พบผลลัพธ์ทั้งหมด 354 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2085/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติดเป็นกรรมเดียว แม้เป็นการกระทำต่อเนื่อง
การที่จำเลยมียาเสพติดให้โทษชนิดเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้บังอาจจำหน่ายยาเสพติดให้โทษดังกล่าวนั้น เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว มิใช่เป็นความผิดสองกรรม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1810/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการขอคืนของกลางของผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของ แม้ของกลางได้มาจากการกระทำผิด ต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 74 บัญญัติเฉพาะในเรื่องริบของกลางอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดแต่ในเรื่องที่มีผู้มาร้องขอให้สั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบไปแล้ว พระราชบัญญัติป่าไม้ดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ประกอบด้วยมาตรา 17 ซึ่งเป็นบททั่วไป ดังนั้น แม้ศาลจะฟังว่าถ่านของกลางได้มาจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ และได้สั่งริบไปแล้ว ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของเป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่มีโอกาสต่อสู้คดีกับโจทก์ ย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่จะร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1810/2517
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิเรียกร้องคืนของกลางของผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำผิด: การบังคับใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36
พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 74 บัญญัติเฉพาะในเรื่องริบของกลางอันได้มาหรือมีไว้เนื่องจากการกระทำผิดแต่ในเรื่องที่มีผู้มาร้องขอให้สั่งคืนของกลางที่ศาลสั่งริบไปแล้วพระราชบัญญัติป่าไม้ดังกล่าวไม่มีบทบัญญัติไว้เป็นพิเศษ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ประกอบด้วยมาตรา 17 ซึ่งเป็นบททั่วไป ดังนั้น แม้ศาลจะฟังว่าถ่านของกลางได้มาจากการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ และได้สั่งริบไปแล้ว ผู้ร้องซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของ เป็นบุคคลภายนอกคดี ไม่มีโอกาสต่อสู้คดีกับโจทก์ ย่อมใช้สิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ที่จะร้องขอให้ศาลสั่งคืนของกลางแก่ผู้ร้องได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งคืนถ่านของกลาง โดยอ้างแต่เพียงว่าถ่านของกลางที่ศาลสั่งริบเป็นของผู้ร้องเท่านั้น มิได้อ้างว่าไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำผิด เป็นคำร้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 36 ศาลจะสั่งคืนของกลางให้แก่ผู้ร้องไม่ได้ ต้องยกคำร้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2517 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำผิดกฎหมายที่ดินต้องเกิดขึ้นหลังประกาศคณะปฏิวัติ การบรรยายฟ้องต้องชัดเจน
การกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินและมีโทษตามมาตรา 108 ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ข้อ 11 นั้น จะต้องเป็นการฝ่าฝืนนับแต่วันที่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับดังกล่าวใช้บังคับ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนอยู่ก่อนซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 9 ประกอบด้วยมาตรา 108 เมื่อโจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษตามมาตรา 9ประกอบด้วยมาตรา 108 จึงลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 386/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงซ้ำโดยโทสะ ไม่ถึงขั้นทารุณโหดร้าย
การที่จำเลยใช้มืดปลายแหลมยาวคืบเศษ แทงผู้ตายทางด้านหน้าล้มลงไป แล้วแทงซ้ำทางด้านหลังอีกหลายที เป็นเรื่องที่จำเลยกระทำไปโดยปราศจากการยับยั้งเนื่องจากโทสะจริตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วน เป็นผลให้ผู้ตายถึงแก่ความตายโดยฉับพลันเท่านั้น ยังไม่เข้าลักษณะของการกระทำด้วยความทารุณโหดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3388/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบรถจักรยานยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะในการวิ่งราวทรัพย์ ไม่ถือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด
รถจักรยานยนต์ที่จำเลยใช้เป็นพาหนะในการวิ่งราวทรัพย์นั้นไม่เรียกว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิด จึงริบไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2839/2516
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบเงินที่ได้จากการกระทำผิดฐานขายสลากเกินราคา ศาลมีอำนาจริบเงินทั้งหมดที่ได้จากการกระทำผิด
จำเลยขายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังมิได้ออกรางวัลให้แก่ผู้มีชื่อครึ่งฉบับในราคา 5 บาท 50 สตางค์ เกินกว่าราคาที่กำหนดในสลากครึ่งฉบับ 50 สตางค์ เช่นนี้เงินทั้งจำนวน 5 บาท 50 สตางค์ย่อมมีส่วนก่อให้เกิดความผิด มิใช่เฉพาะเงินจำนวนส่วนที่เกิน 50 สตางค์ ศาลมีอำนาจริบเงิน 5 บาท 50 สตางค์ ซึ่งเป็นทรัพย์ที่จำเลยได้มาโดยการกระทำความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2516 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการลักทรัพย์: การกระทำที่เข้าข่ายสนับสนุนก่อนกระทำผิด แม้ไม่ได้ร่วมมือขณะลงมือ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมปรึกษาหารือกับจำเลยที่ 3 เพื่อจะไปลักกระบือแล้ววางแผนให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส. ไปซุ่มรอรับกระบือที่หัวทุ่งแล้วจำเลยที่ 3 กับพวกไปต้อนกระบือของผู้เสียหายมาส่งให้จำเลยที่ 1ที่ 2 และ ส. สถานที่ที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และ ส.รอรับกระบือกับสถานที่ที่จำเลยที่ 3 และพวกไปต้อนกระบือนั้นอยู่ไกลกันมาก เช่นนี้จำเลยที่ 1ที่ 2 ไม่อยู่ในฐานะที่จะร่วมมือกับจำเลยที่ 3 ขณะจำเลยที่ 3 กับพวกกระทำการลักกระบืออันจะถือว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นตัวการ แต่พฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ถือได้ว่าถ้าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ส่งเสริมอันเป็นการช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกในการที่จะไปลักกระบือจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงเป็นผู้สนับสนุนก่อนกระทำผิด
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากคดีดังกล่าว เพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีก โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 13/2516)
โจทก์ฟ้องขอให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดำที่ 353/2513ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสาม แต่ไม่นับโทษจำเลยที่ 1ต่อจากคดีดังกล่าว เพราะคดีดังกล่าวยังมิได้พิพากษา ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามและนับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีดังกล่าวอีก โดยอ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีแดงที่ 1021/2513 และถึงที่สุดแล้ว แต่มิได้แสดงรายละเอียดว่าศาลพิพากษาเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 อย่างไร สำนวนก็ไม่อ้างประกอบเช่นนี้ ไม่ใช่หน้าที่ของศาลที่จะไปค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอันจักเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 1 จึงไม่ชอบที่จะนับโทษต่อให้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องละเมิดต้องชัดเจนถึงการกระทำผิดของจำเลย การใช้ให้ผู้อื่นกระทำละเมิดต้องแสดงเจตนา
ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผู้เป็นนายอำเภอกับจำเลยอีก 4 คนซึ่งเป็นปลัดอำเภอและตำรวจได้บังอาจกระทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงโดยจำเลยที่ 1 ได้ใช้ให้จำเลยอีก 4 คนนั้นกระทำละเมิดต่อโจทก์กล่าวคือใช้ให้จำเลยที่ 2 ไปเอาเรือนาคของกรมชลประทานซึ่งอยู่ในความครอบครองของโจทก์ โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ขู่จะยิงโจทก์ ปลุกปล้ำจับโจทก์ ใช้ปืนตีจนบาดเจ็บ และใส่กุญแจมือคุมตัวฝ่าฝูงชนให้อับอาย ขอให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันใช้ค่าสินไหมทดแทน ดังนี้ เป็นคำฟ้องที่ไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจใช้ให้จำเลยอื่นไปเอาเรือนาคและใช้ให้กระทำละเมิดดังกล่าวต่อโจทก์ จึงไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นซึ่งโจทก์จะฟ้องจำเลยฐานละเมิดได้ศาลย่อมไม่รับฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 812/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การริบไม้ของกลาง: ต้องมีคำพิพากษาว่าจำเลยกระทำผิดก่อน จึงจะริบได้
ฟ้องกล่าวหาว่า จำเลยกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้และขอให้ริบไม้ยางของกลาง ศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยฟังว่าจำเลยไม่ได้กระทำผิด จะริบไม้ของกลางในเมื่อยังไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาดว่า ได้มีการกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ไม่ได้