสาบ มีเสาปักอยู่ห่างจากตลิ่งราว 23 เมตร ตรงเขตติดต่ออู่ซ่อมเรือนี้มีรางเหล็ก 3 รางวางเรียบขนานกันบนไม้หมอนจากอู่เรือถึงริมตลิ่งและต่อเรื่อยลงไปตามพื้นดินในทะเลสาบอีกประมาณ 30 เมตรใช้เป็นรางสำหรับวางสาลี่นำเรือขึ้นลงอู่ ปากทางเข้าอู่อีกด้านหนึ่งก็ปักเสาติดเครื่องหมายอู่เรือห่างตลิ่งราว 15 เมตรโจทก์นำเรือยนต์จับปลาขึ้นซ่อมในอู่ซ่อมเรือนี้ ขณะที่เรือของโจทก์ยังอยู่บนคานซ่อมจำเลยเป็นนายเรือผู้ควบคุมเรือยนต์เดินทะเลรู้อยู่แล้วว่ารางเหล็กคานเรือของอู่ซ่อมเรือนั้นทอดลึกลงไปในทะเลสาบด้วย จะนำเรือเข้าเทียบท่าเทียบเรือได้ถือท้ายล้ำเข้าไปในเขตอู่ซ่อมเรือ ท้องเรือจึงชนเกยขึ้นไปบนรางเหล็กท่อนกลางทำให้รางคดงอเคลื่อนหลุดจากไม้หมอน ไม้หมอนฉีกแตกใช้สาลี่ลงตามรางไม่ได้ต้องเสียเวลาซ่อมเปลี่ยนราง เป็นเหตุให้เรือของโจทก์ต้องค้างอยู่บนอู่ พฤติการณ์ของจำเลยดังนี้ถือว่าเป็นความประมาทจำเลยจะอ้างเหตุว่าเป็นเพราะรางเหล็กคานเรือรุกล้ำทางสาธารณะทั้งที่จำเลยรู้อยู่แล้วหาได้ไม่ และเมื่อเรือโจทก์ซ่อมเสร็จแล้วนำลงจากอู่ไม่ได้เพราะรางเหล็กที่จะบรรทุกสาลี่ชำรุดจากผลการกระทำโดยประมาทของจำเลย ต้องตกค้างอยู่จนกว่าจะซ่อมเปลี่ยนรางเสร็จทำให้โจทก์ขาดรายได้จากการออกเรือจับสัตว์น้ำในระยะเวลานั้นความเสียหายของโจทก์จึงเป็นผลและสัมพันธ์กับการละเมิดของจำเลยโดยตรง จำเลยจึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ และหนี้นี้เกิดแต่มูลละเมิด โจทก์หาต้องบอกกล่าวทวงถามล่วงหน้าไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดและการผิดสัญญาเช่าซื้อ: การเยียวยาความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุและการไม่ปฏิบัติตามสัญญา
ค่าเสียหายที่โจทก์ถูกผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ริบเงินดาวน์ไปนั้นแม้จะฟังว่ารถที่โจทก์เช่าซื้อมานั้นถูกรถของจำเลยชนเสียหายและโจทก์ได้รับบาดเจ็บ แต่โจทก์ก็ยังอาจจ้างช่างซ่อมรถและให้คนเช่าไปขับหารายได้มาชำระค่าเช่าซื้อรถได้ แต่โจทก์ไม่ได้กระทำคงปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง 4-5 เดือน และไม่ได้จัดการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถด้วย จึงถูกผู้ให้เช่าซื้อรถนั้นริบเงินดาวน์ไป 10,000 บาทเช่นนี้ เป็นความเสียหายที่เกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญา ไม่ใช่ความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์ถูกริบเงินดาวน์ไปนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2372/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดทางละเมิดและการผิดสัญญาเช่าซื้อ: จำเลยไม่ต้องรับผิดในความเสียหายจากการริบเงินดาวน์จากความผิดโจทก์
ค่าเสียหายที่โจทก์ถูกผู้ให้เช่าซื้อรถยนต์ริบเงินดาวน์ไปนั้น แม้จะฟังว่ารถที่โจทก์เช่าซื้อมานั้นถูกรถของจำเลยชนเสียหาย และโจทก์ได้รับบาดเจ็บ แต่โจทก์ก็ยังอาจจ้างช่างซ่อมรถและให้คนเช่าไปขับหารายได้มาชำระค่าเช่าซื้อรถได้ แต่โจทก์ไม่ได้กระทำ คงปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานถึง 4-5 เดือน และไม่ได้จัดการผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถด้วย จึงถูกผู้ให้เช่าซื้อรถนั้นริบเงินดาวน์ไป 10,000 บาท เช่นนี้ เป็นความเสียหายที่เกิดจากการที่โจทก์ผิดสัญญา ไม่ใช่ความเสียหายอันเป็นผลโดยตรงจากการที่ลูกจ้างของจำเลยกระทำละเมิด จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายที่โจทก์ถูกริบเงินดาวน์ไปนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2366/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแปลงหนี้ใหม่และการรับผิดของลูกหนี้เดิมฐานละเมิด กรณีไม่มีการเปลี่ยนตัวลูกหนี้
