คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
การกระทำ

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 443 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1418/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแปลงหนี้ใหม่โดยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ ศาลพิจารณาเจตนาแท้จริงจากการกระทำและเอกสารประกอบคดี
จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจำเลยที่ 2 ทำหนังสือตกลงรับชำระหนี้รายนี้และใช้หนี้นั้นไป 3 งวด และขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นการกระทำภายในวัตถุประสงค์ที่จำเลยที่ 2 จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดรับโอนกิจการของจำเลยที่ 1 มาทำ จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดโดยการ แปลงหนี้ใหม่ ซึ่งศาลตีความในเอกสารประกอบพฤติการณ์แห่งคดีทั้งมวลโดยเพ่งเล็งเจตนาอันแท้จริงยิ่งกว่าตัวอักษร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 860/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดูหมิ่นเจ้าพนักงาน: ถ้อยคำที่ไม่สุภาพกับการกระทำที่เป็นการดูหมิ่น
จำเลยซึ่งเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาจังหวัดผู้หนึ่งได้ไปสอบถามผู้เสียหายซึ่งเป็นนายอำเภอ ถึงเรื่องที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่มีชื่อในบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ทางการปิดประกาศไว้ ผู้เสียหายให้ไปสอบถาม ป. ปลัดอำเภอซึ่งผู้เสียหายมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่เรื่องนี้ แต่จำเลยจะขอสอบถามผู้เสียหายเท่านั้น ผู้เสียหายก็ยืนกรานให้ไปถาม ป. จำเลยจึงพูดว่า "คุณเป็นนายอำเภอได้อย่างไรไม่รับผิดชอบ" ดังนี้เป็นการกล่าวถ้อยคำที่ไม่สุภาพต่อเจ้าพนักงานเท่านั้น ไม่ถึงกับเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136 (ประชุมใหญ่ครั้งที่9/2521)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 801/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของนายจ้างต่อการกระทำของลูกจ้างที่อยู่นอกเหนือขอบเขตหน้าที่
ลูกจ้างประจำปั๊มน้ำมันของจำเลย มีหน้าที่เติมน้ำมันล้างรถยนต์ลูกจ้างแก้รถยนต์ของโจทก์ที่เครื่องยนต์ดับเพราะน้ำท่วม แล้วนำรถออกไปลองเครื่อง ไม่เป็นการกระทำในทางการที่จ้าง รถของโจทก์เกิดอุบัติเหตุเสียหาย จำเลยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281-282/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างวิวาท ศาลพิจารณาเจตนาของผู้กระทำและเหตุแห่งการกระทำ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 เจตนาฆ่าผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 288 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 290 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ ข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 เฉพาะจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 8 คงฎีกาได้เฉพาะข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 เท่านั้น
ผู้ตายกับ ส.ขึ้นไปบนเรือนดูดทรายและผู้ตายถือไม้พายติดมือขึ้นไปด้วยโดยมีเจตนาจะก่อการวิวาท เพราะผู้ตายเคยมีสาเหตุกับชาวเรือดูดทรายมาก่อน ทันทีที่ฝ่ายผู้ตายขึ้นไปบนเรือ ฝ่ายจำเลยซึ่งอยู่ในเรือดูดทรายและมีประมาณ 4 คนก็กรูกันเข้ามาหาและเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้น ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ฉะนั้นการที่จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายถูกที่ราวนม 2 แผล ระหว่างวิวาทต่อสู้กันนั้น จำเลยจะอ้างว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 276/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบเหตุผลแห่งรูปคดีและการกระทำหลังเกิดเหตุเป็นเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยมีความผิด
หลังเกิดเหตุจำเลยหายไปจากบ้านจนตำรวจต้องสืบสวนติดตามตัวอยู่หลายวันจึงจับตัวได้ เป็นการส่อพิรุธศาลฟังประกอบการวินิจฉัยลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำเกินกว่ากรณีจำเป็นนำไปสู่ความตาย
ผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงเอามีดปัดปืนลั่นแล้วฟันผู้ตายที่หน้าอก เมื่อผู้ตายถูกฟันแล้วยืนเซ่ออยู่มีอาการสาหัสมาก จำเลยรู้ว่าปืนของผู้ตายบรรจุกระสุนได้ทีละนัด หากจะยิงก็ต้องบรรจุกระสุนใหม่ จำเลยกลับฟันซ้ำอีกถูกคอผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกถูกจุดศูนย์กลางประสาทต้นคอขาด ถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าและการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การพิจารณาเจตนา การกระทำ และเหตุผลในการป้องกัน
จำเลยใช้อาวุธปืนพกสั้นขนาด .38 ซึ่งเป็นอาวุธที่ร้ายแรงยิงผู้เสียหายในระยะ 4-5 เมตร ถูกผู้เสียหายที่ตะโพกซ้าย แสดงว่าจำเลยเจตนายิงไปที่ลำตัวของผู้เสียหายซึ่งเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย เหตุที่กระสุนปืนถูกที่ตะโพกซ้าย เชื่อได้ว่าเพราะจำเลยยิงไม่แม่นยำ การยิงของจำเลยอยู่ในลักษณะที่จะทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหาย
ขณะที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายกับพวกกำลังกลุ้มรุมทำร้าย น. การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน น. ให้พ้นภยันตรายจากการถูกทำร้าย แต่โดยเหตุที่ผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไร การยิงของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาปล้นทรัพย์ต้องชัดเจน การกระทำเพียงขู่ด้วยปืนไม่พอฟังว่าเป็นการปล้น
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยใช้ปืนขู่ให้ผู้เสียหายซึ่งขี่รถจักรยานยนต์หยุดรถ ผู้เสียหายลดความเร็วลงเตรียมจะจอด พอดีรถจำเลยเสียหลัก ผู้เสียหายเร่งรถหนีไปได้ ไม่พอฟังว่ามีเจตนาปล้น เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ซึ่งบรรยายมาในฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของการปล้นที่ฟ้อง ศาลลงโทษตาม มาตรา 309 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน: เจตนาหลายฐาน, การกระทำครั้งเดียวอาจเป็นหลายกรรมได้
ในการพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียว หรือหลายกรรมต่างกันนั้นมิใช่พิจารณาแต่เพียงถ้าเป็นการกระทำครั้งเดียว คราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไป การกระทำครั้งเดียว คราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกัน หรือมีเจตนาอย่างเดียวกัน แต่ประสงค์ให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐานต่างกัน การที่จำเลยพาเด็กหญิง ย. ไปเพื่อการอนาจารและพรากเด็กหญิง ย.ไปเสียจากบิดามารดา ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกันนั้น ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกันหาใช่กรรมเดียวไม่ (อ้างฎีกาที่ 340/2512 และฎีกาที่ 1215/2518)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรามีกำหนด 6 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปีไปเสียจากบิดามารดามีกำหนด 3 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกในฐานแรก 2 ปี และในความผิดฐานหลัง 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การฎีกาโต้แย้งเรื่องดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 398/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวหรือหลายกรรมต่างกัน: การพิจารณาเจตนาและผลของการกระทำความผิด
ในการพิจารณาว่าการกระทำเป็นกรรมเดียว หรือหลายกรรมต่างกันนั้นมิใช่พิจารณาแต่เพียงถ้าเป็นการกระทำครั้งเดียวคราวเดียวแล้วจะต้องเป็นกรรมเดียวเสมอไปการกระทำครั้งเดียว คราวเดียวอาจเป็นหลายกรรมต่างกันได้ หากผู้กระทำมีเจตนาหลายเจตนาที่จะให้เกิดผลต่างกรรมกันหรือมีเจตนาอย่างเดียวกันแต่ประสงค์ให้เกิดผลเป็นความผิดหลายฐานต่างกัน การที่จำเลยพาเด็กหญิง ย. ไปเพื่อการอนาจารและพรากเด็กหญิง ย. ไปเสียจากบิดามารดา ซึ่งได้กระทำในคราวเดียวกันนั้น ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำความผิดให้เกิดผลเป็นกรรมในความผิดต่างฐานต่างหากจากกันหาใช่กรรมเดียวไม่ (อ้างฎีกาที่ 340/2512 และฎีกาที่1215/2518)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานข่มขืนกระทำชำเรามีกำหนด6 ปี และฐานพรากเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ไปเสียจากบิดามารดามีกำหนด 3 ปี แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้จำคุกในฐานแรก 2 ปี และในความผิดฐานหลัง 2 ปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การฎีกาโต้แย้งเรื่องดุลพินิจในการกำหนดโทษเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงฎีกาของโจทก์จึงต้องห้าม ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
of 45