คำพิพากษาที่อยู่ใน Tags
จัดการมรดก

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 279 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3174/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องคดีจัดการมรดก: ทายาทมีสิทธิฟ้องภายใน 5 ปีนับจากจัดการมรดกสิ้นสุด
จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล โดยจำเลยอ้างว่าไม่มีพินัยกรรมถ้าปรากฏว่าเจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมไว้ โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับพินัยกรรมก็เป็นทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1603 จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกต้องรับผิดต่อทายาทตามมาตรา 1720 โดยลักษณะตัวแทนตัวการ การที่จำเลยครอบครองทรัพย์มรดกในระหว่างจัดการถือได้ว่าเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยจะยกอายุความตาม มาตรา 1754 ขึ้นต่อสู้ทายาทไม่ได้ ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกไม่เกินกว่าห้าปีนับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลงตาม มาตรา 1733วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจตัวแทนในการจัดการมรดก: การฟ้องคดีถอนผู้จัดการมรดก
หนังสือมอบอำนาจมีใจความว่า ขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจทั้งปวงจัดการเกี่ยวกับการขอรับมรดก และมีอำนาจเต็มที่ในการรับและจัดการมรดกดังกล่าวดังนี้ เป็นการมอบอำนาจเฉพาะการให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจในการขอรับมรดกและมีลักษณะเป็นการตั้งให้เป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปที่จะจัดการเกี่ยวกับมรดกที่ได้รับมาได้ตามสมควร ผู้รับมอบอำนาจย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีขอให้ศาลถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกแทนหรือร่วมกับจำเลย เพราะเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1267/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตอำนาจตัวแทนในการจัดการมรดก: การฟ้องคดีขัดแย้งผู้จัดการมรดกเกินขอบเขต
หนังสือมอบอำนาจมีใจความว่า ขอมอบอำนาจให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจทั้งปวงจัดการเกี่ยวกับการขอรับมรดก และมีอำนาจเต็มที่ในการรับและจัดการมรดกดังกล่าวดังนี้ เป็นการมอบอำนาจเฉพาะการให้ผู้รับมอบอำนาจมีอำนาจในการขอรับมรดกและมีลักษณะเป็นการตั้งให้เป็นตัวแทนได้รับมอบอำนาจทั่วไปที่จะจัดการเกี่ยวกับมรดกที่ได้รับมาได้ตามสมควรผู้รับมอบอำนาจย่อมไม่มีอำนาจฟ้องคดีขอให้ศาลถอนจำเลยจากการเป็นผู้จัดการมรดกและแต่งตั้งให้ตนเป็นผู้จัดการมรดกแทนหรือร่วมกับจำเลยเพราะเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 801(5)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดก: บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายร่วมกันจัดการมรดก
ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายอยู่ก่อนแล้ว ศาลตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นบุตรที่เกิดจากภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายให้เป็นผู้จัดการมรดกอีกได้ และเพื่อมิให้การปฏิบัติหน้าที่เกิดขัดแย้งกันจึงให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านร่วมกันจัดการมรดกรายนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 787/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองปรปักษ์และการจัดการมรดกโดยผู้จัดการมรดก ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
ศาลมีคำสั่งตั้งให้ ล. เป็นผู้จัดการมรดก ป. ต่อมาอีก 5 ปี ล. ได้โอนทรัพย์พิพาทเป็นของตนในฐานะทายาท โดยไม่มีบุคคลใดคัดค้าน เป็นการแบ่งปันทรัพย์มรดกตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกโดยสุจริต มิใช่เป็นการกระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อกองมรดก จึงไม่เป็นกรณีที่ผู้จัดการมรดกจะกระทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากศาลก่อนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1722
ล. ครอบครองทรัพย์พิพาทในฐานะผู้จัดการมรดก ย่อมเป็นการครอบครองแทนทายาท จำเลยผู้สืบสิทธิจาก ล. จะนำอายุความตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้ แต่ในระหว่างที่ ล. เป็นผู้จัดการมรดกอยู่ 5 ปี ไม่มีบุคคลใดอ้างว่าเป็นทายาทโดยธรรมมีสิทธิได้รับทรัพย์พิพาท จึงเป็นกรณีที่ ล. ไม่อาจทราบได้ว่าตนได้ยึดถือทรัพย์พิพาทไว้แทนบุคคลใด อันจะต้องบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือไปยังบุคคลนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3786/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรอง และอายุความฟ้องคดีจัดการมรดก
บุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองแล้วถือว่าเป็นผู้สืบสันดานเหมือนกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1627 จึงมีสิทธิรับมรดกของบิดาได้
โจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นบุตรโดยชอบ ด้วยกฎหมายของ ป. แต่นำสืบว่าโจทก์เป็นบุตรที่ป.รับรองแล้วไม่เป็นการนำสืบนอกฟ้อง
ปัญหาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ มิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน เมื่อจำเลยมิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่+วินิจฉัย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า ป. เป็นผู้มีสิทธิรับมรดกเฉพาะส่วนของ ส. แล้วนำสืบว่า ป. มีสิทธิรับมรดกเพราะ ส. ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้ ป. หาใช่เป็นการนำสืบนอกฟ้องนอกประเด็นไม่
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นทายาทของป. จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกไม่จัดการทรัพย์มรดกโจทก์ จึงขอให้บังคับให้จำเลยจัดการโอนให้ ดังนี้ เป็นคดีเกี่ยวกับการจัดการมรดกทายาทมีสิทธิฟ้องคดี ภายใน 5 ปี นับแต่การจัดการมรดกสิ้นสุดลง ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1733 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3122/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับสถานะทายาทเพื่อหวังผลประโยชน์ในการจัดการมรดก เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียประโยชน์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 จำคุกจำเลย 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
แม้โจทก์จะขอระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนจำเลยแถลงหมดพยานแล้วก็ตาม ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจที่จะสั่งรับระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ และรับฟังเอกสารที่อ้างนั้นมาวินิจฉัยคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 228
การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713 ปัญหาว่าผู้ร้องเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกหรือไม่ เป็นประเด็นโดยตรง และเป็นข้อสำคัญในคดีซึ่งศาลจำต้องวินิจฉัย การที่จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกว่าผู้ตายไม่มีภรรยาและบุตร และศาลเชื่อตามคำเบิกความ เป็นผลให้จำเลยซึ่งเป็นน้องผู้ตายมีสิทธิรับมรดกและศาลได้แต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานลำดับต้นและมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายเป็นผู้เสียประโยชน์ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3122/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จเกี่ยวกับสถานะทายาทเพื่อประโยชน์ในการจัดการมรดกเข้าข่ายความผิดฐานเบิกความเท็จ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177จำคุกจำเลย 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
แม้โจทก์จะขอระบุพยานเพิ่มเติมเมื่อสืบพยานโจทก์จำเลยเสร็จจนจำเลยแถลงหมดพยานแล้วก็ตาม ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจที่จะสั่งรับระบุพยานเพิ่มเติมของโจทก์ และรับฟังเอกสารที่อ้างนั้นมาวินิจฉัยคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 228
การร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713ปัญหาว่าผู้ร้องเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกหรือไม่เป็นประเด็นโดยตรง และเป็นข้อสำคัญในคดีซึ่งศาลจำต้องวินิจฉัย การที่จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีที่จำเลยร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ว่าผู้ตายไม่มีภรรยาและบุตร และศาลเชื่อตามคำเบิกความ เป็นผลให้จำเลยซึ่งเป็นน้องผู้ตายมีสิทธิรับมรดกและศาลได้แต่งตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกทำให้โจทก์ซึ่งเป็นผู้สืบสันดานลำดับต้นและมีสิทธิรับมรดกของผู้ตายเป็นผู้เสียประโยชน์ คำเบิกความของจำเลยจึงเป็นข้อสำคัญในคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องจัดการมรดก: การจัดการมรดกโดยผู้จัดการร่วมกันย่อมมีอำนาจฟ้องได้ ไม่ถือเป็นการตั้งตัวแทน
ป. บ. และ ส. กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ได้จัดแบ่งที่ดินมรดกและตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินด้านในๆ มีทางออกสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวทางที่จะทำถนนไว้แล้ว ป. บ. และ ส. เป็นโจทก์โดย ป. และ บ. มอบอำนาจให้ ส. ฟ้อง อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ยอมสละที่ดินให้ทำถนน อันเป็นการฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดกตามที่ ป. บ. และ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเองไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจ อันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2953/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจัดการมรดกและการสละที่ดินทำถนนร่วมกัน ผู้จัดการมรดกมีอำนาจฟ้องได้
ป. บ. และ ส. กับจำเลยเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ได้จัดแบ่งที่ดินมรดกและตกลงให้มีการทำถนนเพื่อให้ผู้เป็นเจ้าของที่ดินด้านในๆ มีทางออกสู่ถนนได้กับตกลงกำหนดแนวทางที่จะทำถนนไว้แล้ว ป.บ. และ ส.เป็นโจทก์โดยป.และบ.มอบอำนาจให้ส. ฟ้อง อ้างว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงโดยไม่ยอมสละที่ดินให้ทำถนนอันเป็นการฟ้องให้สละที่ดินทำถนนเพื่อทายาทอื่นใช้ร่วมกันตามข้อตกลงแบ่งมรดกตามที่ ป. บ. และ ส. ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกเห็นพ้องต้องกัน ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการมรดกร่วมกันนั่นเอง ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้จัดการมรดกตั้งตัวแทนให้จัดการมรดกรายนี้โดยไม่มีอำนาจอันจะเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1723
of 28