พบผลลัพธ์ทั้งหมด 467 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2104/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงปืนโดยไม่เจตนาทำร้ายหรือฆ่า: พิจารณาจากพฤติการณ์และผลกระทบที่เกิดขึ้น
จำเลยใช้อาวุธปืนยิงไปยังบ้านที่ผู้เสียหายพักซึ่งอยู่ห่างประมาณ20เมตรและอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้ามกระสุนปืนถูกหลังคาบ้านกระจกหน้าต่างชั้นบนซึ่งอยู่สูงจากพื้นชั้นบนประมาณ2เมตรจำนวนหลายนัดขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางวันจำเลยยิงเป็นเวลานาน30นาทีไม่ปรากฏว่าจำเลยทราบว่ามีผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นอยู่ในบ้านและจำเลยกับผู้เสียหายตลอดจนบุคคลเหล่านั้นไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อนหลังจากยิงแล้วจำเลยมิได้หลบหนีไปไหนพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่ายิงโดยไม่ประสงค์ให้ถูกใครไม่มีทั้งเจตนาฆ่าหรือเจตนาทำร้าย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควร การกระทำเกินกว่าเหตุ การฆ่าโดยเจตนา
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากัน ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลย ฉะนั้น เมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ ด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ ดังนั้น การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีก จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้าย แต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใด การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทลงโทษในคดีวิวาท ทำร้าย และฆ่า มีเจตนาทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันให้ส่งจำเลยไปควบคุมไว้ยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด1ปีแม้ศาลอุทธรณ์จะปรับบทลงโทษตามป.อ.มาตรา288เพิ่มอีกบทหนึ่งก็เป็นการลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน1ปีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามป.วิ.อ.มาตรา219จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับฟ้องก็ดีจำเลยมิได้เข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กับฝ่ายผู้ตายและผู้เสียหายก็ดีเป็นฎีกาโต้เถียงในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้ กรณีวิวาทต่อสู้กันซึ่งกระทำต่อเนื่องกันไปและจำเลยร่วมกันกับพวกใช้อาวุธฝ่ายเดียวทำร้ายอีกฝ่ายจนได้รับบาดเจ็บและตายการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำความผิดเพียงร่วมกับพวกทำร้ายอีกฝ่ายตามป.อ.มาตรา295บทเดียวย่อมไม่ถูกต้องเมื่อคดีมีการอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ก็ชอบที่จะหยิบยกบทมาตราที่ถูกต้องขึ้นปรับคดีได้หากมิใช่เป็นการเพิ่มโทษจำเลยให้หนักขึ้น เมื่อมีการตายและบาดเจ็บเกิดขึ้นในขณะวิวาทต่อสู้กันย่อมถือได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาเพียงทำร้ายฝ่ายผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา290ประกอบด้วยมาตรา83อีกบทหนึ่งต่างหากจากมาตรา295เท่านั้นและต้องลงโทษจำเลยตามบทนี้ที่มีโทษหนักที่สุดแต่เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยหนักขึ้นจำเลยจึงควรรับโทษเพียงไม่เกินกว่าอัตราโทษที่กำหนดไว้ในป.อ.มาตรา295ดังที่ศาลชั้นต้นกำหนด.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 545/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การช่วยเหลือการฆ่าผู้อื่น: การวิ่งนำหลบหนีหลังก่อเหตุ ไม่ถึงขั้นร่วมมือฆ่า แต่เป็นความช่วยเหลือ