จำเลยเป็นหัวหน้าฝ่ายการเงินของโรงเรียนของโจทก์ ร. เป็นเสมียนการเงิน จำเลยได้กระทำละเมิดโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้เงินของโจทก์สูญหายไป แล้ว ร. ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้แก่ผู้จัดการโรงเรียนด้วยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ โดยยินยอมผ่อนใช้เงินให้ ดังนี้จะถือว่าเป็นการแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้หาได้ไม่ เพราะร. และจำเลยต่างก็เป็นลูกหนี้เดิมฐานละเมิดต่อโจทก์อยู่แล้ว ไม่มีการเปลี่ยนตัวเอาลูกหนี้คนใหม่หรือบุคคลที่สามเข้ามาเป็นลูกหนี้แทนลูกหนี้เดิมแต่อย่างใด มูลหนี้ฐานละเมิดซึ่งเป็นหนี้เดิมของจำเลยจึงหาระงับไปไม่ จำเลยไม่พ้นความรับผิดต่อโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2256-2257/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์ จากการขาดความระมัดระวังในการดูแล
บิดามารดามีรถยนต์บรรทุก 2 คันจอดไว้ที่ถนนเพราะไม่มีที่เก็บมองจากบ้านไม่เห็นรถ บุตรเคยขับรถคันเกิดเหตุไปล้างใกล้ๆกับที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ ซึ่งแสดงว่าบิดามารดาทราบดีว่าบุตรขับรถยนต์ได้ ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์ อายุ 18 ปี อยู่ในวัยคะนองชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ แต่บิดามารดากลับเก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้บุตรเอากุญแจรถไปได้ และขับรถของบิดามารดาไปทำละเมิดต่อโจทก์ ย่อมถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2256-2257/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความรับผิดของบิดามารดาต่อการกระทำละเมิดของบุตรผู้เยาว์อันเกิดจากความประมาทเลินเล่อในการดูแล
บิดามารดามีรถยนต์บรรทุก 2 คันจอดไว้ที่ถนนเพราะไม่มีที่เก็บ มองจากบ้านไม่เห็นรถ บุตรเคยขับรถคันเกิดเหตุไปล้างใกล้ๆ กับที่จอด โดยบางครั้งบิดาก็ใช้ซึ่งแสดงว่าบิดามารดาทราบดีว่าบุตรขับรถยนต์ได้ ทั้งบุตรก็ยังเป็นผู้เยาว์ อายุ 18 ปี อยู่ในวัยคะนองชอบคบเพื่อนเที่ยวเตร่ แต่บิดามารดากลับเก็บกุญแจรถไว้ในลิ้นชักโต๊ะโดยไม่ใส่กุญแจ เป็นโอกาสให้บุตรเอากุญแจรถไปได้ และขับรถของบิดามารดาไปทำละเมิดต่อโจทก์ ย่อมถือได้ว่าบิดามารดาไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ดูแลบุตรซึ่งเป็นผู้เยาว์ จึงต้องรับผิดร่วมกับบุตรด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2245/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่แตกต่างกัน แม้มีรูปภาพคล้ายกัน ไม่ถือว่าละเมิดสิทธิ หากสินค้าและวัตถุประสงค์การใช้ต่างกัน
โจทก์จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ในจำพวก 47 สำหรับสินค้าน้ำมันก๊าดจำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจำพวก 47 เช่นเดียวกัน แต่จำกัดเฉพาะสินค้าจำพวกน้ำมันหล่อลื่นสำหรับหยอดเครื่องจักรและจาระบี เครื่องหมายการค้าของโจทก์เป็นรูปคบเพลิงมีรัศมีโดยรอบอยู่ในวงกลม ที่ด้ามของคบเพลิงมีอักษรโรมันว่า TORCHKEROSINE ไม่จำกัดสีที่ใช้เครื่องหมายการค้าของจำเลยเป็นรูปคบเพลิงด้ามและฐานของคบเพลิงอยู่ในวงกลมรูปไข่ เส้นของวงกลมด้านบนลากสูงจากรูปไข่ขึ้นไปเป็นช่องสำหรับเปลวเพลิง ภายในวงกลมมีอักษรโรมัน AMOCO พาดผ่านจากซ้ายมาขวา ตามขวางกลางด้ามคบเพลิง เห็นได้ชัดเจน จำกัดสีที่ใช้เป็น สีแดง ขาว และน้ำเงิน ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยตามคำขออีกคำขอหนึ่ง ก็เหมือนกับเครื่องหมายตามคำขอก่อน เป็นแต่ย่อส่วนให้เล็กลง ไม่จำกัดสีที่ใช้เปรียบเทียบกันแล้วเห็นได้ว่า เครื่องหมายการค้าของโจทก์และของจำเลยมีลักษณะแตกต่างกัน อักษรโรมันก็มีจำนวนอักษรมากน้อยกว่ากันขึ้นต้นลงท้ายต่างกัน อ่านเป็นสำเนียงคนละอย่าง และอักษรของโจทก์ ไม่เป็นจุดเด่น ของจำเลยเป็นจุดเด่นเห็นได้ชัดคนที่ไม่รู้ภาษาต่างประเทศก็ย่อมเห็นได้ว่าแตกต่างกัน แม้ประชาชนอาจจะเรียกตราคบเพลิงเหมือนกันแต่ประชาชนผู้หาซื้อสินค้าโดยดูตราเครื่องหมายเป็นสำคัญก็คงใช้ความระมัดระวังก่อนซื้อ ย่อมรู้ได้ว่าเป็นสินค้าคนละตรา ไม่สับสนหลงผิดว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ ทั้งโจทก์จำเลยยังจดทะเบียนไว้สำหรับสินค้าคนละประเภทมีวัตถุประสงค์ในการใช้ต่างกันด้วยแล้ว ย่อมไม่มีทางให้ประชาชนหลงผิดยิ่งขึ้น (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 580/2499)