คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
คดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 291 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2507

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมรับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและผลของการไม่อุทธรณ์คดีจำเลยที่ 1
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยที่ 1(ตัวแทน) จำเลยที่ 2(ตัวการ) ร่วมกันและแทนกันใช้เงินค่าสินค้าที่จำเลยที่ 1 ซื้อไปจากโจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 เท่านั้นใช้เงินค่าสินค้าแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยส่วนฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ยกเสีย จำเลยที่ 2 เท่านั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ โจทก์จะฎีกาขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดตามฟ้องอีกหาได้ไม่ต้องถือว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติลงตามกระบวนความเพียงแค่ศาลชั้นต้นไปแล้ว โจทก์คงฎีกาได้เฉพาะที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 741/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงสละประเด็นและยอมกันตลอดคดี: ผลผูกพันตามคำพิพากษา
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีกเดือนละ 500 บาทด้วย จำเลยให้การว่าเช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ค่าเสียหายของโจทก์อย่างสูงไม่เกินเดือนละ 50 บาทในการพิจารณาคู่ความตกลงกันว่าจะพิพาทกันเฉพาะประเด็นที่ว่า ห้องพิพาทเป็นที่อยู่อาศัยอันจะได้รับความคุ้มครองฯหรือไม่เท่านั้น ส่วนประเด็นข้ออื่นคู่ความตกลงกันสละเสียไม่ถือเป็นข้อพิพาทต่อไป คือถ้าศาลวินิจฉัยว่าห้องพิพาทเป็นเคหะโจทก์ยอมแพ้ ถ้าวินิจฉัยว่าไม่เป็นเคหะ จำเลยยอมแพ้ดังนี้ เมื่อศาลฟังว่าห้องพิพาทไม่เป็นเคหะ จำเลยแพ้คดีตามคำท้า จำเลยก็ต้องใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทด้วยจะอ้างว่าคู่ความตกลงสละประเด็นข้อค่าเสียหายแล้ว ศาลพิพากษาให้ชำระค่าเสียหายเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นและเกินคำขอดังนี้ หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อแตกต่างระหว่างข้อเท็จจริงในฟ้องกับข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ส่งผลต่อการตัดสินคดี
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายถึงบาดเจ็บสาหัสทางพิจารณาได้ความว่า มีการชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลตั้งแต่สามคนขึ้นไป และโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสจากการชุลมุนต่อสู้นั้น เป็นเรื่องข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง เพราะขาดข้อเท็จจริงอันเป็นข้อสารสำคัญเป็นองค์ความผิดหาใช่เพียงแตกต่างกันในรายละเอียดที่ต้องกล่าวมาในฟ้องเท่านั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือในคดี ไม่ถือเป็นความผิดฐานให้ทรัพย์สินเพื่อจูงใจ
ความผิดฐานให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 จะต้องเป็นเรื่องให้หรือขอให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นเอง การที่จำเลยให้เงินกำนันเพื่อให้กำนันช่วยเหลือไปติดต่อกับเจ้าพนักงานอำเภอหรือพนักงานอสบสวนให้กระทำการให้คดีของจำเลยเสร็จไปในชั้นอำเภออย่างให้ต้องถึงฟ้องศาลเนื่องจากกำนันรายงานกล่าวโทษจำเลยไปอำเภอ และอำเภอเรียกพยานทำการสอบสวนไปแล้ว ดังนี้ เป็นการพ้นอำนาจหน้าที่ของกำนันแล้ว จำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 342/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การให้เงินเจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือคดี ไม่ถือเป็นความผิดตามมาตรา 144 หากเจ้าพนักงานไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในคดีนั้น
ความผิดฐานให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์แก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 จะต้องเป็นเรื่องให้หรือขอให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงานเพื่อจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการหรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานผู้นั้นเอง การที่จำเลยให้เงินกำนันเพื่อให้กำนันช่วยเหลือไปติดต่อกับเจ้าพนักงานอำเภอหรือพนักงานสอบสวนให้กระทำการให้คดีของจำเลยเสร็จไปในชั้นอำเภออย่าให้ต้องถึงฟ้องศาลเนื่องจากกำนันรายงานกล่าวโทษจำเลยไปอำเภอและอำเภอเรียกพยานทำการสอบสวนไปแล้วดังนี้ เป็นการพ้นอำนาจหน้าที่ของกำนันแล้วจำเลยย่อมไม่มีความผิดฐานให้ทรัพย์สินแก่เจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจากการเช่าเป็นอิสระ การสอดเข้ามาในคดีต้องเกี่ยวข้องกับสัญญาพิพาทโดยตรง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า การที่ผู้ร้องขอเข้าเป็นจำเลยร่วมอ้างว่าอยู่ในห้องพิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาที่ผู้มีชื่อคนหนึ่งทำกับผู้แทนโจทก์ อันไม่เกี่ยวข้องกับสัญญาเช่าที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้น จึงเป็นการกล่าวอ้างสิทธิตามสัญญาอีกอันหนึ่ง ฉะนั้น ถึงแม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องเพื่อการค้า และยกป้ายใช้ชื่อร้านค้าซึ่งเป็นชื่อของผู้ร้องก็ตาม ก็เป็นแต่บรรยายให้เห็นว่าจำเลยเช่าเพื่อการค้า จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้องจะสอดเข้ามาในคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1091/2506

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกานอกประเด็น: การเปลี่ยนแปลงฐานแห่งคดีหลังศาลวินิจฉัยแล้ว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องคดีตั้งประเด็นว่า โจทก์เป็นผู้รับมรดกทรัพย์พิพาทจากบิดามารดา โจทก์มอบให้บิดาปกครองแทน บิดาโอนให้จำเลย จึงถือว่าบิดาและจำเลยปกครองแทนโจทก์ เมื่อบิดาตาย จำเลยไม่ส่งทรัพย์พิพาทคืน จึงฟ้องเรียกจากจำเลย ดังนี้ เมื่อศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของบิดา บิดายกให้จำเลยแล้ว โจทก์จะฎีกาว่าโจทก์ฟ้องเรียกมรดกของบิดาจากจำเลยด้วย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ เป็นฎีกานอกประเด็น โดยโจทก์มิได้ตั้งประเด็นมาแต่ต้นว่า ทรัพย์พิพาทเป็นของบิดาโจทก์ และโจทก์เป็นผู้รับมรดกของบิดาแต่อย่างใด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิอาศัย-เจตนาลวง: การต่อสู้สิทธิในคดีก่อนไม่ขัดสิทธิในคดีหลัง, นิติกรรมลวงเป็นโมฆะ
(1) ข้อต่อสู้ของจำเลยกับสิทธิของจำเลยนั้น เป็นคนละเรื่อง ด้วยเหตุนี้เองแม้ในคดีเรื่องหนึ่งจำเลยจะได้เคยต่อสู้คือ อ้างว่าหนังสือสัญญาปลอม แต่ต่อมาคดีนั้นถึงที่สุด โดยศาลฟังว่าหนังสือสัญญานั้นไม่ปลอม และหนังสือสัญญาที่ว่านี้ได้ทำให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เพราะจำเลยได้รับรองกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์นั้นไว้ในหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้วด้วย เช่นนี้ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิตามที่บุคคลนั้นทำให้ไว้แก่จำเลยด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเมื่อจำเลยเสียหายในการที่บุคคลนั้นโอนขายอสังหาริมทรัพย์ที่กล่าวไปโดยสมยอมกับผู้ซื้อจำเลยก็ย่อมมีสิทธิอ้างความเป็นโมฆะอันเกิดจากการซื้อขายในการสมยอมนั้นขึ้นต่อสู้คดีได้
(2) การแสดงเจตนาด้วยสมรู้กับคู่กรณีอีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีได้ในสัญญาทุกชนิด อันการทำกรมธรรม์สัญญาด้วยเจตนาลวง แม้จะทำที่อำเภอเป็นโมฆะ และไม่จำต้องขอให้เพิกถอน เพราะไม่เป็นนิติกรรมเสียแล้ว ผลก็เท่ากับไม่ได้ทำอะไรเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1337/2505

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยอมแพ้คดีจากการท้าสาบานและน้ำหนักพยานหลักฐานจากรายงานเจ้าหน้าที่ศาล
คู่ความตกลงท้ากัน ถ้าจำเลยสาบานว่าได้ชำระเงินให้โจทก์แล้วโจทก์ไม่ติดใจดำเนินคดี ถ้าจำเลยไม่ยอมสาบาน จำเลยยอมแพ้ ศาลจึงให้จ่าศาลไปเป็นพยานในพิธี สาบาน โดยที่จ่าศาลเป็นพนักงานของศาล เมื่อไม่ปรากฏเป็นอย่างอื่น รายงานและคำแถลงของจ่าศาลจึงเชื่อถือได้ ฉะนั้น เมื่อจำเลยไม่ยอมสาบานจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2504

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลทหาร: คดีต้องขึ้นศาลพลเรือนหากไม่มีหลักฐานพรรคพวกจำเลยเป็นบุคคลในอำนาจศาลทหาร แม้ภายหลังพิสูจน์ได้ว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
จำเลยเป็นทหารประจำการ แม้โจทก์จะกล่าวในฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกกระทำผิดกฎหมาย โดยโจทก์ไม่ยืนยันว่าพวกจำเลยเป็นทหารหรือพลเรือนและชั้นพิจารณาก็ไม่ปรากฏว่าเป็นทหารหรือพลเรือนก็ตาม เมื่อคดีไม่มีหลักฐานว่าพรรคพวกของจำเลยเป็นบุคคลอยู่ในอำนาจศาลทหารแล้ว คดีก็ต้องขึ้นศาลฝ่ายพลเรือนและแม้จะปรากฎตามทางพิจารณาในภายหลังว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร ก็ให้ศาลพลเรือนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้
(อ้างฎีกาที่ 463/2504)
of 30