ผู้ประสงค์จะฆ่าผู้ตายติดต่อกับจำเลยที่ 3 ให้หาคนมายิงผู้ตายจำเลยที่ 3 เป็นผู้ติดต่อพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาพบผู้ว่าจ้าง และได้รับมอบปืน 2 กระบอกจากผู้ว่าจ้างให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 วันเกิดเหตุผู้ว่าจ้างพาจำเลยทั้งสามมาดูตัวผู้ตายกับพวกจนจำได้ ตอนที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายจำเลยที่ 3 ยืนอยู่คนละฝั่งถนนโดยจำเลยที่ 3 มีมีดปลายแหลมติดตัวเพียง 1 เล่มเมื่อจำเลยที่ 1 ที่ 2 ยิงผู้ตายแล้วจำเลยที่ 3 เป็นผู้วิ่งนำพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนี ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 3 ยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมมือในขณะกระทำความผิดหรือเป็นการแบ่งแยกหน้าที่กันทำ เพราะไม่จำเป็นที่จำเลยที่ 3 จะต้องมาคอยชี้หรือให้สัญญาณให้ยิง และคงจะไม่เข้าช่วยเหลือซ้ำเติมหรือทำอันตรายแก่ผู้ตายอีกเพราะไม่มีอาวุธปืน การที่จำเลยที่ 3 อยู่ในที่เกิดเหตุก็เพียงคอยวิ่งนำหน้าพาจำเลยที่ 1 ที่ 2 หลบหนีไปในเส้นทางที่ตนชำนาญเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ในการฆ่าผู้ตาย อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา 86 เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3611/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานจ้างวานฆ่าและพกพาอาวุธปืน แม้พยานร่วมกระทำผิดให้การ แต่ศาลรับฟังพยานหลักฐานได้
แม้ล.กับป.พยานโจทก์จะมีพฤติการณ์เป็นผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน กับจำเลยแต่เมื่อโจทก์ได้กันส.กับป.ไว้เป็นพยานคำเบิกความของ พยานทั้งสองปากดังกล่าวอาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้แต่มี น้ำหนักน้อยมิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้เสียเลยทีเดียวถ้าโจทก์มีพยานอื่น ประกอบก็รับฟังลงโทษจำเลยได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 401/2496,1769/2509 และ 2001/2514) จำเลยได้ใช้ให้ ส.ฆ่าว. ผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยได้มอบ อาวุธปืนของกลางให้ ส.นำไปหาโอกาสยิงว.ผู้ตายแม้ส.ยังมิได้กระทำผิด เพราะไม่มีโอกาสฆ่าผู้ตายการกระทำของจำเลยก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบกับมาตรา 85วรรคสอง จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วยมาตรา84 วรรคสองซึ่งต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษที่กำหนดไว้นั้นให้ลดโทษประหารชีวิตหนึ่งในสามเป็นจำคุก ตลอดชีวิตตามมาตรา 52(1) และให้เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิต อันเป็นโทษสองในสามของโทษประหารชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 53 ซึ่งต้องลงโทษเพียงหนึ่งในสาม ของโทษประหารชีวิตคือกึ่งหนึ่งของโทษจำคุก50 ปี จึงเป็นโทษ จำคุก 25 ปี (โปรดดูคำพิพากษาฎีกาที่ 91/2510 ประชุมใหญ่)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการพรากผู้เยาว์, ข่มขืน, และฆ่าเพื่อปกปิดความผิด การลงโทษผู้กระทำผิดและผู้สนับสนุน
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทาง แต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิด และสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่ 1 กับพวกอีกมีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกันและจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตามพยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม, 276 วรรคสองและ 289 (7) ถูกจำคุก 4 ปี, 33 ปี 4 เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3279/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดพรากผู้เยาว์, ข่มขืนกระทำชำเรา, ฆ่าเพื่อปกปิดความผิด และการสนับสนุนความผิด
โจทก์มีพยานเห็นเพียงจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่1 และพวกฉุดผู้ตายลงจากรถจักรยานพาเข้าไปข้างทางแต่เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 พรากผู้เยาว์ข่มขืนกระทำชำเราและฆ่าผู้ตายเพื่อปกปิดความผิดและสถานที่ซึ่งผู้ตายถูกข่มขืนกระทำชำเราอยู่ต่อเนื่องกับสถานที่ซึ่งจำเลยที่ 2 กับพวกฉุดผู้ตายลงจากรถเช่นนี้แม้หลังจากนั้นโจทก์ไม่มีพยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำของจำเลยที่1กับพวกอีก มีแต่คำรับของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นคำซัดทอดของผู้กระทำผิดด้วยกัน และจำเลยที่ 2 ปฏิเสธข้อหาตามฟ้องโจทก์มาแต่แรกก็ตาม พยานหลักฐานโจทก์ก็ยังคง ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 พรากผู้ตาย ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร และสนับสนุนการกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
เมื่อลงโทษประหารชีวิตจำเลยแล้วจะเพิ่มโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 93 อีกไม่ได้
จำเลยมีความผิด 3 กระทงตามมาตรา 318 วรรคสาม,276 วรรคสอง และ 289(7) ถูกจำคุก 4 ปี,33 ปี 4เดือน และตลอดชีวิตตามลำดับ เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกจำเลยตลอดชีวิตสถานเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา91ที่แก้ไขแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2865/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งส่วนตัวและการเข้าใจผิด
บ. ถูกยิงตาย จำเลยมาขอเงินภริยาผู้เสียหาย อ้างว่า ผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยยิง บ. ภริยาผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยพูดอาฆาตว่า แล้วจะเสียใจต่อมาพี่เขยจำเลยถูกยิงตาย จำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนจ้างให้ผู้อื่นไปยิง วันเกิดเหตุจำเลยมาซุ่มอยู่ข้างทางแล้วยิง ผู้เสียหายจนล้ม จำเลยตามยิงผู้เสียหายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง กรณีดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2865/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจากความขัดแย้งส่วนตัวและการเข้าใจผิด
บ.ถูกยิงตายจำเลยมาขอเงินภริยาผู้เสียหายอ้างว่า ผู้เสียหาย ว่าจ้างจำเลยยิงบ.ภริยาผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยพูดอาฆาตว่า แล้วจะเสียใจต่อมาพี่เขยจำเลยถูกยิง ตายจำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหาย เป็นคนจ้างให้ผู้อื่นไปยิงวันเกิดเหตุจำเลยมาซุ่มอยู่ข้างทางแล้วยิง ผู้เสียหายจน ล้มจำเลยตามยิงผู้เสียหายซ้ำอีกครั้งหนึ่ง กรณีดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 252/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บันดาลโทสะและการกระทำเกินเลย: การพิจารณาความผิดฐานฆ่าเมื่อถูกทำร้ายก่อนและการยิงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง
จำเลยไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุก่อน ผู้ตายกับพวกเล่นการพนันแล้วทะเลาะกันส่งเสียงดังในยามวิกาล จำเลยซึ่งอยู่บ้านใกล้ชิดติดกันย่อมมีความชอบธรรมที่จะไปขอร้องให้เบา ๆ ลงหรือเลิกเล่นการพนัน แต่ผู้ตายกลับด่าว่าจำเลยแล้วเกิดชกต่อยกัน เมื่อมีคนมาห้ามและจำเลยกับผู้ตายยุติกันไปแล้ว แต่ผู้ตายหาได้หยุดยั้งเพียงแค่นั้นไม่ กลับเข้าไปในบ้านหยิบขวดมาตีศีรษะจำเลยจนโลหิตไหลฉะนั้นการที่จำเลยไปหยิบปืนในบ้านออกมายิงผู้ตายจึงเป็นการบันดาลโทสะ แต่ที่จำเลยยิง ว.และศ. ด้วยแม้คนทั้งสองจะเป็นบุตรภริยาของผู้ตายและอยู่บ้านเดียวกับผู้ตายก็ตาม แต่คนทั้งสองก็มิได้ร่วมทำร้ายจำเลยด้วย การที่จำเลยยิง ว. และ ศ. ถึงแก่ความตายในขณะนั้นเป็นแต่เพียงจำเลยกระทำไปโดยอารมณ์ร้อนแรงชั่วแล่น ซึ่งไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามกฎหมาย